จดหมายถึงครู l มีโอกาสแต่ก็ยังคว้าไม่เป็น


วันอาทิตย์ ที่ 2 สิงหาคม 2555       

เช้านี้ตื่นขึ้นมาประมาณตีสี่ครึ่งได้ยินเสียงระฆังทำวัตรเช้า เดินไปเรียน อาจารย์เอ๋ เงียบ จึงตัดสินใจเดินจงกรมไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ออกไปทำวัตรเช้าอยู่ดีๆก็มีงูตัวไม่ใหญ่ค่ะประมาณนิ้วโป้งได้ เลื้อยอย่างช้า ๆ ข้ามทางจงกรม หนูตกใจหยุดยืนดูเขาค่อยเลื้อยผ่านไป จึงหยุดพิจารณา เข้าไปทำวัตรเช้าแล้วค่อยออกไปที่ครัว รู้สึกกับตนเองว่า

“ออกไปสายมากค่ะ หกโมงครึ่ง”

ซึ่งแม่กุลทำเสร็จหมดแล้ว แม้ท่านจะบอกว่า “ไม่เป็นไรเพื่อนช่วยเยอะ แต่ข้างในก็ยังสะดุดกับตนเองเจ้าค่ะ แล้วก็ยังมีอาการไม่กล้าบอกครูกลัวโดนดุ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ เช้านี้หนูมีอาการแสดงออกเกินจริง ไม่รู้จะเรียกยังไง เป็นข้างในอีกอย่างหนึ่งแสดงออกมาอีกอย่างหนึ่งเจ้าค่ะ ศีลข้อสี่ด่างพร้อย จึงเดินไปขัดห้องน้ำ ขัดสองห้องแรก็โอเค แต่แปลงที่มีกลิ่นคล้ายคนถ่ายอุจจาระอยู่ตลอดเวลา พอไปขัดห้องที่สามก็เจอสาเหตุ มีก้อนอุจจาระชิ้นโตอยู่ตรงร่องระบายน้ำพอราดลงกลิ่นก็ยังอยู่ จึงค่อย ๆ เอาน้ำยาไล่กลบกลิ่น มันก็เหมือนความชั่วหนูจริง ๆ ขัดห้องอื่นไปเรื่อยแต่อยากให้กลิ่นเน่าเหม็นหมด กว่าจะมาเจอสาเหตุ พอเจอสาเหตุใจก็รู้สึกรังเกียจ แต่ก็อดทนแล้วก็ค่อย ๆหาวิธีล้างมันเจ้าค่ะ ก็พอได้ดีขึ้นห่นอยเจ้าค่ะแล้วก็ล้างจนเสร็จ

เดินออกมา เจอขยะเน่าเหม็นกองโต ระลึกถึงครั้งหนึ่งครูเคยชี้ให้โอกาสในการเก็บขยะตรงนี้แว๊บขึ้นมาว่า

“ทำไมต้องรอให้ครูสั่ง ทำเลยซิ”

ก็เลยลงมือเก็บ ทั้งกลิ่นทั้งหนอนตัวอ้วน แล้วก็มีเสียงกับตนเอง

“เรานี่ไม่พ้นของสกปรกจริงๆเหนาะ”

แล้วหนูก็ค่อย ๆลากถุงขยะออกไป ตั้งใจว่าจะเทรวมกันที่กองขยะเพราะถ้าถุงใหญ่จะหนักมาก ไม่มีเด็กต้นกล้ามาช่วยลากเหมือนครั้งก่อน พอลากออกมา ที่กองขยะ พระอาจารย์เดินมากับน้องบอยที่คอยกางร่มให้ ท่านเอ่ยว่า

“หนี ๆๆๆ” ตอนแรกหนูรู้สึกงง แล้วก็หลบออกมา ท่านเมตตามัดปากถุงขยะให้แล้วก็เอาขยะจากถังลงถุงให้ รู้สึกปีติในความเมตตาของท่านเจ้าค่ะ จึงเดินไปเอาขยะส่วนที่เหลืออกมาสมทบเจอแม่ออกท่านหนึ่งตอนที่เขียนนึกชื่อท่านไม่ออกเจ้าค่ะ ท่านเอาน้ำผงซักฟอกมาช่วยราดพื้น ราดตัวหนอนที่สามัคคีไต่ที่พื้น เอ่ยขอบพระคุณท่าน การที่เราลงมือทำแล้วก็มีคนเข้ามาร่วมโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากขอนี่ข้างในรู้สึกดีจังเลยเจ้าค่ะ

ยืนมองขยะแล้วก็ระลึกกับตนเอง

“หากหนูไม่เร่งเพียรภาวนา ก็จะไม่ต่างจากหนอนเหล่านี้ที่ดีแต่กินของเน่าในถังยะแล้วคิดว่า นี่เจ๋ง”

แล้วเรื่องราวของพระโมคคัลานะไปโปรดมารดาที่ ถังมูตร ก็ขึ้นมาสอนข้างในหนูเจ้าค่ะ จึงเลี่ยงเดินเข้าไปในสำนักแม่ชี นอกจากความปีติที่พระอาจารย์เมตตาช่วย ความพอใจมันไหลขึ้นมาหนูไม่ยอมมองเจ้าค่ะ เป็นราคะที่เกิดขึ้นข้างในศีลข้อสามด่างพร้อย แล้วก็มีความรู้สึก “กลัวครูรู้” ศีลข้อหนึ่งและข้อสี่ด่างพร้อย  จิตเลยหมองซ้ำเข้าไปอีก

พอเข้ามาเจอน้องกิ่งยังไม่เปลี่ยนชุดบอกว่า “รอหนู” แว๊บกับตนเองอะไรหนอ

ทราบว่าเรื่อง ผ้าถุง ซ้ำเข้ามาข้างในกับตนเองที่ ผ้าถุงไม่เรียบร้อยดี เหลือส่วนเอาที่ยังไม่สอยแค่เนาไว้ให้น้องใช้ได้ก่อน เพราะรอบนี้ได้เย็บมือเจ้าค่ะ

เหมือนมีแต่เรื่องที่กลัวครูรู้แล้วจะโดนดุ แล้วก็ทำท่าทางรื่นเริง จนออกไปรับข้าว เผลอสติทำจากร่วงตอนพาน้อง ๆล้างเท้า ตอนนั้นเผลอสติจนร้องอุทานว่า “อุ๊ยลูก”

เงยหน้าขึ้นมา หลวงปู่นั่งอยู่ที่ลานธรรม ใจหนูหมองเข้าไปอีก รู้สึกผิดที่เผลอสติไปเจ้าค่ะ ศีลข้อห้าด่างพร้อย

พอรับข้าวเสร็จเห็นครูแต่ก็ไม่ได้เข้าไป กลับพาเด็ก ๆ ไปล้างบาตรก่อน เหมือนข้างในมีเรื่องปกปิด สำหรับน้อง ๆ เห็นว่า “บิ๋มหมองไป” ส่วนหนึ่งอาจจะกอไม่มา แต่หนุก็รู้สึกว่า

“น้องกิ่งมีส่วนคล้ายหนูคือ ทะเยอทะยานเอาชนะ มีความอยากและคะนอง เห็นเด็กๆแล้วก็เห็นตนเอง”

แต่ก็รับรู้ว่า “บิ๋มเหนื่อย” อยากจะช่วย จึงพยายามถึงความดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการมาวัดของน้องว่า

“หนูมาวัดแล้วแม่ก็ได้มา พี่ชายก็มา”

พอเข้าไปหาครู มีอาการทำอะไรไม่ถูกแต่ตอนนั้นไม่ยอมหาสาเหตุเจ้าค่ะ

พอครูบอกว่า “ถ้ายังคิดไม่ดีกับเราไม่ต้องมารับใช้เราเลยวันนี้”

ตอนนั้นนึกอ๋อกับตนเองแบบว่า “ว่าแล้วข้างในเป็นลอยๆเกินจริง เหมือนอาการ Over acting”

ตอนเดินเข้ามาฝนตก เข้ามาปุ๊บก็เดินเข้าทางจงกลมเลยเจ้าค่ะ ตอนแรกกางร่มเดินไปๆมา ๆ มีเสียงดุตนเอง

“กลัวอะไร ทีทำชั่ว ทำกรรมไปเป็นเปรตไม่กลัว มากลัวอะไรการภาวนา ครูก็บอกแล้วว่า ถ้าตายท่านจะไปเผาเอง ยิ่งตายในวัด ครูบาอาจารย์ท่านพร้อมที่จะมากุสลาให้อยู่แล้ว”

เอาโทรศัพท์มือถือออกวาง แล้วก็วางร่มเดินจงกรม เดินไปด่ากิเลสไปเจ้าค่ะ เหมือนหาว่า “ตัวไหนมันอวดดีกับครู”

จ้องเข้าไปข้างในแบบจงใจสำรวจหากิเลส ทั้งด่า ทั้งปรามมัน”

ระลึกขึ้นมาว่า “ครูก็พามาทางนี้ ด่าตนเอง เตือนตนเอง อย่ายอม อย่าอ่อนข้อให้กิเลส”

จากลอย ๆ แน่น ๆ ก็เบาลงแล้วก็พิจารณาได้กับตนเองว่า “เพราะปกปิดเรื่องข้างต้นเจ้าค่ะ แล้วอีกเรื่องคือ โทรแจ้งพี่ก้อยเรื่องเงินที่คืนที่หมออ้อแล้ว แล้วท่านก็ชวนคุยชวนนัดเจอ แต่ก็แว๊บว่า “เดี๋ยวหนูจะหลง จึงปฏิเสธกลาย ๆเจ้าค่ะ”

พอเจอแล้วก็เบาเดินจงกรมต่อเรื่องจากฝนตกน้ำเปียก ๆ ตรงที่เดินกลับแห้ง จนน้องทุ่งปั่นจักรยานเอาตะกร้าเข้ามา ระลึกขึ้นว่า “นี่หนูบกพร่องขนาดที่ครูต้องให้น้องทุ่งเอาบาตรครูเข้ามาเอง” จึงฝากปานะไปถวายครู เดินต่อไปแว๊บกับตนเอง ยังไม่ได้ไปสารภาพกับครู เดี๋ยวไม่มีโอกาส เดินไปหยิบโทรศัพท์เกือบเที่ยงแล้ว หน้าที่จะบกพร่องอีกไม่ได้ จึงออกไปกราบเรียนครูทั้งๆที่พอจะเดินไปหาครูเข้าจริงๆก็หมองอีกละ

แต่ครูก็เมตตาให้พาเด็กทานสุกี้ที่แม่กุลเตรียมไว้ให้ แล้วก็ให้หนูนวดให้ รู้สึกดีใจ แต่ถ้าข้างในหนูไม่นิ่งก็จะมีอาการนวดไม่ดี หวั่นอีกเจ้าค่ะ กลัวครูเจ็บฟรี เพราะครูเจ็บครูก็ทน ด้วยความเมตตาหนู

แล้วครูก็ให้มาทำผ้าคลุมเต้นให้ ตอนแรกทำคนเดียวรื้อของเก่ายกให้สูง สักพักน้องภัสเข้ามาช่วย คุณยายออกมาตากผ้าท่านมายืนคุยด้วย แล้วสุดท้ายท่านก็เข้ามาช่วยเจ้าค่ะครู ทำงานไป แม้ใจจะยังมีแน่นอยู่แต่ก็รู้สึกว่า

“เป็นโอกาสที่จะปฏิบัติภารกิจ”

พอทำเสร็จออกมาน่าชื่นใจมากๆเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณคุณยายท่านช่วยเยอะมากเจ้าค่ะ แล้วก็ถ่ายภาพ ส่ง MMS ไปบอกครูว่า คุณยายและน้องภัสช่วย

เข้ามาที่กุฏิเข้าห้องน้ำเห็นคุณยายนั่งอยู่กับแม่ชีอีกท่านหนึ่ง จึงเข้าไปคุยด้วย ตั้งใจกับตนเอง “เล่าสรรเสริญครู”

คุยไปเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นการฟังเรื่องที่ท่านปรารถนาจะพูด ข้างในหนูฟังไปสลับกับแน่นไปเห็นแล้วก็คลายแล้วก็แน่นใหม่ แต่ก็รู้สึกว่า “พอท่านได้เล่า ท่านร่าเริงขึ้นเจ้าค่ะ”

ได้จังหวะจึงเล่าว่า “เมื่อก่อนหนูไม่ใช่อย่างนี้ เปรี้ยวมาก แต่งหน้าทำผม ไม่ยอมลงให้ใคร แต่มาวันนี้ธรรมะเปลี่ยนหนูได้ หนูไม่ได้มาภาวนาเอง แต่ครูท่านเมตตา แบบถึงขั้นลากมาให้ภาวนาเลยแหละค่ะ”

เหมือนพูดได้เท่านี้ท่านก็พูด ๆ ต่อไปเรื่อย ๆของท่าน

ตอนนั้นใจหนูสรุปว่า “ท่านยังไม่รับ แต่ก็อดทนนะติ๋ว ค่อย ๆแย็บ”

ก็นั่งฟังท่านต่อเจ้าค่ะ แล้วพอรู้สึกว่า นานละ ข้างในแน่นมากขึ้นด้วย จึงขอตัวมาที่กุฏิกะว่ามา ภาวนารักษาข้างในตนเอง แล้วก็มานั่งทานเม็ดทานตะวัน แล้วก็อ่านอินเดียจาริกด้านใน สักพักได้ยินเสียงแม่ชีกุฏิตรงข้ามเรียกถามว่า

 “หลวงปู่มาใช่ไหม”

หนูหันไปมองจริงๆด้วย จึงเดินเข้ากราบท่าน ท่านมาพร้อมพระอาจารย์และน้องทุ่งเจ้าค่ะ ตอนแรกก็ฟังท่านคุยกันเรื่องกุฏิใหม่ของหลวงปู่ นั่งฟังไปเรื่อย ๆ แว๊บขึ้นมาว่า “เจอคุณยายพร้อมหลวงปู่”

จึงหาจังหวะเล่า เหตุการณ์ที่สรรเสริญครู อย่างไรดี จึงได้โอกาสเล่าแต่ก็ยังไม่ลงล็อคกับตนเองเจ้าค่ะ

บ่าย ๆ เย็นๆ อาจารย์เอ๋อยากได้ทับทิม ใจก็รู้สึกไม่แน่ใจว่า “จะมืดไปไหม แต่ก็ออกไป” พอได้เจอครูแล้วเรียนถามก็รู้สึกดีเจ้าค่ะ ไม่งั้นคงจะเป็นเรื่องที่หมองซ้ำ

แล้วก็ได้โอกาสเล่าให้ครูฟังเรื่องที่หลวงปู่มาเมตตา

ตกเย็นช่วงรอทำวัตรเย็น ได้นั่งคุยกับ อาจารย์เอ๋ ได้ฟังเรื่องราวชีวิตของท่าน ระลึกกับตนเอง เส้นทางนี้ไม่บังเอิญจริง ๆ แต่ละคนก็สู้มาของตนเอง แล้วก็ไปทำวัตรเย็น ได้ SMS จากครู กลับมาได้นั่งคุยกัน 3 คนเหมือนหนูหาจังหวะตั้งใจบอกในสิ่งที่ครูเมตตา แล้วก็เหมือนท่านก็เล่าชีวิตการภาวนาของท่าน ตอนที่คุยก่อนทำวัตรส่วนใหญ่เป็นเรื่องโลก ๆ เจ้าค่ะ แต่พอตอนเย็นเล่าเรื่องครูให้ท่านฟัง ก็ได้โอกาสฟังสิ่งที่ท่านเองเพียรมา คุยกันดึกเจ้าค่ะ เข้าเต้นท์พิมพ์บันทึกแล้วรู้สึกเพลียเลยเปิดเทศน์ที่ครูให้มาฟัง แล้วก็หลับไปเจ้าค่ะ

                วันนี้เป็นวันที่ได้เรียนรู้หลายเรื่อง แต่ก็พลาดกิจวัตรตนเองเจ้าค่ะ เต็ม 10 ได้ 5 เจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ    

 

หมายเลขบันทึก: 501002เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2012 07:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 กันยายน 2012 09:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

หนทางธรรม ทำให้จิตผ่องใส.... สวัสดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท