“พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน”
(สดุดี 23 :1)
............................................
ดุจไทรแผ่กิ่งใบให้พักพิง
ลอยเคว้ง ลอยคว้าง กลางธารา
ไทรหนา ปลิดใบ ร่วงลอยลิ่ว
ท่ามกลาง สายลม พัดปลิดปลิว
สายฝน พร่างพริ้ว แผ่วพรำพรำ
ใบเหลือง ลออ ลอยร่วงหล่น
เคว้งคว้าง กลางสายฝน จนหนาวฉ่ำ
คุณค่า ที่เหลืออยู่ ให้จดจำ
คือคุณธรรม เลิศล้ำ สิ่งดีงาม
ต้นไทรใหญ่ แตกกิ่ง ชูก้านใบ
รากไทร ย้อยระย้า น่าเกรงขาม
คราใดได้ จรดพื้น แผ่นดินงาม
คือช่วงยาม แห่งวิถี การเติบโต
.......................................................................................
ต้นไทรใบหนา...แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนและมวลนกกาได้พักพิง
ครั้งฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ใยดีต่อชีวิตใต้ผืนฟ้า
ไทรใบหนาก็ยังคงหยัดยืนสง่าให้ร่มเงากำบังแก่มวลแมลงตัวเล็กตัวน้อย
รากไทรย้อยห้อยระย้าเสมือนแพร่ม่านเลื่อมสีน้ำตาล
ทอดยาวลงมาจรดปลายรากอ่อนเปราะบาง
สายน้ำฝนลู่ตามรอยรากไทรย้อยหยดลงสู่ผืนแผ่นดิน
ดั่งหนึ่งหยาดเพชรใสเม็ดงาม
ใบเหลืองโรยร่วงปลิวตามแรงสายฝนไหลลอยรวมกันอยู่ ณ แอ่งน้ำ
ในที่ที่ผืนแผ่นดินแลต่ำกว่า
อาหารตา อาหารใจ ความห่วงใยจากธรรมชาติในวันเหนื่อยล้าอ่อนแรง
คืนชีวิตกลับสู่ธรรมชาติกันเถิดเรา
................................................................
ขอขอบพระคุณช่วงเวลาแห่งพระพรที่พระโปรดมอบให้ในวันอ่อนแรง
ชื่อภาพ : ต้นไทรใหญ่ใกล้บ้านพระ
บันทึกภาพโดย : น้ำผึ้งหวาน
บันทึกคำโดย : น้ำผึ้งหวาน
6 กันยายน 2555
ไม่มีความเห็น