กฎแห่งกรรมจำแนกสัตว์ให้ประณีตและเลวทราม กฎเเห่งกรรมเป็นกฎธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงไม่ใช่พระเจ้าสร้างขึ้น แต่เป็นกฎที่มีอยู่เเล้ว อันชีวิตของเราทุกคนนั้น ถูกควบคุมไว้ด้วยกฎเเห่งกรรมไม่มีใครมาควบคุมชีวิตของเรา เมื่อว่าตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ชีวิตของเราทุกคนไม่ว่าจะเสื่อม จะเจริญ จะสุข จะทุกข์ จะก้าวหน้า จะถอยหลัง จะอายุสั้น จะอายุยืน ขึ้นอยู่กับกรรม คือการกระทำของเราทั้งสิ้นไม่ใช่ขึ้นอยู่ที่อำนาจดวงดาว ไม่ใช่อำนาจพระเจ้า ไม่มีอำนาจอื่นใดภายนอกที่จะบันดาลชีวิตของเราให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ นอกจากกฎแห่งกรรม เราต้องเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาแห่งหลักกรรม เราเชื่อในกฎเเห่งกรรม คำว่ากรรม แปลว่า การกระทำ กรรมนั้นเป็นคำกลางๆ ถ้าหากว่ากระทำดีก็เรียกว่า กุศลกรรม ถ้าทำไม่ดีก็เรียกว่า อกุศลกรรม |
ลูกสุนัขนั้นฟังเสียงพระพุทธเจ้าแล้วก็เข้าใจ จึงวิ่งคอตกเข้าไปในบ้าน แทนที่จะไปนอนบนที่นอนเดิม ที่สุภมาณพจัดให้อย่างสวยงาม แต่กลับไปนอนบนกองขี้เถ้ากลางเตาไฟ คนใช้เห็นอย่างนั้นก็ไปอุ้มมาเเล้ว เอาไปนอนบนที่นอนเดิมที่สวยงาม พอวางลงลูกสุนัขนั้นก็ลุกวิ่งไปนอนบนกองขี้เถ้าอีก อย่างนี้หลายครั้งจนกระทั่งสุภมาณพกลับมาเห็นเข้า จึงดุคนใช้ว่าใครเอาลูกสุนัขของฉันมานอนที่นี้ ถามด้วยความไม่พอใจ คนใช้บอกว่า มันมานอนเอง อุ้มไปนอนที่นอนเดิมหลายหนเเล้วมันก็วิ่งกลับมานอนกองขี้เถ้าอีก
สุภมาณพ ถามว่า เพราะเหตใด คนใช้ว่า วันนี้พระพุทธเจ้ามาบิณฑบาต ลูกสุนัขก็ออกไปเห่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างนั้นๆ ลูกสุนัขได้ฟังแล้วก็วิ่งไปนอนบนกองขี้เถ้าอย่างที่ท่านมาเห็นนี้แหละพระ พุทธเจ้าตรัสกับลูกสุนัขนั้นแล้ว ก็กลับวัดเชตวันทันที สุภมาณพได้ฟังคนใช้รายงานให้ฟัง ดังนั้นก็โกรธทันที หาว่าพระพุทธเจ้าดูหมิ่นพ่อของตน แท้ที่จริงพ่อของตนไปเกิดเป็นพรหมเเล้ว ไม่ใช่เป็นสุนัข เพราะพวกพราหมณ์ทายว่าอย่างนั้น พระพทธเจ้ารู้ได้อย่างไร สุภมาณพโกรธมาก รีบเดินทางไปหาพระพุทธเจ้าทันทีคิดว่าจะไปต่อว่าให้สาแก่กใจเลยทีเดียว เมื่อไปถึงก็ไม่นั่งสนทนาอยู่ แต่ก็ยืนนานไม่ไหว จึงนั่งลงแล้วก็ทูลถามว่า พระองค์ไปที่บ้านของข้าพระองค์ใช่หรือไม่วันนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่า ใช่ สุภมาณพ ทูลถามว่า เเล้วพระองค์ทราบได้อย่างไรว่าพ่อของข้าพระองค์เกิดมาเป็นสุนัข เป็นการดูลูกพ่อของข้าพระองค์มากนะพวกพราหมณ์บอกว่า พ่อของข้าพระองค์ไปเกิดเป็นพรหมเเล้ว ไม่ใช่เกิดเป็นสุนัขออย่างนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าสุภมาณพ ถ้าเธอต้องการจะพิสูจน์เรื่องนี้ทดสอบก็ได้วันนี้ถ้ากลับไปจากที่นี้แล้วให้ เอาลูกสุนัขตัวนั้นของเธอกินข้าวมธุปายาสมีน้ำอ้อยผสม เมื่อมันอิ่มแล้วให้นอนสักครู่พอนอนเคลิ้มจะหลับจงกระซิบข้างหู ถามว่าพ่อขุมทรัพย์ที่พ่อฝังไว้นั้น พ่อเอาฝังไว้ตรงไหน เเล้วสุนัขตัวนี้ก็จะวิ่งนำไปยังที่ฝังทรัพย์แล้วเอาเท้าหน้าตะกายตรงที่เขา ได้ฝังทรัพย์ เจ้าก็จงให้คนใช้ขุดลงไปดูว่ามีทรัพย์อยู่จริงหรือไม่
สุภมาณพ ได้ฟังดังนั้นก็นึกกระหยิ่มอยู่ในใจว่า เออทีนี้ ถ้าเราพิสูจน์เเล้วไม่จริง แล้วเราเองจะโพนทะนาไปทั่วเลยว่า สมณะองค์นี้เป็นคนโกหกพูดจาเหลวไหล แต่ถ้าจริงขึ้นมาเราก็ได้ทรัพย์ไม่ได้ขาดทุนอะไร เมื่อคิดดังนั้นเขาก็รีบกลับบ้าน ไปทำตามที่พระองค์ตรัสบอกไว้ทุกอย่าง พอสุนัขตัวน้อยกินข้าวอิ่มเเล้ว ด้วยการได้กินข้าวมธุปายาสผสมน้ำอ้อยที่มีรสหวานพอกินเสร็จ ก็เริ่มมีอาการง่วงนอน
สุภมาณพเมื่อเห็นสุนัขง่วงก็จึงนำไปนอนบนที่นอนอันสิรินั้น สักครู่พอมันทำทีจะหลับสุภมาณพจึงกระซิบที่ข้างหูเเล้วถามว่า พ่อทรัพย์ที่ฝังไว้ไม่ได้บอกลูกว่าอยู่ที่ไหน สุนัขนั้นพอถูกถามอย่างนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าโอ้ลูกของเรารู้เเล้วหนอว่าเรา เกิดเป็นสุนัขก็หอนขึ้นเเล้ววิ่งไปที่ฝังทรัพย์เอาไว้ สุภมาณพได้วิ่งตามไปติดๆ สวนสุนัขพอวิ่งไปถึงที่ฝังทรัพย์เอาไว้ ก็เอาเท้าทั้งสองตะกายดินตรงที่ฝังทรัพย์เอาไว้เเล้วเพราะการที่ตัวเองต้อง เกิดมาเป็นสุนัขนี้ก็เพราะเป็นห่วงทรัพย์นั้นเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่ใกล้จะตายแต่จิตใจเป็นห่วงทรัพย์บ้าง ห่วงคนบ้าง แต่พอตายไปก็จะไปเกิดเป็นงูบ้าง เป็นสุนัขบ้าง เป็นจิ้งจกบ้าง ตุ๊กเเกบ้าง บางคนก็ไปเกิดเป็นลูกของคนใช้ที่อยู่ในบ้านเขานั้นเอง หรือว่าจะเกิดเป็นอะไรก็เเล้วเเต่เวรกรรมของใครของมัน ทรัพย์สมบัติของใคร อยู่ที่ไหนเขาก็จะไปเกิดอยู่ที่ใกล้นั้นเอง เมื่อสุนัขตะกายลงไปที่ดินนั้นสุภมาณพก็รีบให้คนใช้ขุดลงไปตรงนั้น น่าพิศวงเเท้ ทองคำที่แปรสภาพเป็นจาน ชาม รองเท้า พวงมาลัย ดอกไม้ล้วนเเต่เป็นทองคำทั้งนั้น และยังมีเหรียญเงินอีกต่างหาก อย่างละเเสนกหาปนะ สุภมาณพพอเห็นเข้าอย่างนั้นก็อทานในใจขึ้นมาทันที “ฮือ ฮือ” พระพุทธเจ้าทราบได้อย่างไร สิ่งที่ภพชาติปิดบังไว้ก็ยังทรงทราบได้ ฉะนั้น พระองค์ต้องไม่ไช่พระธรรมดา