การทำนาแบบเหนื่อยน้อยที่สุด (และ ชีวภาพ 100% ด้วย)


การทำนาให้ดีนั้นเหนื่อยยากมาก และเปลืองเงินมากด้วย ต้องไถดะ ไถแปร คราด ทำเทือก ปักดำ  กำจัดหญ้า แมลง  (ด้วยยาต่างๆ หรือด้วยมือ) ใ่ส่ปุ๋ย (เคมี/ชีวภาพ) 

 

ผมขอเสนอวิธีใหม่คือ  ไถยกร่อง แล้วทำการปักดำทันที    ซึ่งนอกจากจะง่ายแล้วยังรวดเร็ว ร่นเวลาลงเป็นเดือน ทำให้มีเวลาเหลือเอาไปปลูกอะไรอย่างอื่นเป็นรอบที่สองได้ เช่น ผัก 

 

ทำนาแบบไถยกร่อง คือ ไถพลิกหน้าดินกลบหญ้า ขึ้นเป็นรูปสามเหลี่ยม แบบยกร่องแปลงมันสำปะหลังนั่นแหละ แต่ร่องจะเตี้ยกว่าและถี่กว่า  แบบนี้หญ้าจะตายหมดไม่เหลือเพราะถูกดินกลบหน้าหมด  แต่ถ้าไถแบบไถดะที่พลิกดินไปข้างๆ  หญ้าไม่ตายหมดหรอกครับ ตายสัก 6-70% เห็นจะได้ ที่เหลือ ก็ออกลูกออกหลาน (แตกหน่อ) ออกมาได้อีก

 

พอยกร่องเสร็จก็ปักดำเลย โดยปักบนร่องนั่นแหละ  ดินแข็งไม่เป็นไร  ก็ช่วยกันสองคน คนหนึ่งเอาไม้หัวแหลมกระทุ้งให้เป็นรู อีกคนเดินตาม เอาต้นกล้าปักลงไป และกลบดิน

 

หญ้าสด แห้ง ที่ถูกไถกลบ จะตายแล้วย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยที่ค่อยๆปล่อยสารอาหารมาให้ต้นกล้าในระยะยาว (slow release)  หมดปัญหาเรื่องปราบหญ้าไปอีก  ส่วนหญ้าทีี่หล่นมาใหม่ส่วนหนึ่งตกลงน้ำระหว่างร่องก็ไม่งอก ที่งอกบนร่องก็ปล่อยมันไป  มีหญ้าบ้างที่ไม่มากนักก็พอทน ธรรมชาติดีออก อยู่ร่วมกันโดยสันติ

 

ระหว่างร่องจะมีน้ำขัง เราก็เลี้ยงปลาซิว  กุ้งฝอย  กบใหญ่ เขียดเล็ก   กบใหญ่กินแมลงใหญ่ เขียดเล็กกินแมลงเล็กและเพลี้ยต่างๆ ที่เกาะใบ เราก็หมดปัญหาเรื่องแมลง แถมได้ ปลา กบ เขียด เอาไปขาย   อึของพวกมันก็กลายเป็นปุ๋ย  น้ำพวกนี้อุดมไปด้วยปุ๋ยจากอึสัตว์น้ำ จะซึมเข้าใต้ดินของร่อง กลายเป็นอาหารให้ต้นข้าวอย่างดี โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย 

 

ปุ๋ยสดใต้ดิน และปุ๋ยน้ำที่ซึมเข้าใต้ดินนี้จะช่วยดูดรากข้าวให้ปักลงลึกเพื่อกินสารอาหาร ทำให้รากแน่น แข็งแรง  ก็ยิ่งต้านทานโรคไ้ด้ดี และน่าจะใ้ห้รวงข้าวมากกว่าปกติ

 

น้ำระหว่างร่องนี้จะระเหยช้ากว่าน้ำในไร่นาธรรมดา เพราะมีพื้นที่สัมผัสอากาศลดลงมาก 2-3 เท่า   พอเกี่ยวข้าวเสร็จยังมีน้ำเหลือ เราก็ปลูกข้าวได้อีกรอบ หรืออาจปลูกผักฤดูหนาว   ก็มีรายได้สองต่อ  ในอีสานฝนแล้งก็น่าทำได้ดี

 

จริงๆ แล้ววิธีนี้สามารถทำให้เหนื่อยน้อยลงไปได้อีกมาก เช่น ไถยกร่องแล้วหยอดเมล็ดข้าวที่หมักไว้แล้วลงหลุม ทั้งหมดทำด้วยเครื่องไถแบบ 2 in 1 คือ ไถยกร่องแล้วขุดหลุมหยอดเมล็ด และ กลบเมล็ดพร้อมกันไปในคราวเดียว   จากนั้นชาวนาก็ไปเล่นเน็ตได้เลย  (หาตลาด และข้อมูลเพื่อการขี้เกียจได้มากกว่านี้ อิอิ) 


ผมเห็นว่าการทำนาแบบนี้จะเหนื่อยน้อยลง 10 เท่า ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น  และได้ผลประโยชน์ทางอ้อมมากหลาย แม้ทำข้าวหนเดียวก็น่าจะได้กำไรเพิ่ม 3 เท่า (อีสานกำไรสุทธิไร่ละ 2000 เพิ่มเป็น 6000 เพราะลงทุนแค่ไถยกร่องเท่านั้นเอง)  

 

...คนถางทาง (๑๓ กันยายน ๒๕๕๕) 

หมายเลขบันทึก: 502101เขียนเมื่อ 13 กันยายน 2012 07:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2012 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณค่ะ จะนำไปสอนเด็ก ๆ นะคะ

ผมมาคิดต่อยอดว่าการไถดะ ทิ้งไว้ ไถแปร คราด นั้น นอกจากเหนื่อย เปลืองเงิน เวลา แล้วยังช่วยให้หญ้างอกอีกด้วย เพราะเมล็ดพืชที่ปลิวหล่นอยู่ตามยอดหญ้า ใบหญ้านั้น ได้รับการไถพลิกกลับไปมาสองสามครั้ง ถ้าไม่ไถเสียเลย มันก็งอกไม่ได้หรอก เพราะว่ามันลอยอยู่บนใบหญ้า แต่พอไปไถมัน กลายเป็นเอามันไปคลุกดิน ก็เลยงอกได้ซะเลย

แต่การไถยกร่องนี้กลบหมดทั้งหญ้าและเม็ดหญ้าที่หล่นตกอยู่บนใบหญ้า ก็ตายหมด จะมีก็แต่เม็ดหญ้าที่ปลิวมาใหม่ ซึ่งอาจมีมากน้อยแล้วแต่ฤดูกาล สถานที่ แต่น่าเดาได้ว่าเม็ดหญ้ามักสุกพร้อมๆ กับข้าวนั่นแหละ มันปลิวมาลงนาแต่ปีก่อนกระมัง

จะเอาไปทดลองทำดูนะครับอาจารย์ ^______________^

ท่าน ชาวบ้านนา ครับ ยินดีร่วมด้วยช่วยคิดนะครับ ถ้าสนใจอีเมล์คุยกันครับ ผมจะไปช่วยคิดในรายละเอียด เช่น การไถ สำคัญมาก มาก ไถไม่ดี จะมีหญ้าโผล่ เราอาจต้องสร้างผานไถแบบใหม่ (ผมคิดไว้แล้ว) ที่รถไถเดินตามสามารถยกร่องได้สามร่องพร้อมกัน พร้อมพรวนดินไปด้วยในตัว พลิกหน้าดินให้กลบหญ้าได้หมด 100% ด้วย

น่ามีแปลงสาธิตทำนาสักแปลงจะยกให้ท่านอาจารย์ ทำเป็นวิทยาทาน สักหน่อย จะได้ช่วยให้ชาวนาไทยมีแนทางในการทำนาทางเลือกเพิ่มมากขึ้นค่ะ --

อาจารย์ลองทำดูก่อนครับ ว่ามันได้ผลจริงไหม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท