จดหมายจากครูถึงศิษย์


ศิษย์เอ๋ย จงตั้งหน้าเรียนรู้สิ่งที่เหนื่อยยาก เพราะในชีวิตจริงมันไม่มีสิ่งใดง่ายเลย

 

 

จดหมายจากครูถึงศิษย์

 

 

 

เฉลิมลาภ  ทองอาจ

โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม

คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

       เมื่อสามปีก่อนนี้ ผู้เขียนในฐานะอาจารย์ประจำโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ฝ่ายมัธยม ได้เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง สำหรับกระตุ้นเตือนนักเรียนสาธิตฯ ให้ตระหนักถึงภาระและหน้าที่อันพึงมีในอนาคต  จดหมายฉบับนี้คือการสื่อสารจากครูไปยังศิษย์ เพื่อให้เขาทราบว่า บ้านเมืองให้ความหวังในตัวพวกเขาอย่างไร และพวกเขาควรที่จะคิดและมองสิ่งที่ทำอยู่ในทุกวันนี้อย่างไร  หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จดหมายฉบับนี้จะเป็นตัวแทนความรู้สึกของครู ที่อยากจะบอกให้ศิษย์ทราบว่า พวกเขาคือ "ความหวัง" อันเฉิดฉายให้แก่ครูที่อ่อนล้าทั้งแรงกายและใจอย่างเราๆ ท่านๆ ทั้งแผ่นดิน...

 

ถึงศิษย์ที่รักทุกคน

 

        ขณะที่กำลังกดแป้นพิมพ์อยู่นี้ ความรู้สึกของครูนั้นเปี่ยมด้วยความคิดหลายๆ อย่าง จึงอยากที่จะส่งผ่านความรู้สึกมายังศิษย์ทุกคน  เวลา ๒๐๐ นาที ที่อยู่กับศิษย์ทุกคนในแต่ละสัปดาห์ สำหรับครู เป็นเวลาที่มีความสุขที่สุดของชีวิต  ด้วยวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพที่รักนั้นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ ครูได้รู้จักการเรียนรู้ที่จะเข้าใจ และที่สำคัญคือ เรียนรู้ที่จะรักลูกศิษย์ทุกคน มิใช้โดยอาชีพ แต่ด้วยใจ  น่าแปลกที่ว่า อะไรคือแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลัง ให้ใครสักคน รักใครอีกคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่คนนั้น ไม่ใช่ญาติ  ไม่ใช่คนที่มีบุญคุณ  ไม่ใช่คนมีอำนาจ  หรือแม้แต่ไม่ใช่คนที่รักเรา....

 

        ด้วยความรู้อยู่เต็มอกว่า อนาคตของครูและแผ่นดินนี้ ก็คือพวกคุณทุกคน ศิษย์เอ๋ย ครูอาจเป็นผู้ใหญ่ แต่ครูก็รักที่จะเรียนรู้  สิ่งใหม่ร่วมกับเด็กๆ  บางครั้ง ครูแปลกใจที่คุณไม่ยอมรับความท้าทาย และบ่นว่างานที่ครูมอบให้ยาก ทำไม่ได้ เสียงบ่นนั้นบ่น   จากความรู้สึก แต่ครูก็อยากให้คุณครุ่นคิดสักนิดว่า  คุณรู้ไหมว่าทำไม งานนี้จึงยากสำหรับคุณ .... ที่มันยาก เพราะคุณไม่เคยทำมันใช่หรือไม่...


        ถ้าเช่นนั้น ศิษย์ที่รัก สิ่งใดที่ยากอาจจะต้องมีครั้งแรก  แต่คุณจะต้องก้าวผ่านไปด้วยตัวของคุณ คุณต้องฝ่าขีดจำกัดที่คุณเคย  “คิด” ว่ามันมี แล้วพยายามผ่านมันให้ได้  ถ้าเรากลัวที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ  เราอาจไม่มีคนที่กล้าไปดวงจันทร์ เพราะมันฟังแล้วดูเพ้อเจ้อเหลวไหลที่จะเดินทางข้ามอวกาศ  เราอาจจะไม่มีเครื่องบิน เพราะเรามัวแต่คิดว่าเราบินไม่ได้อย่างนก  เราอาจจะไม่มีอินเทอร์เน็ต เพราะเราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก จะคุยติดต่อกันได้เพียงเสี้ยววินาที สำหรับตัวครู ครูอาจจะไม่ได้เป็นครู เพราะคิดว่าตัวเองไม่สามารถอธิบายอะไรให้คนอื่นเข้าใจได้  เชื่อไหมว่า เพียงแค่คิดว่า “ลองทำดู” ในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยหรือแม้จะไม่เคย  วันนี้ครูจึงผ่านมาได้และโชคดีที่มีพวกคุณเป็นศิษย์ 

 

        ศิษย์รัก โลกภายนอกโรงเรียนเป็นโลกแห่งความเป็นจริง มีความเจ็บปวด โหดร้าย  เกลียดชัง แก่งแย่ง แข่งขัน      ทั้งเรื่องจริงและเรื่องโกหกแทบจะแยกจากกันไม่ได้  สิ่งที่ทุกคนเรียนรู้และได้จากครู คือความจริงเหล่านี้  สังคมข้างนอก ไม่ได้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาปกป้องเราเหมือนกับนิยายเกาหลี  ไม่ได้มีอุปกรณ์หรือของวิเศษที่จะเพิ่มพลังได้อย่างในการ์ตูน  ไม่ได้มีอาวุธหรือพลังสะสมที่ฝ่าด่านไปเรื่อยๆ แบบเกมออนไลน์  ครูต้องย้ำอีกครั้งว่า โลกภายนอกนั้นโหดร้าย.... และนั่นคือหน้าที่ของครู ที่ต้องบอกความจริงแก่พวกคุณ  พวกคุณยังไม่ต้องเชื่อครูก็ได้ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ขอให้คุณกลับมาแล้วเล่าให้ครูฟังบ้าง ว่าคุณได้  เผชิญอะไรมาบ้าง ขอให้รู้ไว้  ครูจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ....

 

        แปลกไหม ที่ครูนำเรื่องสั้นที่ซับซ้อนมาให้อ่านเพื่ออะไร  ให้เขียน ให้คิด ให้พูดแสดงความคิดเห็นไปทำไม ครูมีคำตอบเดียวที่จะให้ นั่นคือ  “การศึกษา” ของครู คือการสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์  ศิษย์เอ๋ย มนุษย์ที่สมบูรณ์หาได้วัดจาก “ตัวเลข” หรือ “คะแนน” อันตื้นเขินไม่  เหตุใดศิษย์ของครูจึงยอมให้ตัวเลขเพียง ๐-๙ ชี้นำว่าตนเองเก่ง โง่ ฉลาด เลว ดี  ตัวเลขเพียง    ๑๐ ตัวนี้หรือที่วัดว่าใครเก่งกว่าใคร  ใครโง่กว่าใคร ถ้าคุณยอม และคิดว่า ชีวิตมนุษย์ถูกกำหนดด้วยตัวเลขแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณยังไม่รู้ว่า คุณค่าและความสามารถที่แท้จริงของคุณอยู่ที่ไหน คุณลองตอบคำถามครูสักสองสามข้อต่อไปนี้ได้หรือไม่ว่า  คนที่สอบได้ ๐ คะแนน  คือ คนโง่ใช่หรือไม่  ไม่ควรจะไปทำอะไรเลยใช่หรือไม่  คนที่สอบได้คะแนนเต็ม คือ คนฉลาด ควรยกย่อง สรรเสริญ บูชา  ใช่หรือไม่  แล้วคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม้รู้แม้กระทั่งว่าคะแนนคืออะไร  แต่เขาสามารถเลี้ยงดู   พ่อแม่ที่เป็นอัมพาต พิการ เขาเป็นคนโง่ใช่หรือไม่  เช่นเดียวกัน  เราจะเรียกคนที่สอบได้คะแนนสูง ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ   แล้วกลับมาโกงกิน ทุจริต แสวงหาผลประโยชน์ จองหอง เย่อหยิ่ง  ว่าเป็นคนฉลาดไหม หลายครั้ง...ครูได้ฟังคำถามว่า “งานชิ้นนี้มีคะแนนหรือไม่” คำถามนี้ทำให้ครูเสียใจจนอยากที่จะเดินออกไปเสียให้พ้น  ที่เสียใจประการแรกนั้น คือ เสียใจที่คุณยอมแลกโอกาสที่จะฝึกฝนและพัฒนาตนเองกับคะแนนเพียงน้อยนิด ศิษย์เอ๋ย ก็แล้วถ้างานที่ครูให้ไม่มีคะแนนเล่า  คุณยังจะทำมันอยู่ไหม... คุณทราบหรือไม่ว่า  ครูให้ทำงานเพื่ออะไร เพื่อความสะใจ เพื่อให้ได้เงินเดือนเพิ่ม เพื่อให้ดูว่าวิชานี้ยาก เหล่านี้ พวกคุณคิดว่าที่คือความคิดของคนที่เป็นครูจริงๆ หรือ เหตุที่เสียใจประการต่อมาก็คือ เสียใจที่ตนเองยังไม่สามารถทำให้นักเรียนเข้าใจว่า สมการของความสำเร็จ = ฝึกฝน + ฝึกฝน + ฝึกฝน + ฝึกฝน + ฝึกฝน + ...  แต่ถ้าพวกคุณได้เลือกแล้วว่า ไม่ต้องตั้งใจทำงานนี้ก็ได้  ด้วยเหตุที่ไม่มีคะแนน ครูไม่มีสิทธิ์ทำอย่างอื่น นอกจากเคารพในการตัดสินใจนั้น

 

        ศิษย์เอ๋ย  ทราบไหม ครูมีความหวังอะไรในตัวพวกคุณ ครูหวังว่า เมื่อคุณเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนและครู คุณจะเป็นคนช่างคิด ช่างสงสัย ช่างกล้า ช่างสังเกต ช่างสร้างสรรค์ ช่างให้เหตุผล  ช่างประเมินผล  และช่างดีแสนดี นับเป็นประการสุดท้าย งานของครูที่มอบหมายให้แต่ละชิ้น จึงกลั่นกรองมาแล้วว่าจะทำให้นักเรียนต้องคิด ต้องสงสัย ต้องกล้า ต้องสังเกต  ต้องสร้างสรรค์    ต้องให้เหตุผล ต้องประเมินและต้องทำด้วยใจที่ดีงาม  ลองทบทวนดูสักนิดเถิดว่า งานแต่ละชิ้นที่นักเรียนใช้หัวใจอันแกร่งกล้า พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด  เพื่อให้ครูได้ภาคภูมิใจนั้น อยู่ในข่ายที่ครูกล่าวถึงหรือไม่ ถ้าคุณทำและค่อยๆ ผ่านงานเหล่านี้ไปได้ คุณจะไม่เป็นเพียงความหวังของครู แต่คุณจะเป็นความจริงให้กับแผ่นดินแม่ที่โอบอุ้มคุณอยู่ทุกวันนี้ เพราะคุณกำลังทำสมการนี้ให้สมบูรณ์

 

        เราคือสาธิตจุฬาฯ ใช่หรือไม่ พวกคุณในฐานะที่อยู่ที่นี่เกินกว่า ๖ ปี เป็นส่วนใหญ่ทราบหรือไม่ว่า  ตนเองมีคุณสมบัติแตกต่างจากนักเรียนโรงเรียนอื่นอย่างไร  อะไรคือข้อได้เปรียบของเรา ถ้าคุณคิด คุณจะได้คำตอบว่า คุณได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด  จากคณาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถสูง  คณาจารย์เหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาจารย์สอนครูโรงเรียนอื่นๆ อีกชั้นหนึ่ง คุณจึงมีโอกาสที่ดีมาก  ศิษย์เอ๋ย คุณทราบไหมว่า โรงเรียนที่ครูเคยเรียนนั้น อัตคัดเพียงใด หนังสือ วัสดุ สภาพห้องเรียน แม้แต่ครูก็ยังขาดแคลน เพื่อนของครูไม่มีแม้แต่กระทั่งเงินจะซื้อสีน้ำ กล่องละไม่กี่สิบบาท เพื่อใช้ในวิชาศิลปะ  เพราะครอบครัวของเขายากจน เมื่อกลับ บ้านก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน เลี้ยงน้อง ดูแลบ้าน ไม่มีเกม โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือห้างสรรพสินค้าให้เขาไปเดินเลือกซื้อเครื่องเขียน เขามีแต่เสื้อเก่า กางเกงปะ รองเท้าขาดๆ และคราบน้ำตามาพบครูผู้เป็นเพื่อน  ยามที่พ่อแม่เขาทะเลาะกัน... แล้วคุณเล่ามีอะไรบ้าง...

 

    สำหรับครูที่เชื่อว่าการเรียนรู้ที่แท้ คือการให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริง นักเรียนจะต้องลงมือสร้างความรู้ด้วยตนเอง เปรียบเหมือนการเดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูง ครูเป็นแต่ผู้ฝึกซ้อม เตรียมเสบียง และบอกทิศทางคร่าวๆ ให้ แต่คนที่ต้องฝ่าอุปสรรค ผจญความหนาว บรรยากาศที่บางเบาจนหายใจแทบไม่ได้ พายุหิมะหรือธรรมชาติอันทารุณก็คือตัวพวกคุณเอง  คุณต้องก้าวไปด้วยตัวคุณเอง ฉะนั้น  ครูจึงฝึกคุณให้  “แสวงหา” และ “สร้าง” ความรู้ด้วยตัวเอง ผ่านประสบการณ์ต่างๆ ที่ครูเป็นผู้แนะแนวทางให้ เมื่อใดก็ตามที่ครู   ได้พิจารณาว่าเนื้อหาที่เรียนนั้นเหมาะที่คุณจะอ่านหรือศึกษาด้วยตนเอง  ครูก็มอบหมายให้ไปศึกษาเองในส่วนหนึ่ง  เพื่อต้องการจะฝึกให้คุณเป็นนักแสวงหาความรู้ เพราะความรู้นั้น มิได้จำกัดแต่เฉพาะความรู้จากครู  แต่เสียงที่สะท้อนกลับมาในลักษณะที่คุณปฏิเสธ และอ้างขึ้นจากตื้นเขินว่า “อาจารย์สอนไม่จบ” นั้นย่อมแสดงว่าคุณกำลังดูถูกตัวเองอย่างรุนแรง  เพราะแม้แต่ตัวคุณเอง คุณก็ยังไม่เชื่อมั่นว่าจะหาความรู้ด้วยตนเองได้ ในที่สุด  คุณเป็นแต่คนที่คอยพึ่งพาคนอื่น ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และไม่รู้กระทั่งว่า ตัวเองมีศักยภาพมากกว่าจะรอให้ครูมาโปรด ศิษย์เอ๋ย เมื่อวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ไม่มีครู คุณจะอยู่และหยัดยืนได้ด้วยตนเองหรือไม่...

 

        ศิษย์ที่รัก ขอได้โปรดจงตั้งใจที่จะฝึกฝนทำงานต่างๆ ทั้งที่ครูมอบหมายในชั้น และมอบหมายให้ศึกษาด้วยตนเอง เพื่อไขว่คว้าอนาคตที่ใฝ่ฝัน  ขอจงอย่าจับอนาคตของตนเองเป็นตัวประกัน  เพื่อแลกกับคะแนนอันเล็กน้อยและจอมปลอม  จงรู้ว่างานหนักในวันนี้ คืองานเบาในวันหน้า และจงรู้ว่าศิษย์ที่ครูภาคภูมิใจ คือ คนที่รู้ว่าจะพัฒนาตนเองอย่างไร คนที่รักในความรู้       รักที่จะเรียนรู้  และรักที่จะรักโลกใบนี้ด้วยใจอันงดงาม...

 

        ในที่สุดนี้ ครูขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ “เดินตามรอยเท้าพ่อ” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี     ที่ได้ทรงกล่าวถึงแรงบันดาลใจ  ในการทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อมาย้ำเตือนให้ศิษย์ที่รักของครูทุกคน มีความเข้มแข็งและหาญกล้าที่จะเอาชนะตนเอง

 

 

 

 “ ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด
ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ
แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืดและกว้าง
มีต้นไม้ใหญ่เหมือนหอคอยที่แข้มแข็ง
พ่อจ๋า…
ลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย
ดูซิจ๊ะ…
เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก
ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า
พ่อจ๋า…
เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?
ลูกเอ๋ย…
ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์
และความสบายสำหรับเจ้า
ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย
จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า
เลือดของเจ้า เปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ
น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว
เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงดงามเต็มที่
เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า
เมื่อเผชิญกับความทุกข์ให้อดทนและสุขุม
และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า
ไปเถิด…
ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ.”


๒๕๑๙
บทพระราชนิพนธ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                           รักและเป็นกำลังใจให้เสมอ   

                                                                              ครู

                                                                   ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๒

หมายเลขบันทึก: 499810เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2012 21:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2012 10:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

- อ่านบทความนี้แล้วผมเชื่อเสมอว่า แรงบันดาลใจส่งต่อถึงกันได้เสมอจริงๆ ครับ

- ผมเคยอ่านงานเขียนของนักการศึกษาผู้สร้างแรงบันดาลใจที่ชื่อว่า เปาโล แฟร์ ผู้เขียนเรื่อง Teachers as Cultural Workers: ครูในฐานะผู้ทำงานด้านวัฒนธรรม เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจต่อคนที่เป็นครูอย่างยิ่ง

ยอดเยี่ยมมากครับ  ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวและแรงบันดาลใจดี ๆ มาให้
ผมจะบอกต่อในโอกาสที่สามารถทำได้  อย่าหยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์เรื่องราวดี ๆ เช่นนี้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท