สามสี่วันที่ผ่านมาไปศึกษาดูงานด้านธุรกิจมาสองรายการ


จากการดูงานทั้งสองรายการนี้ ก็อาจเป็นข้อคิดให้กับบางท่านได้บ้างว่า การเป็นเจ้าของกิจการได้เองนั้น ต้องรอบรู้ และรู้รอบในเรื่องที่ตัวเองทำ การจะทำอะไรให้ได้มาก ๆ เป็นอุตสาหกรรมได้ต้องมีเครือข่ายร่วมทำ หรือต้องคิด ประดิษฐ์ เครื่องมือขึ้นมาใช้เอง หรือ ซื้อหามาใช้จึงจะสามารถทำได้มาก ๆ

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมาไปดูงานที่เจ้าของกิจการเขาทำหลายอย่าง  มี บริษัทเทรนนิ่งใหญ่ พัฒนาบุคลากรให้กับหลายที่ ทั้งที่เดินสายทำเอง ทั่วประเทศ และวิทยากรในสังกัดหลายสิบคน  ทำให้ทั้งมหาวิทยาลัย กระทรวงทบวงกรม บริษัท โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ฯลฯ    มีพนักงานที่คอยจัดการนับสิบคน  นอกจากนั้นก็มีกิจการฟรานส์ไชน์  หลายอย่างทั้งทางการศึกษา   และธุรกิจทั่วไป  ในที่ใกล้ ๆ กันกับบริษัท มีอาคารนวดแผนโบราณ   สระว่ายน้ำ มินิมาร์ท  ตลาดนัด  ไกลออกไป  ก็ไปร่วมลงทุนทำแทปเล็ตกับเมืองจีน เสินเจิ้น เอามาขายในไทย และกำลังไปเปิดขายในทุกประเทศในอาเซียน พร้อมบริการรับส่งของในที่เดียวกัน  ผมไปนั่งดูเจ้าของทำงานอยู่หนึ่งวัน  ก็ทำให้เห็นว่าเขาหัวหมุนขาดไหน ทั้งทางโทรศัพท์จากเมืองไทย เมืองนอก และคนที่มาติดต่อด้วยตนเอง 

ผมทำงานหลวงมาทั้งชีวิตก็คิดว่าหนักแล้ว  แต่มาดูคนที่เขาสู้กับงานกิจการของตัวเองมันหนักหนากว่าที่เราเคยทำมาหลายเท่า 

ที่เขียนมานี้ก็เพื่อจะบอกว่าคนที่เขารวยนั้นเขาไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วรวยได้ นอกจากรวยจากตระกูล หรือพ่อแม่ที่ทำไว้  และต้องเก่งจริงจึงจะสืบต่อกิจการได้ ต่อยอดได้   คนที่เขารวยเขาต้องใช้สมอง  ใช้เวลา  มากว่าหลายคนที่ทำได้ไม่เท่า  และคนเหล่านั้นก็ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างของคนประเภทนี้ หรือไม่ก็ไปเป็นลูกจ้างของรัฐบาล ที่เรียกว่าข้าราชการ   ได้ค่าจ้างมาเลี้ยงตนเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัว  และก็ยังชีพอยู่ได้ ไม่ต้องใช้แรงใจ แรงกาย แรงอึด เหมือนคนที่เขาทำธุรกิจส่วนตัว 

ท่านใดที่อยู่ในวันหนุ่มสาว มีความรู้ความสามารถ สู้งานหนักได้ อยู่กับความหลากหลายของผู้คนได้อย่างไม่เครียดเกิน  ก็มีทางสร้างความท้าทายให้แก่ตนเองได้  กลายเป็นคนจ้างคนอื่นให้ทำงานให้ได้ ก็จะเป็นไม้ใหญ่ให้ผู้เคนได้พึ่งพิง  และบุญจริง ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้จริง

รายการที่สองเมื่อวานนี้วันที่ 21 สิงหาคม 2555 ก็ไปดูกิจการเกี่ยวกับที่นอน  ก็ทำให้มีความรู้มาบอกเล่ากัน  ที่เห็นมากับตา  และที่ฟังเถ้าแก่ใหญ่เขาคุยให้ฟัง  ที่นอนมีหลายชนิด  เช่น ที่นอนสปริง สปริงแบบโปร่ง ๆ  กับสปริงที่อยู่ในซองผ้า ที่ซื้อมาเป็นลูก ๆ แล้วนำมาเย็บหุ้มผ้าด้วยเครื่องมือที่ประดิษฐ์เอง เย็บเอง และยังนำเครื่องมือนี้ไปขายให้เอาไปเย็บที่นอนขายยังได้อีก เครื่องมือที่ว่าเป็นหัวจักรจากต่างประเทศ แต่ส่วนประกอบที่นำมาเย็บที่นอนได้นั้นคิดเอง    ที่นอนยางพาราก็มีสองชนิดใหญ่ ๆ  คือชนิดนึ่งสุกที่สั่งจากประเทศเบลเยี่ยม และนึ่งไม่สุกที่มีขายกันทั่วไป  และนำมาหุ้มผ้าเย็บขายเช่นกัน   ที่นอนใยมะพร้าว  ที่นอนฟองน้ำอัด  เตียงเหล็กที่ใช้ในบ้าน โรงแรม หอพักทั่วไป   ส่งขายไปทั่วประเทศ   เตียงเหล็กที่ทำกับเครื่องมือดัดเหล็กแบบง่าย ๆ ทำแล้วขายไปทั่ว  สำหรับที่นอนยังส่งไปขายถึงอเมริกาที่เขาสั่งซื้อมา  ถามเขาว่าทำมาได้อย่างไร เพราะการเข้าไปในวงการธุรกิจอย่างนี้ไมใช้ของง่าย   ก็ได้รับการบอกเล่าว่าเริ่มด้วยการชักนำของเพื่อน ๆ ก่อน   ทำไปคิดไป พัฒนาไป จนรอบรู้ในเรื่องที่นอน กิจการก็ค่อย ๆ เจริญเติบโต  สมัยก่อนต้องไปเสนอขายในรายใหญ่ ๆ  แต่เดี๋ยวนี้ มีลูกค้ารายเล็กรายใหญ่  มาหามาซื้อเอง รายใดซื้อแล้ว มีกิจการใหม่ก็ตามมาซื้ออีก  และบางรายต้องเขียนติดป้ายไว้ในสำนักงานว่า ถ้าจะซ่อม หรือ ซื้อใหม่ ต้องมาซื้อหาที่โรงงานของเรา เถ้าแก่เขาบอก

ที่น่าตื่นเต้น อย่างหนึ่งก็คือเถ้าแก่ที่ว่าพาผมไปดูแหล่งผลิตแผ่นใยมะพร้าวที่นำมาทำที่นอน   เจ้าของเป็นชาวไต้หวันสองสามีภรรยา  ตอนเข้าไปมีรถสิบล้อส่งใยมะพร้าวจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้านำหน้าเข้าไปในโรงงานพอดี   ได้เห็นเครื่องผลิตที่เจ้าของประดิษฐ์เองสูง   4  เมตร  กว้าง  3  เมตร   ยาว  30  เมตร โดยประมาณ  เครื่องผลิตที่ว่ามีฝุ่นใยมะพร้าวเกาะติดจนแทบไม่เห็นเนื้อเหล็ก  มีคนงานสองคนนำเอาใยมะพร้าวที่มาเป็นก้อน ๆ โยนใส่เข้าเครื่องย่อยออกเป็นฝอย ๆ แล้วโยนเข้าข้างท้ายเครื่อง และเจ้าฝอย ๆ นั้นทยอยออกมาเป็นแผ่น ๆ  ให้คนงานที่ด้านหน้าของเครื่องคอยเก็บพับออกมาเป็นแผ่น ๆ  วางซ้อน พร้อมส่งขาย    เครื่องจักร และคนงานทำงานกันได้สองผลัด 24 ชั่วโมง  

ได้รับการบอกเล่าว่า โรงงานนี้เทคโนโลยีสุดห่วย   ลูกเจ้าของโรงงานเป็นวิศวกรด้านอากาศยานอยู่ในต่างประเทศ  พ่ออยากให้กลับมาดูแลกิจการ  ลูกไม่เหลียวมอง กับโรงงานยุคโบราณของพ่อ    แต่พอเถ้าแก่ที่พาผมไปดู บอกว่าต้องมาซื้อแผ่นใยมะพร้าวที่นี่ เพราะที่นี้คุณภาพดีกว่าที่โรงงานที่มีเทคโนโลยีเสียอีก      

จากการดูงานทั้งสองรายการนี้ ก็อาจเป็นข้อคิดให้กับบางท่านได้บ้างว่า การเป็นเจ้าของกิจการได้เองนั้น ต้องรอบรู้ และรู้รอบในเรื่องที่ตัวเองทำ  การจะทำอะไรให้ได้มาก ๆ เป็นอุตสาหกรรมได้ต้องมีเครือข่ายร่วมทำ หรือต้องคิด ประดิษฐ์ เครื่องมือขึ้นมาใช้เอง  หรือ ซื้อหามาใช้จึงจะสามารถทำได้มาก ๆ คิดจะซื้อหามาเมื่อไหร่ แพงแน่ ๆ   เมื่อไรที่คิดเองได้ ก็ช่วยให้สร้างชิ้นงานได้มาก  และยังขายเครื่องมือนั้นได้อีก เหมือนอย่างที่เราเห็นๆ ตามห้าง  ที่จีนเขาผลิตเครื่องมือเล็กใหญ่มาขายเราในราคาถูก ๆ  

เถ้าแก่ที่นอนที่พาผมไปดูงานนี้ และสองสามีภรรยาชาวไต้หวัน รวยวันรวยคืนก็เพราะเขาคิดประดิษฐ์เครื่องจักรเอง  บวกกับความรอบรู้  สู้งาน  เบิกบานใจเมื่ออยู่กับผู้คนที่หลากหลายได้  จึงรวยได้ชั่วโคตรหากลูกหลานใส่ใจมาสานงานต่อยอดการพัฒนากิจการต่อ ๆ ไป   

หมายเลขบันทึก: 499699เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2012 21:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม 2012 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ขอบคุณสำหรับบทความอ่านแล้วสร้างแรงบันดาลใจ ชื่นชมอาจารย์ที่ช่างสังเกต ช่างคิดต่อยอดคะ
  • American dream คือการได้เป็นผู้ก่อตั้้งกิจการของตัวเอง (Enterpreuner)
  • ติดใจเรื่อง ลูกชายวิศวกรอากาศยาน อาจารย์คิดว่า ทำอย่างไรเขาจึงจะยอมมาดูแลโรงงานที่สร้างจากอุตสาหะของพ่อคะ

ขอบคุณค่ะที่กรุณานำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่ต้องการเป็นนายตัวเองค่ะ

ขอบคุณทั้งสองท่านที่มาชวนให้คุยต่อครับ เปิดสมุดเล่มใหม่นี่ขึ้นมา เพราะคิดถึงความเป็นอาเซียน ถ้าเราคิดกันดีๆ มีการสร้างสรรค์งานเองได้ กลายเป็น นักลงนักลงทุน Enterpreunerเราก็จะอยู่ในอาเซียนได้อย่างสง่า นั่นหมายถึงว่า เรามีงานและมีเงินกันอย่างทั่วถึง ทั้งงานจากภายในประเทศและต่างประเทศ

คุณหมอครับ ดู ๆ แล้ว คงกลับมายาก คนต่างประเทศที่ไปหลงไหล ในวัฒนธรรมอเมริกัน ยุโรป ที่สุขสบายมานานๆ นี่คงยาก ดูเหมือนจะเล่ากรณีหลานของเพื่อนฝูงกันแล้วว่า แม่ขายทองจนรวย ส่งลูกสองคน ไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ชั้นประถม แม่อยากให้กลับมาสืบทอดกิจการ ลูกบอกว่าไม่เอาด้วย ไม่ว่าจะขายทองแล้วรวยแค่ไหน แม่ก็ต้องเศร้าใจ

วิศวกรอากาศยานที่โรงงานโรงซ่อมไฮเทค มาเจอกับโรงงานของพ่อที่ซอมซ่อแถวอ้อมน้อย เห็นแล้วน่าจะต้องถอย แน่ ๆ และทราบว่าถอยไปแล้ว ไม่เอาด้วย พบเจ้าของเมื่อไร จะลองแนะให้ไปสร้างโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรม ทำเครื่องจักรให้ดูดี ส่งออกไปขายให้ทั่วโลก โดยเฉพาะเอาไปทำเก้าอี้เครื่องบิน เพราะใยมะพร้าวไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เขาอาจจะกลับมา แต่ดู ๆ แล้วไปแล้วไปลับ กับสิ่ง่แวดล้อมทางสังคมตะวันตก

กรณีนี้มีข้อคิดว่า พ่อแม่ที่ทำธุรกิจไว้ให้ นับเป็นบุญ เป็นคุณอันประเสริฐ จะให้ดีเลิศตาม ยุคสมัยของลูก ลูกต้องต่อยอดคิดเอง กิจการจึงจะเจริญก้าวหน้า พาชีวิตลูกหลานเหลน ให้มีกินมีใช้ คนอื่นๆ ได้พึ่งพิงกันต่อไป

สร้างแรงบันดาลใจจริงๆค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท