การศึกษาปริญญาเอก ที่ Banaras Hindu niversity ของผมเข้าเกณฑ์ที่...ยื่นเสนอดุษฎีนิพนธ์ได้ต้องหลัง 2 ปี นับจากวันแรกที่ลงทะเบียนเป็นนักศึกษา...แล้วรอเข้าสอบสัมภาษณ์ ( Viva-Voce ) ในวันที่ 7 ธันวาคม 2537 เพื่อจบการศึกษาอย่างสมบูรณ์... ผมนึกถึงในวันนั้น...มีการจัดให้บุคคลภายนอกเข้าฟังด้วย...แต่ค่าอาหาร...ผมเป็นผู้จ่ายครับ...
ช่วงนี้ผมมอบค่าใช้จ่ายให้กัลยาณมิตรท่านหนึ่ง...ขอขอบคุณที่ท่านเป็นคนช่วยจัดการให้...ขออนุญาตเอ่ยนามท่าน คือ
ดร. บำรุง คำเอก ปัจจุบันสอนด้านภาษาตะวันออก ที่ ม. ศิลปากร กทม. ช่วงที่เรียนB.H.U ในเมือง พาราณสี ท่านเรียนสาขา Sanskrit ครับ...
การใช้เวลาในการสอบ...เริ่ม...เวลา 10.00-12.00 น. และผมก็รอรับใบ ( Provisional Certificate ) ได้รับเมื่อ 29 ธ.ค. 2537 แล้วเตรียมตัวกลับไทย...มีการทำบุญเลี้ยงเพื่อน ๆ...เข้าไปในเมืองหาซื้อของฝากเล็ก ๆน้อย ๆ และให้รางวัลตัวเองเป็นนาฬิกา...ฮา ๆ เอิก ๆ...
และถึงเวลาที่ผมต้องอำลาเมืองพาราณสี...อินเดียแดนดินถิ่นพระเจ้า...เพื่อน ๆมาส่งที่สถานนีรถไฟราวกับเป็นบุคคลสำคัญเพราะมากันเยอะ...เป็นธรรมเนียมเมื่อมีผู้จบการศึกษา...บางท่านฝาก จ.ม. กลับมาบ้านด้วย...ทำให้นักเดินทางยืนดูเราอย่างสนใจ...
ช่วงนิดเดียว...พอรถไฟออกวิ่งไปแล้ว...ก็มีเพียงเราผู้เดียวเท่านั้นท่องเที่ยวไป...นั้นคือ อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ ตนนั้นแหละเป็นที่พึ่งของตน...
รุ่งเช้าผมเข้าที่พักในเมืองกัลกัตตา...และออกไปทานข้าวในเมือง...เจอเหตุการณ์นึกไม่ถึง...ผมรีบกลับที่พักโดยด่วน...พอเข้าห้องได้ ก็ล็อกกลอนประตูแล้ว...ความจำของผมวูบหายไป...นานเท่าไหร่ไม่ทราบ...
ผมรู้สึกตัวอีกที...ก็อยู่ในสภาพนอนหงายอยู่บนเตียงขณะเท้าทั้งสองเหยียบพื้นอยู่...ผมทบทวนดูคล้ายกับโดนมอมยา...เพื่อฉกกระเป๋า...ขณะเดินในเมือง...ครับ
และในวันที่ 14 ม.ค. 2538 เวลา 17.30 น.เครื่องบินที่ผมนั่งมาจากสนามบินดำดำ...เมืองกัลกัตตา...ก็ลงจอดที่ดอนเมือง... กทม...และกลับที่พัก...รุ่งขึ้นวันใหม่...น้องสาวมาพบ...เอ๊ะ แต่งชุดดำ...
ผมจึงรู้ว่า พ่อจากไปแล้วเมื่อ 1 ต.ค. 2537 ในเวลา 23.00 น ซึ่งเป็นช่วงที่ผมฝันเห็นท่านและสะดุ้งตื่น...แสดงว่าวิญญาณท่านไปพบผมถึงอินเดีย...ครับ เรื่องนี้ญาติ ๆปิดเป็นความลับเพื่อให้ผมจบ ป. เอก ก่อนจึงบอก...โดยเก็บศพไว้รอ...ผมนั้นเอง...
นี้คือความเป็นไปของชีวิต...บางครั้งได้อย่างเสียอย่าง...ผมบุญน้อยไปในการทดแทนบุญคุณของพ่อแม่ หลังจากคุณแม่จากไปเมื่อปี 2526 ก็หวังจะดูแลคุณพ่อให้ดีที่สุด...แต่...อนิจจา ...ทุกสิ่งมันไม่แน่นอน...ความม้วยมรณ์เท่านั้นเป็นความจริง...
ผมมักจะจดจำคติธรรมเพื่อสอนใจตนเองอยู่เสมอครับ...เช่น เห็นกันอยู่เมื่อเช้า...สายตาย...สายอยู่สุขสบาย...บ่ายม้วย...บ่ายยังรื่นเริงกาย...เย็นดับชีพนา...เย็นยังหยอกลูกหยอกหลาน...ค่ำม้วยดับสูญ...
วัฒนธรรมอินเดีย...ทางแห่งชีวิตของผมจบบริบูรณ์แล้ว...ครับ ฮา ๆ เอิก ๆ.
ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umi
คำสำคัญ (Tags)#แนวคิดทางชีวิต...เรื่องเล่า...อินเดีย...ไทย...
หมายเลขบันทึก: 50155, เขียน: 15 Sep 2006 @ 05:43 (), แก้ไข: 23 Jun 2012 @ 14:03 (), สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ, ความเห็น: 24, อ่าน: คลิก
อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง หนูก็อยากจะเรียนจบให้ไว ๆ ให้พ่อ-แม่ ได้ชื่นชมตัวหนูบ้าง เพราะหนูไม่เคยทำอะไรให้ท่านชื่นชมตัวหนูเลยคะ อาจารย์ แง ๆๆๆๆ