เรื่องเล่าจากภาพ : ลาพักผ่อนเข้าวัด


เข้าวัด ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ชาตินี้ ดีกว่ารอทำชาติหน้า

สวัสดีครับ

วันนี้ขอนำเสนอภาพจากช่วงเวลาที่ผมพิจารณาแล้วว่า จะใช้วันลาพักผ่อนที่เหลืออยู่ไว้ทำสิ่งที่ดีให้กับตัวเองบ้าง?


ผมเลือกลาพักผ่อน เข้าวัดปฏิบัติธรรม เพื่อระลึกถึงบรรยายกาศเก่าๆช่วงบวชเรียน เพราะที่ผ่านมาเพียงได้ทำบุญตามประเพณีเล็กๆน้อยๆ


ดังนั้นอยากสร้างกุศลในวันที่มีเวลาว่างบ้าง ผมจึงเลือกเข้าปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าหนองหลุบ 



ที่เลือกวัดนี้อย่างแรก ใกล้ขอนแก่น เงียบสงบ มีพระจำนวนไม่มาก ไม่มีไฟฟ้า สวดมนต์แปลเป็นภาษาไทย ผมเคยมาทำบุญที่นี่หลายครั้งแล้ว เห็นว่า เหมาะสมกับการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ



มาเรียนรู้ มาดูตนเอง

 

มาทำบุญสร้างกุศล เมื่อยังมีโอกาสที่จะทำได้

 

มาฝึกล่าลมหายใจ (ดร.สารทิศ สกุลคู แนะนำ) 

 

ผมมาที่วัดช่วงเช้า เป็นช่วงที่พระท่าน เพิ่งกลับมาจากการบิณฑบาตร ได้เห็นการเตรียมอาหารของญาติโยม ซึ่งได้นำอาหารมาเรียงไว้ บนรถ เพื่อเตรียมสำหรับพระท่านจะได้พิจารณาอาหาร (คลุมด้วยผ้าป้องกันแมลง)  



ได้อาศัยอาหารจากบาตรพระ มาเติมพลังให้กับตนเอง เพื่อการปฏิบัติธรรมต่อไป (พร้อมทั้งกินยำปลากระป๋องที่ผมเตรียมมาถวายพระ)




หลังจากฟังธรรมะผ่านเทป ระหว่างทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว  


ผมเข้าพบหลวงพ่อ เพื่อ...จะขออนุญาตเข้ามาปฏิบัติธรรม ซึ่งท่านก็บอกให้ผมเลือกเอาเลย กุฏิที่พัก ที่นอน อยากนอน อยากพักที่ไหน เลือกได้ มีว่างหลายกุฎิ



ผมเลือกหลังนี้แหละครับ



ทำความสะอาดไม่มาก เพราะคนที่พักก่อนหน้านี้ ดูแลไว้ดี ปัดฝุ่นนิดหน่อย ก็เรียบร้อยครับ


หลังจากนั้น ก็เดินแบบไม่รีบเร่ง สำรวจวัด อ่านป้ายสอนเรื่องวัฏสงสาร 31 ภูมิ เป็นเรื่องที่บรรยายเกี่ยวกับการทำบุญ บาปอะไร แล้วไปไหนบ้างในนรก โลกมนุษย์ สวรรค์ และหลุดพ้น




จากนั้นก็มาทำความสะอาดวัด พร้อมกับการฝึกสติ เช่น เก็บขยะ กวาดภายในสถานที่ต่างๆ เท่าที่ทำได้



ช่วงก่อนเที่ยง พระท่านบอกให้มารวมตัวกันที่ศาลา เพื่อมาสวดมนต์ เดินจงกรม และนั่งสมาธิ ประมาณ 1.30 ชั่วโมง



พักช่วงบ่ายเล็กน้อย ก็ทำเช่นเดิม เดินจงกรม นั่งสมาธิ อีกรอบ ได้เรียนรู้เนื้อหาจากบทสวดมนต์แปล

ความว่างเปล่าคืออะไร

สุขคืิอะไร ทุกข์คืออะไร

อะไรไม่ใช่สุข อะไรไม่ใช่ทุกข์



ตา เห็น หู ฟัง จมูก ดมกลิ่น ลิ้น สัมผัสรส กาย สัมผัส สิ่งเหล่านี้มากระทบ สมองสั่งการ คิด ตี ความ เกิดเป็นสุข เป็นทุกข์ ไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์




ช่วงบ่าย เดินอ่านป้ายธรรมะ จากแผ่นศิลารอบๆวัด และเก็บขยะ ดอกไม้แห้งๆที่แจกกัน







เดินอ่านคติ คำสอนต่างๆ

ที่ผมชอบมากๆ คือ บทที่เกี่ยวข้องกับตนเอง 





เดินจงกรม อ่านธรรมะ เหงื่อไหล เต็มตัว ไปอาบน้ำ ชำระร่างกาย จากนั้นเตรียมตัวทำวัตรเย็น



ที่นี่ทำวัตรเย็น ประมาณ 18.00 น.


บรรยายกาศเริ่มมืด ต้องเตรียมเทียนไข ไฟฉายไว้ใช้ประกอบการไหว้พระสวดมนต์


สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ จนถึง 21.30 น.    




เมื่อย และง่วงนอน เข้าที่พัก ไม่นาน ก็นอนยาว


ตื่นอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงตีระฆัง

เตรียมตัว ล้างหน้าแปรงฟัน ประมาณ 3.00 น. มารอทำวัตรเช้า เดินจงกรม นั่งสมาธิ แผ่ส่วนบุญกุศล เสร็จประมาณ 5.00 น.



จากนั้น เตรียมตัวเป็นลูกศิษย์วัด เดินตามพระ ช่วยเหลือ ถืออาหาร ที่ญาติโยมมาใส่บาตร




แสงทองจากพระอาทิตย์ขึ้น

ทำให้เห็นใบไม้แก่ ใบไม้อ่อน



ออกตามพระบิณบาตรได้




ระหว่างทางเป็นถนนลูกรัง (ถนนแดง) กวดหิน เม็ดเล็ก เม็ดแหลมคม เต็มไปหมด ทุกย่างก้าวของคนเท้าบางๆอย่างผม แสบไปหมด (แต่ เดินอย่างมีสติ แสบหนอ ๆ ๆ ๆ)

แสบเท้า มือสั่นไหว รูปถ่ายเป็นแบบที่เห็น 




 

ผมเดินช้าสุด เพราะมั่วแต่ แสบเท้า หยุดพักเป็นช่วงๆ




ทำให้นึกถึงสมัยบวชใหม่ เดินบิณฑบาตร ช่วงแรกๆ ก็แสบเท้าอย่างนี้ เดินถอดรองเท้า ประมาณ 1 เดือน หนังเท้า เริ่มหนาขึ้น


อดได้ ทนได้ รอได้ ดีได้




มีบางช่วงเป็นพื้นดิน ก็ได้พักเท้า ลดอาการแสบเท้า ยืนพัก แสบน้อยลงหนอๆ ๆ



เดินไป พิจารณาไป คิดว่า ไม่นาน ก็หายไป

เกิดขึ้น คงอยู่ ดับไป




พอเดินถึงถนนปูน ความทุกข์ ก็หายไป


แค่เช้าเดียว ได้ทบทวนความรู้ อนิจจัง ความไม่เที่ยง


ชาวบ้านที่นี่ น่ารัก นั่งเรียงแถว ใส่บาตร



 

ผมไม่กล้าถ่ายภาพตรง (ต้องรีบถ่ายภาพ ถ่ายช่วงที่ไม่ค่อยมีใครเห็น) เพราะเกรงว่าไม่เหมาะสม ได้แต่แอบถ่ายเป็นช่วงๆ เพื่อบันทึกเล่าสู่กันฟัง



 



ระหว่างทาง เจอเห็ด หลวงพี่บอก เห็ดประเภทนี้กินได้ เก็บไปให้แม่ครัว ลวกให้พระฉันท์ได้



กลับมาที่วัด ช่วยเตรียมอาหารถวายพระ ทานอาหารเช้า




จากนั้น ทำความสะอาดลานวัดอีกรอบ กวาดใบไม้ เก็บขยะ อ่านป้ายศิลา อ่านคติธรรมเพิ่มเติม









ช่วงสาย อาบน้ำ กราบลาพระกลับบ้าน


ลาพักผ่อนเข้าวัด ครั้งนี้

ได้ฝึกเดินจงกรม นั่งสมาธิ ที่ยาวนานขึ้น

ได้ฝึกการทำอะไรต่ออะไรหลายๆอย่าง แบบไม่เร่งรีบ ไม่สนใจเวลา ปล่อยให้เป็นไป ให้ผ่านไป

ได้อ่านคติธรรม


ขอเิชิญชวนท่านทั้งหลาย หากมีเวลาว่าง ใช้วันหยุด วันลาพักผ่อน เข้าวัด สวดมนต์ชาตินี้ ดีกว่ารอชาติหน้า  

ขออนโมทนาบุญ แก่ทุกท่าน

ธรรมะรักษา ครับ



หมายเลขบันทึก: 501273เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2012 15:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม 2012 10:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สาธุ...

ขออนุโมทนาในบุญด้วยนะคะอาจารย์...

ตอนนี้ยังมีภารกิจดูแลลูกๆ ก็ใช้วิธีปฏิบัติในชีวิตประจำวันค่ะ

ฟังธรรมะจากซีดี และดาวน์โหลดจากเวปธรรมะมาฟัง

สวดมนต์ ไหว้พระ และพยายามรักษา ศีล 5ไว้ค่ะ

วันไหนไม่เหนื่อยเกินไปก็ฝึกในรูปแบบ นั่งสมาธิบ้างค่ะ


เรียน ทุกท่าน ขอบคุณครับ ที่แวะมาเยี่ยม ขอส่งมอบพลังแห่งกุศลดีแก่ทุกๆท่าน ครับ

ขออนุโมทนาด้วยครับ

อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์ ดีครับหาบุญได้เยอะ ตอนผมบวชก็ระบมเท้าเหมือนอาจารย์เลยครับ ฝ่าเท้าหนาขึ้น แต่หลังลาสิกขาแล้วใส่รองเท้าตลอด เท้าก็บางเหมือนเดิม อาจารย์เป็นตัวอย่างอาจารย์ที่ดีนะครับ สอนทั้งทางโลกและทางธรรม ไปไหนมาไหนมีธรรมะสอดแทรกตลอด อนุโมนาบุญอีกครั้งครับ ได้ข่าวว่าวัดป่าหนองหลุบมีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนะครับ เห็นหน้าอาจารย์คราวนี้ผมว่าเหมือนเทพเจ้ากวนอูครับ(เหมือนจริงครับ)

ปล.ผมขอแชร์นะครับ ฉัน แปลว่า กิน หรือแทนบุรุษสรรพนามที่หนึ่ง

                        ฉันท์แปลว่า ชอบ
                       บิณฑบาต
                         ตักบาตร

                                ด้วยความเคารพ
                                      Kiattisak
  • สาธุๆๆครับอาจารย์
  • สถานที่สัปปายะมากครับ

สาธุๆค่ะท่านอ. ตั้งแต่เรียนจบ ปี43 ก็ไม่ได้ไปหนองหลุบอีกเลยค่ะ หนูเคยมาทานข้าวก้นบาตรหลวงพ่อประจำค่ะ อนุโมทาบุญกับท่านอ.นะคะ 

เรียน คุณบัวงาม 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม ขอให้ธรรมะรักษา สะสมบุญร่วมกัน นะครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท