"มีคนถามฉันว่า ทำไมจึงเรียนถึงปริญญาเอกทั้งที่สอนเพียงเด็กประถมหรือมัธยมเท่านั้น ไม่ได้สอนมหาวิทยาลัย
....มันทำให้ฉันได้คิดว่า ถ้าเขาคิดเพียงแค่นี้ ก็น่าเห็นใจในความคิดของเขา เพราะเขาไม่เข้าใจกับคำว่า Life Long Learning และไม่เข้าใจว่า ทำไมความรู้ต้องจำกัดเพียงแค่ระดับชั้นที่สอน
เขาไม่เข้าใจความฝันของคน...เพราะเขาไม่เคยมีความฝัน... ...คนบางคนอาจมีชีวิตเพียงแค่ให้ผ่านไปวัน ๆ แต่คงไม่ใช่ฉัน เพราะฉันมีความฝัน มีความหวังใหม่ๆ และฉันทำให้มันเป็นจริงได้เสมอ
...ฉันจะไม่ยอมเป็นปลาตายที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ แต่ฉันจะเป็นปลาที่ยังมีชีวิต ที่จะว่ายทวนน้ำเสมอ เพราะต้นน้ำนั้นมีสิ่งดี ๆ รออยู่มากมาย....."
ผมไปพบข้อความข้างบนนี้ ของคุณครูท่านหนึ่งที่เป็นเพื่อนเฟซบุ๊คที่พบกันมาสักประมาณสองปี พบแล้ว ผมโพสต์กลับไปว่า
"สุดยอด ความคิด คิดให้ได้อย่างนี่ซิถึงจะสุดยอด ที่ชมนี่ไม่ใช่เพราะที่พูดมาตรงนี้ อรุณรัตน์ Arunrat Bamrungchit แม้พบกันแต่บนเว็บไซต์ มานานสักสองปี มีแต่สิงดี ๆ เป็นสาระไปแลกเปลี่ยนกับอาเซียน (ใน Global Teacher Forum) อยู่เป็นประจำ ทราบว่าตุลานี้จะไปหาพรรคพวกที่คุยไปคุยมาบนเว็บไซต์ ...
และเธอก็ตอบกลับมาว่า "......ขอบพระคุณ Global Teacher Forum ที่ทำให้ได้พบเพื่อน จนจะไปทำ MOU ร่วมกัน และแลกเปลี่ยนกันในที่สุด และน่าจะเป็นคู่พัฒนาตลอดไปค่ะอาจารย์"
ความฝัน หรือ ความอยากเห็น อยากเป็น อยากมี อย่างจริงจัง ของคนจะเกิดขึ้นได้ ด้วยหลายปัจจัย ที่สำคัญก็คือ บุคคลตัวอย่าง เช่น
พ่อแม่ ที่เราเห็นๆ กัน กรณีของ ไทเกอร์วูดทีพ่อเป็นแบบอย่างและคอยสนับสนุน หรือ
กรณีของเถ้าแก่น้อย ที่เคยเห้นพ่อ สั่งการสั่งงานคนงาน แล้วอย่ากเป็นบ้าง
ถัดจากพ่อแม่ก็คือสิ่งแวดล้อม เช่น กรณีของน้องเมล์ รัชนก ที่ไปเล่นแบทมินตันโอลิมปิก พ่อแม่อยู่ในสนามแบท เธอเห็น เธอซึมซับ และคงมี บุคคลที่เป็นแบบอย่างด้วย เธอจึงเก่งในทางที่เธออยาก หรือ ฝันไว้
ส่วนเด็ก ๆ ก็ฝันได้ หากเขาเห็นแบบอย่าง หรือ อะไรดี ๆ จากโรงเรียน และสังคมรอบข้างทั้งไกล้และไกลที่ประทับใจ
วีดิโอข้างล่างนี้ เป็นกรณีหนึ่ง ลองคลิ๊กดูนะครับว่า กรณีอย่างนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เจ้าหนูน้อยคนที่คอยถ่ายรูปเพื่อนๆได้หรือไม่