ช่วงเวลาเกือบสามสัปดาห์ที่ได้รับการติดต่อให้มาประชุมกับทาง EFIL ( European Federation for Intercultural Learning) ภายใต้หัวข้อเก๋ไก๋ที่มีความหมายน่าสนใจว่า “ YOU(th) contribute(s) to Building Civil Society to face Global Challenges” จึงรีบเร่งดำเนินการเคลียร์ภาระงานให้เรียบร้อยแข่งกับเวลาที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งจนแทบไม่ได้พักผ่อน หลายครั้งที่….อยากจะฝืนกระบวนการแห่งธรรมชาติหยุดยั้งวัน-เวลา หรือไม่ก็ยืดระยะเวลาเพิ่มเติมจำนวนชั่วโมงของแต่ละวันเข้าไปอีกสักสอง-สามชั่วโมง
คุณเย็นยิ่ง เย็นจิต และคุณรินทรภัทร ชาวชายโขง ผู้จัดการฝ่ายฯ แผนกอุปถัมภ์อำนวยความสะดวกอย่างดียิ่ง
คณะอาสาสมัครเอเอฟเอสกลุ่มเรา ประกอบไปด้วยคุณครูล้วน จำนวน 4 คน ตัดสินใจแวะ สัมผัสอากาศเย็นที่เมือง Zurich เมืองหลวงของประเทศ Switzerland ช่วงต่อเครื่องไปยังเมือง Barcelona ประเทศ Spain ในระยะเวลา อันจำกัดจำนวน 6 ชั่วโมงยี่สิบนาที
พอก้าวพ้นด่านตรวจคนเข้าเมืองแห่งเมือง Zurich คณะฯ แทบจะถลาบินร่อนราวกับนกน้อยอย่างเริงร่าวิ่งขึ้นรถราง(Tram)ด้านหน้าไปอย่างฉับไว หลังจากหยุดนิ่งดูใจพนักงานขับรถอยู่เสี้ยววินาที ว่าจะเปิดประตูอัตโนมัติให้ไหม เพราะเพิ่งกดสวิทส์ปิดไปก่อนหน้านี้เกือบนาที “ งานนี้ไม่เกี่ยงเรื่องสรีระของร่างกาย สมาชิกทุกคนเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับติดปีกบิน ”
ชาว Zurich แต่ละท่านก้าวขึ้นรถรางด้วยเครื่องแต่งกายปกป้องความหนาว เย็นอย่างเต็มฟอร์ม หันกลับมามองตนเอง ใส่เพียงเสื้อยืดเอเอฟเอสสีฟ้ารุ่น 50 ปีบางๆตัวเดียว ในขณะที่พี่ๆสมาชิกทั้งสามสวมแจ๊กเก็ตของฝ่ายอุปถัมภ์ ที่เพิ่งรับมาหมาดๆ ในส่วนของวิทยากรงาน Hosting Support Training 2012 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวัน 9 กันยายน ที่ผ่านมา แต่รูปร่างของตนเองเล็กไปกว่าระดับมาตรฐานจึงดูเทอะทะ จึงกังวลว่าหากพกพาเสื้อตัวนี้มาสวมใส่อาจส่งผลให้ความสวยซึ่งมีอยู่น้อยนิดลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่งก็เป็นไปได้ อาศัยเพียงผ้าคลุมไหล่ผืนโตที่ศิษย์รักนำมาฝากจากประเทศตุรกี( Turkey) มาห่อหุ้มแทน
อุณหภูมิ 11 เซลเซียส ของยามเช้าที่ Zurich เย็นยะเยือกจับจิต หยาดน้ำค้างใสและหยดน้ำฝนพราวยังคงเกาะติดอยู่บนสรรพสิ่งราวกับผนึกเป็นเซลล์เดียวกัน ฟากฟ้ากว้างสีเทาหม่นกรองแสงแห่งดวงสุริยันต์ไม่ให้ส่องกระทบ มองดูมืดครื้มทั่วอาณาบริเวณ อาคาร-บ้านเรือนในรูปทรงสไตล์ยุโรปโบราณจำนวนหลายหลังยังคงอนุรักษ์สืบทอดให้เห็นบรรยากาศเก่าๆเมื่อร้อยปีก่อนดูมีเสน่ห์น่าค้นหา
พยายามย้อนรำลึกไปถึงการมาเยือนดินแดนแห่งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อ 16 ปีก่อนกับเพื่อนรุ่นพี่ แต่ภาพที่ปรากฏในห้วงแห่งความทรงจำที่ชัดเจนคือเทือกเขาทิสลิสที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนและรถรางที่วิ่งวนบริการใจกลางเมืองอันเงียบสงบ นอกนั้นช่างลางเลือนเสมือนหนึ่งเป็นเพียงภาพแห่งจินตนาการที่จับต้องไม่ได้
ย่าน Central เป็นศูนย์รวมของรถรางหลายสายหลายขบวนที่วิ่งตัดผ่าน ร้านค้าเรียงรายต่อเนื่องไปตลอดแนวเรียบแม่น้ำใสสะอาด ร้านที่เปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่มีเพียงแค่ 2-3 ร้าน คือร้านขายรองเท้า ร้านนาฬิกา และร้านขายของที่ระลึก แม้จะจำกัดด้วยเวลาแต่คณะของของเรายังสามารถถ่ายเทเงินยูโรในกระเป๋าทิ้งไว้ให้ชาว Swiss เก็บไว้ เฉลี่ยคนละเป็นร้อยยูโร
เงินสกุลไทยแลกเปลี่ยนเป็นเงินยูโร อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร= 39.97บาท
ระหว่างการพักสมองขณะนั่งรถรางกลับสนามบิน ฉุกคิดได้ว่า มีดอัจฉริยะขนาดพกพาออกแบบอย่างสวยเก๋ที่ขนซื้อกันมาคนละ 4-5 อันนั้น ไม่สามารถนำติดตัวขึ้นไปบนเครื่องได้ วิธีการเดียวที่สะดวกคือ ใส่กระเป๋าเป้ และนำไปเช็คอินอีกรอบหนึ่ง ประเภทบอกฝากพนักงานตรงด่านสแกนฯ ให้จัดใส่ถุงนำส่งให้เราตอนลงเครื่องที่สนามบิน Barcelona นั้นคงยาก ใจไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงต่อการสูญเสียสิ่งของเหล่านี้ไป เพราะชาวต่างชาติแถบยุโรปหรืออเมริกาไม่ค่อยเอื้ออำนวยความสะดวกเหมือนชาวเอเซีย ที่กล้ากล่าวเช่นนี้เนื่องจากมีประสบการณ์ตรงหลายครั้งนั่นเอง
ตั๋วรถรางราคา 6.40 โร (ที่เพิ่งซื้อได้ตอนเที่ยวกลับ)
ขณะนั่งเพลินๆ ช่วยกันคิดหาวิธีการพกพามีดอัจฉริยะผ่านด่านตรวจเช็ค รถรางก็ย้อนกลับมาที่เดิมตรงจุดที่ขึ้นมา ณ เขต Central เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 30 นาที โห ทั้งๆที่พนักงานขายตั๋วรถยืนยันว่ารถรางเบอร์ 10 ไปสนามบิน แต่คำตอบที่ได้รับเมื่อถูกพาย้อนกลับที่เดิมคือ รถรางบางคันมันก็ไปไม่ถึงสนามบิน แถมยังบอกต่อว่า เวลาของตั๋วที่คณะฯของเราซื้อ จะหมดภายใน 10 นาที พวกคุณต้องซื้อใหม่ แม่คุณเอ๊ย ไม่มีเวลาเล่นกับหล่อนแล้ว จะตกเครื่องอยู่รอมร่อ จึงหันหลังให้ราวกับไม่มีมารยาท เรียกแท็กซี่ยี่ห้อเบ้นซ์ไปส่งในราคา 45 ยูโร เสร็จเรื่องราวกันไป
พนักงานเช็คอินตรวจสอบอยู่พักใหญ่
“ คุณเช็คอินไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้นทาง และโหลดกระเป๋าไปแล้ว 1 ใบ หากจะโหลดกระเป๋าอีก 1 ใบ ต้องจ่ายเพิ่ม 90 ยูโร ”
.... เอาไงดี รวมกันแล้วมีมีดอยู่ 17 ด้าม หากต้องจ่ายเพิ่มแสดงว่าซื้อมีดในราคาโหดพอสมควรเลยนะนั่น...
พรรคพวกเรียกกลับมาปรึกษากันใหม่ เหลือเวลาอีก ประมาณเกือบชั่วโมง เครื่องบินจะออกแล้ว เมื่อลองสอบถามพนักงานแถวนั้นจึงรับรู้ว่าไปรษณีย์อยู่ไม่ไกลนัก ใกล้ๆกับจุด Check In ที่ 3 ใช้เวลาเดินไม่ถึงสองนาทีของชาวฝรั่ง จึงตัดสินใจเลือกวิธีการสุดท้าย คือส่งไปรษณีย์ แต่กว่าจะหาไปรษณีย์พบ ทั้งเดินทางตรง เลี้ยวซ้าย-ขวา ขึ้น-ลงบันได กินเวลากว่า 10 นาที จนเกือบจะถอดใจหันกลับไปโหลดของลงท้องเครื่องและจ่ายเพิ่มอีก 90 ยูโร แทน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นที่ทำการไปรษณีย์ด้านตรงข้าม จึงรีบกุลี-กุจอ สาวเท้าไปติดต่อและรอคิวที่สาม อย่างใจระทึกกับเวลาที่เหลืออยู่เพียงแค่ 40 นาที ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวต่างชาติหากอยู่ในช่วงบริการคิวของผู้อื่น เขาจะไม่สนใจหันมาตอบคำถามใดๆ จนกว่าจะถึงคิวโดยตรงของคุณเอง
กว่าจะเขียนที่อยู่ แกะกล่อง และติดต่อจ่ายเงิน บวกกับรอการอู้งานเล็กน้อยของพนักงานที่แยกตัวไปแอบพูด-คุยโทรศัพท์ จนต้องขอเปลี่ยนช่องบริการอื่นแทนโดยอ้างความจำเป็นของเวลาที่เครื่องจะออก จึงเหลือเวลาวิ่งกลับไปผ่านกระบวนการขึ้นเครื่องเพียง 20 นาที แต่คุ้มค่ากับเงินตราที่จ่ายไปเพียง 25 ยูโร แถมได้ประสบการณ์เรียนรู้ที่ระทึกใจ
ตัดใจอำลา ZURICH เมืองหลวงของ SWITZERLAND ด้วยความอาลัย
***... ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ ...***