แน่นอนเเล้วต้องเป็นผู้ตรัสรู้เเน่เลย ทีนี้ชักจะเลื่อมใสเเล้วสุภมาณพจึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับทีนี้ไปถึง ยกมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ไม่มีความขัดเคืองอยู่ในใจอีกเลยเเล้วทูลถามว่า ข้าเเต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าความดีความชั่วมีจริง อย่างนี้ทำไมคนเราเกิดมาจึงไม่เหมือนกัน ปัญหาที่สุภมาณพถามมีอยู่ ๑๔ ข้อ แต่จัดเป็นคู่มี ๗ คู่
คู่ที่ ๑ ถามว่า ทำไมบางคนมีอายุสั้นบางคนมีอายุยืน
คู่ที ๒ ถามว่า ทำไมบางคนมีโรคภัยไข้เจ็บมากบางคนมีโรคน้อย
คู่ที่ ๓ ถามว่า ทำไมบางคนรูปไม่สวยผิวพรรณทราม บางคนรูปสวยหน้าตาผิวพรรณก็สวย
คู่ที่ ๔ ถามว่า ทำไมบางคนมีศักดิ์ต่ำหรือไม่มียศถาบรรดาศักดิ์แต่บางคนเกิดมามีศักดิ์สูงคือ ยศตำเเหน่งสูง
คู่ที่ ๕ ถามว่า ทำไมบางคนยากจนบางคนร่ำรวย
คู่ที่ ๖ ถามว่า ทำไมบางคนเกิดในสกุลต่ำ บางคนเกิดในสกุลสูง
คู่ที่ ๗ ถามว่าทำไมบางคนเกิดมาโง่ บางคนเกิดมาฉลาดเป็นปัญหา
พระพุทธเจ้าก็ตรัสตกบเเก่สุภมาญพโดยทรงขยายความ กฎเเห่งกรรมไว้ใน จูฬกัมมวิภังคสูตร ค่อนข้างยาว แต่ในที่นี้ขอกล่าวเพียงโดยย่อ
คู่ที่ ๘ การที่คนเราเกิดมามีอายุสั้น ก็เพราะเมื่อชาติปางก่อนเป็นคนชอบฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตไม่รักษาศีล ด้วยอำนาจผลของการฆ่าสัตว์ ทำให้เขาตายไปตกนรกหมกไหม้ เสวยทุกข์อยู่นาน เมื่อหมดกรรมนั้นก็มาเกิดเป็นมนุษย์ เศษกรรมยังเหลือยู่ทำให้เขาอายุสั้น เพราะเคยฆ่าสัตว์
ส่วนที่มีอายุยืนก็เพราะเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนรักษาศีล มีศีลธรรมประจำใน เมื่อเขาตายจากความเป็นมนุษย์ก็เกิดที่ดีมีความสุข เช่น ไปเกิดในสวรรค์ เมื่อพ้นจากภูมินั้นแล้วก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ด้วยบุญเก่าที่เคยทำจึงหนุนให้เขาอายุยืน
คู่ที่ ๙ ส่วนคนที่เกิดมามีโรคภัยไข้เจ็บมากก็เพราะว่าเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนชอบ เบียดเบียนสัตว์ ทรมาน กักขัง คือทำลายให้ได้รับความเจ็บปวดอยู่เสมอ ให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอๆ ทั้งคนและสัตว์เมื่อเขาตายไปก็ไปเกิดนรก ๕๐๐ ชาติ เมื่อพ้นจากนรกก็มาเกิดเป็นคน เศษกรรมเก่า และกรรมใหม่ที่สร้างขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันนี้อีก จึงทำให้เขาเจ็บไข้ได้ป่วยเสมอๆ ไม่ค่อยมีความสุข
ส่วนคนที่เกิดมาไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงหรือมีก็น้อยมาก เพราะชาติก่อนนั้นเขาเป็นคนมีเมตตาต่อสัตว์เเละคน มีความเมตตา กรุณา ปราณีต่อคนและสัตว์ทั้งหลาย เห็นคนและสัตว์ได้รับความลำบากก็ช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยความเต็มใจไม่หวัง สิ่งตอบแทน เมื่อเขาตายไปก็ไปเกิดในที่ดีมีความสุข เช่น เกิดบนสวรรค์ หากหมดบุญจากสวรรค์ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เศษบุญที่เขาทำยังมีอยู่จึงทำให้เขามีสุขภาพสมบูรณ์เเข็งเเรงไม่มีโรคภัยไข้ เจ็บ
คู่ที่ ๑๐ ถามว่าทำไมบางคนเกิดมารูปไม่สวย ผิวพรรณทราม พระพุทธเจ้าตรัสว่า เพราะชาติก่อนเป็นคนขี้โกรธ มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน เมื่อตายไปก็ไปเกิดในสถานที่ลำบากหรือตกนรกนั้นเเหละ แต่ไม่นานเมื่อพ้นจากสถานที่นั้นก็ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ยังมีเศษ กรรมอยู่จึงทำให้เป็นคนไม่สวย ผิวพรรณขี้เหร่ไม่น่ารัก เพราะเป็นคนขี้โกรธ ส่วนคนที่เกิดมามีรูปร่างหน้าตาสะสวยผิวพรรณงาม ก็เพราะเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนมีเมตตากรุณาต่อคนเเละต่อสัตว์ เป็นคนมีจิตใจเบิกบานไม่ขี้โกรธ เมื่อเขาตายไปเกิดในสวรรค์เมื่อกลับมาจากสวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ก็ยังเป็นคน โชคดีมีความสุขมีรูปสวย รูปหล่อผิวพรรญงดงามเพราะเป็นคนไม่ขี้โกรธ
คู่ที่ ๑๑ ถามว่าทำไมบางคนเกิดมาไม่มียศถาบรรดาศักดิ์เป็นคนมีวาสนาน้อยเป็นคนต้อยต่ำ พระองค์ก็ตอบว่าเพราะเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนริษยาคนอื่นเห็นคนอื่นได้ดี มีความสุขทนไม่ได้ ต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งให้ได้รับความเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเมื่อเขาเกิดมาชาตินี้จึงเป็นคนไม่มีวาสนาเป็นคนต้อยต่ำไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง ถ้ามีตำเเหน่งก็มักจะมีตำเเหน่งที่ต่ำเสมอ
ส่วนคนที่มียศมีตำแหน่งสูงเพราะเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนที่ไม่มีความ อิจฉาริษยาใคร เห็นใครได้ดีก็พลอยยินดีด้วย เกิดมาชาตินี้เขาจึงเป็นคนโชคดีมียศตำเเหน่งสูง
คู่ที่ ๑๒ ถามว่าบางคนทำไมเกิดมายากจนเเละมีสกุลต่ำก็ตอบว่า เพราะชาติก่อนเขาเป็นคน
ตระหนี่ ถี่เหนียว ไม่ชอบทำบุญทำทานมีเเต่อยากได้ของเขาฝ่ายเดียวเห็นของคนอื่นมีค่าเท่าเม็ด ทรายเห็นของตัวเองเท่าทองคำ ชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่นเขาจึงเกิดมาเป็นคนยากจน
ส่วนคนที่เกิดมาเป็นคนร่ำรวย และมีสกุลสูง ก็เพราะว่าชาติก่อนเขาเป็นคนว่าง่ายกตัญญูต่อพ่อแม่มีจิตใจชอบทำบุญให้ทาน ยินดีในการบริจาคไม่ตระหนี่ถี่เหนียว
คู่ที่ ๑๓ ถามว่าทำไมบางคนเกิดในสกุลต่ำ ก็ตอบว่า เพราะชาติก่อนเป็นคนเเข็งกระด้างไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ เมื่อตายไปจึงไปเกิดในที่ลำบาก ในนรก เป็นต้น เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์จึงเกิดในสกุลต่ำ เช่น สกุลจัณฑาล หรือ พวกชาวประมง หรือเกิดในที่เเร้นแค้น ทุรกันดาร อดอยาก ลำบากเดือดร้อน
ส่วนคนที่เกิดในสกุลที่สูงเเละร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐี เพราะว่าเมื่อชาติปางก่อนเขาเป็นคนอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ต่อสมณพราหมณ์ ต่อผู้ประพฤติดี และเพราะเขาเป็นคนมีศีลรักษาศีลไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร เมื่อเขาตายไปเขาจึงไปเกิดที่ดีมีสวรรค์ เป็นต้น เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยเศษบุญที่เขาเคยทำไว้จึงทำให้เขาได้ไปเกิดใน สกุลที่สูงศักดิ์และร่ำรวยเช่น สกุลกษัตริย์ สกุลเศรษฐี หรือสกุลเจ้านาย ป็นต้น
คู่ที่ ๑๔ ถามว่า ทำไมบางคนเกิดมาจึงเป็นคนโง่ ก็ตอบว่าเพราะเมื่อชาติก่อนนั้น เป็นคนไม่เข้าไปไต่ถามศึกษาหาความรู้ต่อสมณพราหมณ์ ต่อผู้ประพฤติดี ต่อผู้รู้คุณธรรม จึงเป็นคนโง่ในชาติปัจจุบัน
ส่วนคนที่เกิดมามีปัญญาฉลาดเพราะเข้าไปไต่ถามหาความรู้ต่อสมณพราหมณ์ ต่อผู้ประพฤติดี ถามถึงบาปบุญคุญและโทษ เป็นต้น ฉะนั้นจึงเกิดมาเป็นคนมีปัญญา รู้เท่าทันคน
นี้คือ ปัญหา ๑๔ ข้อ ที่สุภมาณพได้ทูลถามต่อพระพุทธเจ้า สุภมาณพได้ฟังแล้วก็เลื่อมใสได้ประกาศตัวนับถือต่อพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ระลึก ส่วนสุนัขนั้นก็ตายไปเกิดในนรกตามกรรมของตน
จากเรื่องนี้จะชี้ให้เห็นว่า คนเราเเต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน เพราะกรรมเป็นตัวบันดาลไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่อำนาจของดวงดาว แต่บางคนบอกว่าค้าขายไม่ดี ไม่ได้กำไรหรือได้กำไรน้อยหรือรับราชการไม่ดี ดวงไม่ให้ กลับไปเชื่อถือ เรื่องของดวง แท้ที่จริง กรรมที่เราเคยทำไว้เองเมื่อในอดีตต่างหากที่ดลบันดาลมา แล้วเราจะเเก้กรรมเหล่านี้โดยเฉพาะในด้านทีไม่ดีอย่างไร คำตอบก็คือทำกรรมดีเข้าไปมากๆ ในที่สุดกรรมที่ไม่ดีจะจางหายไปเเล้วก็สามารถจะพบกับความสุขได้ในที่สุด โดยรักษาศีล ๕ ให้บริบูรณ์
ไม่มีความเห็น