วันนี้ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๕) ณ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต. ลำไทร อ.วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระธรรมโกศาจารย์, ศ.ดร. อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ได้ร่วมต้อนรับคณะผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบัน (สกอ) ที่เข้ามาตรวจเยี่ยมและประเมินคุณภาพการศึกษาภายในของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง กรณราชวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕
คณะกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย รศ.ดร.วิเชียร ชิวพิมาย รองอธิการฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ประธานกรรมการ รศ.พีระวุฒิ สุวรรณจันทร์ คณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเจ้าฯ ลาดกระบัง ผศ.ดร.ตวงรักษ์ นันทวิสารกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผศ.ดร.โกนิฎฐ์ ศรีทอง หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ และอาจารย์ไฉไลฤดี ยุวนะศิริ อาจารย์ประจำวิทยาเขตเชียงใหม่
รศ.ดร.วิเชียร ชีวพิมายใน ฐานะประธานกรรมการในการตรวจเยี่ยมและประเมินได้กล่าวเบื้องต้นแก่ผู้บริหาร มหาวิทยาลัยว่า “มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยที่ มีบทบาทที่โดดเด่นต่อการเสริมสร้าง และพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมแก่สังคมไทย การที่คณะกรรมการทุกท่านเดินทางมาตรวจเยี่ยมและประเมินในครั้งนี้ จะเข้ามา ทำหน้าที่อย่างกัลยาณมิตร เพื่อนำเสนอประเด็นที่เป็นจุดเด่น จุดด้อย และแนวทางในการพัฒนามหาวิทยาลัย เพื่อให้มหาวิทยาลัยได้ใช้แนวทางดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารให้ สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่ประสงค์จะเน้นจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาบูรณาการกับ ศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม”
ในขณะที่พระธรรมโกศาจารย์,ศ.ดร. อธิการบดี ได้ กล่าวต้อนรับว่า “มหาวิทยาลัยมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ถือโอกาสนี้ รับฟังแนวทางจากคณะกรรมการผู้ตรวจประเมิน เพื่อนำผลดังกล่าวมาพัฒนามหาวิทยาลัยทั้ง ๔ พันธกิจ คือ การผลิตบัณฑิต การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม จะเห็นว่าตั้งแต่มหาวิทยาลัยได้เริ่มพัฒนาในเชิงกายภาพตลอดระยะเวลา ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา ได้นำทุนทางสังคม (Social Capital) เข้ามาช่วยสนับสนุนเป็นจำนวนมาก”
“นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปมหาวิทยาลัยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องก้าวไปสู่การพัฒนาบุคลากร ของมหาวิทยาลัยให้มีความสามารถในการบริหาร และพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาของโลกอย่าง ยั่งยืน โดยใช้เครื่องมือคือการประกันคุณภาพเข้ามาช่วยเป็นกระจกเพื่อสะท้อน ภาพรวมในการบริหารซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวเพิ่มเติม