วรลักษณ์ พับบรรจง, คัมภีร์กำเนิดจักรวาลศาสตร์แห่งชีวิต (ม.ป.พ.: ๒๕๔๕)
S.Radhakritshnan , The Principal Upanisads
อดิศักดิ์ ทองบุญ, ปรัชญาอินเดีย (กรุงเทพมหานคร: ราชบัณฑิตตยสถาน,๒๕๔๖)
Paul Deussen, “Atman” in Encyclopaedia of Religion and Ethics, ed. James Hastings, 2ndDelhi : Oriental Book Reprint, 1905)
...ขอบพระคุณอย่างสูง..กับ..ความรู้ที่แบ่งปัน..เจ้าค่ะ..ยายธี
ช่วยเสริมให้อีกแรงหนึ่งครับ นอกจาก 'พรหมมัน' จะหมายถึงสิ่งจริงแท้สูงสุดแล้ว สิ่งจริงแท้สูงสุดในทรรศนะอื่นๆก็มีอยู่หลายทรรศนะและหลายหลักเกณฑ์มากพอสมควร ตัวอย่างเช่น 'แรง' เป็นสิ่งจริงแท้สูงสุดที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆในทางฟิสิกส์ 'จุด' กับพื้นที่ระนาบมิติเดียว เป็นสิ่งจริงแท้สูงสุดของภาพทัศนศิลป์ที่จัดองค์ประกอบภาพด้วยเส้น 'พระผู้เป็นเจ้า' เป็นสิ่งจริงแท้สูงสุดในศาสนาที่มีพระเจ้า อย่างนี้เป็นต้น
ดังนั้น ความหมายในความเป็นสิ่งจริงแท้สูงสุดของพรหมมัน จึงเป็นความหมายจำเพาะทรรศนะต่อสิ่งจริงแท้สูงสุดในชุดโลกทรรศน์ของฮินดู ซึ่งในกลุ่มโลกทรรศน์ที่เชื่อต่อสิ่งจริงแท้สูงสุดนี้ จัดอยู่ในกลุ่ม 'เอกสัจจนิยม' หรือระบบคิดที่เชื่อว่าความจริงแท้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว แต่กลุ่มวิธีคิดที่นอกเหนือจากนี้ก็มีอีกหลายชุด เช่น หยิน-หยาง เป็นวิธีคิดแบบ 'ทวิลักษณ์นิยม' อย่างนี้เป็นต้น ในส่วนของพุทธธรรมนั้น ไม่ได้มุ่งไปที่เรื่องสิ่งจริงแท้สูงสุด แต่มุ่งเรื่อง 'ภาวะความเป็นและไม่เป็นไปตามชุดเหตุปัจจัยของสิ่งนั้นๆ' ซึ่งเป็นกระบวนการทางปัญญาหรือเป็นปัญญานิยมมากกว่าจะอยู่ที่ความเชื่อต่อสิ่งจริงแท้สูงสุด
ใน เต๋า และ เซน นั้น ดูเหมือนจะผสมผสานหลักทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน โดยมีทรรศนะต่อภาวะความจริงสูงสุดด้วยเหมือนกัน แต่ไม่สรุปและไม่นิยามให้เจาะจงว่าคืออะไร เพราะไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบเหตุผลและประสบการณ์เชิงสัมผัสของมนุษย์ ปัญญาของมนุษย์จะพากันเข้าถึงได้เพียงปรากฏการณ์และสถานการณ์เงื่อนไขเท่านั้น ส่วนความเป็นจริงพ้นไปจากนั้นจะเป็นอย่างไรก็เรียกกันกว้างๆว่าเต๋า ซึ่งก็แล้วแต่เหตุปัจจัยของผู้เข้าถึงและสถานการณ์เงื่อนไขนั้นๆ อาจจะไม่คงที่ตายตัว
นอกจากนี้ วิธีคิดและการจัดระบบอธิบายลักษณะความจริงกับความสัมพันธ์กับความจริงกับพรหมมันในโลกทรรศน์ฮินดูนั้น มีลักษณะเฉพาะอีกอย่างหนึ่งคือมีลำดับชั้นของความสัมพันธ์เชิงอำนาจและลำดับชั้นสูงต่ำหรือ Heirachical Structure ซึ่งมีความหมายต่อการจำแนกลำดับความสูงต่ำของความจริง และในลำดับต่างๆนั้น ก็มีการจำแนกในลำดับระนาบเดียวกันให้มีชุดความจริงแยกย่อยไปอีก อีกด้วย เช่นในระนาบเดียวกันของการลดหลั่นจากพรหมมัน สู่อัตมัน จากนั้นอธิบายไตรลักษณ์ของความจริงในสรรพสิ่งผ่านการอวตารออกเป็นสามอันได้แก่ตรีมูรติ และต่อๆไปอีก ดังนี้เป็นต้น
ขอชื่นชมอาจารย์มากครับ ความรู้อย่างนี้จะหาคนเอาใจใส่เขียนและนำมาถ่ายทอดให้คนทั่วไปได้ศึกษาไม่ค่อยได้ครับ อาจารย์นอกจากมีกำลังในการศึกษาค้นคว้าได้ลึกซึ้งมากแล้ว ก็มีกำลังในการเขียนถ่ายทอดให้ผู้สนใจทั่วไปได้ศึกษา เป็นประโยชน์และมีคุณค่ามากอย่างยิ่งครับ
ขอขอบคุณ คุณยายธี คุณวิรัตน์ คุณชยพร คุณธ.วัชชัย ทุกท่านนะครับ
ที่ได้ให้ดอกไม้และ Comment ดี ๆ เสริม ครับ