พระพุทธองค์ตรัสว่า "ละการฆ่า เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ(โทษภัย) วางศาสตรา(ของมีคม)แล้ว มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์ แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ตลอดคืนหนึ่งกับวันหนึ่งในวันนี้ แม้ด้วยการกระทำอย่างนี้ ก็ชื่อว่าได้ทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย"
หากเราวิเคราะห์ ศีลข้อที่ ๑ การละเว้นจากการฆ่าสัตว์ จึงเสมือนว่า การที่พุทธศาสนิกชวนชักชวนกันเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ ก็จะเป็นการเอื้อเฟื้อต่อการปฏิบัติตามศีลข้อที่ ๑ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้นั่นเอง
อนึ่งในเทศกาลเข้าพรรษา หากเราสามารถลดละการกินเนื้อสัตว์ ปรับมาลองทานอาหารมังสวิรัติ ก็เสมือนการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ เป็นการสร้างกรรมดีง่าย ๆ จากพฤติกรรมการกินในชีวิตประจำวันของเรา
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารมังสวิรัติอาจคิดว่า อาหารมังสวิรัติต้องจืดชืดไร้รสชาติ ไม่น่าทาน จึงอยากแบ่งปันเทคนิคการประกอบอาหารมังสวิรัติง่าย ๆ ด้วยตนเอง ดังนี้คะ
รายการที่หนึ่ง สอง : ยำผักกูด หรือยำถั่วพู
ก. เครื่องปรุงอาหาร
1. ผักกูดถั่วพูที่หั่นและล้างสะอาด ลวกให้สุก 1 จาน
2. น้ำยำ ( ส่วนผสมระหว่างน้ำมะขามเปียก , น้ำตาลปิ้บและเกลือป่น นำมาผสมให้เข้ากันและตั้งไฟอ่อน ๆ )
3. ซีอื้วขาว 2 ช้อนชา
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
5. มะพร้างขูดคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
6. ถั่วลิสงป่น 2 ช้อนโต๊ะ
7. ผักชีฝรั่ง 1 ช้อนชา
8. แครอทหั่นเป็นเส้นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
9. มะม่วงดิบหั่นเป็นเส้นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
11. กะทิสด 1 ช้อนโต๊ะ
12. เห็ดลวก 1 ช้อนโต๊ะ
13. หอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
14. ไข่ต้มสุก (ผ่าเป็น 4 ซีก) 1 ฟอง
15. พริกขี้หนูแห้งทอด 4 เม็ด
ข. ขั้นตอนการประกอบอาหาร
1. ใส่ซีอิ้วขาว มะนาว น้ำพริกเผา น้ำยำ คลุกให้เข้ากัน
2. ใส่ผักกูด/ถั่วพูลวก แครอท เห็ดลวก มะม่วง มะพร้าวขูด คลุกให้เข้ากัน
3.จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยไข่ต้มสุก หอมเจียว กะทิสด พริกขี้หนูแห้งทอด
รายการที่สาม : ยำหัวปลี
ก. เครื่องปรุงอาหาร
1. หัวปลีหั่นและล้างสะอาด แช่ด้วยน้ำมะนาว 1 จาน
2. น้ำยำ ( ส่วนผสมระหว่างน้ำมะขามเปียก , น้ำตาลปิ้บและเกลือป่น นำมาผสมให้เข้ากันและตั้งไฟอ่อน ๆ )
3. ซีอื้วขาว 2 ช้อนชา
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
5. ใบโหระพา 10 ใบ
6. ถั่วลิสงป่น 2 ช้อนโต๊ะ
7. ผักชีฝรั่ง 1 ช้อนชา
8. แครอทหั่นเป็นเส้นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
9. มะม่วงดิบหั่นเป็นเส้นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
11. กะทิสด 1 ช้อนโต๊ะ
12. เห็ดลวก 1 ช้อนโต๊ะ
13. หอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
14. ไข่ต้มสุก (ผ่าเป็น 4 ซีก) 1 ฟอง
15. พริกขี้หนูแห้งทอด 4 เม็ด
ง. ขั้นตอนการประกอบอาหาร
1. ใส่ซีอิ้วขาว มะนาว น้ำพริกเผา น้ำยำ คลุกให้เข้ากัน
2. ใส่หัวปลีหั่นฝอย แครอท เห็ดลวก มะม่วง คลุกให้เข้ากัน
3. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยไข่ต้มสุก หอมเจียว กะทิสด พริกขี้หนูแห้งทอด
หมายเหต : ข้อแตกต่างระหว่างยำผักกูด กับยำหัวปลีคือ ยำหัวปลีจะไม่ใส่มะพร้าวคั่ว และใส่ใบโหระพา
รายการที่สี่ : ส้มตำไทย
ก. เครื่องปรุงอาหาร
1. มะละกอขูด 1 จาน
2. มะม่วงดิบขูด 2 ช้อนโต๊ะ
3. แครอทขูด 2 ช้อนโต๊ะ
4. มะเขือเทศสุกผ่าครึ่ง 4 ลูก(ขนาดลูกเล็ก)
5. ถั่วฝักยาวหั่น 1 นิ้ว 1 ช้อนโต๊ะ
6. สาหร่ายอบแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
7. ซี้อิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
9. กระเทียม 5 กลีบ
10. พริกขี้หนูแห้งทอด 4 เม็ด
11. มะนาว 1 ลูก
12. น้ำยำ ( ส่วนผสมระหว่างน้ำมะขามเปียก , น้ำตาลปิ้บและเกลือป่น นำมาผสมให้เข้ากันและตั้งไฟอ่อน ๆ )
ข. ขั้นตอนการประกอบอาหาร
1. โขลกกระเทียม พริกขี้หนูแห้งทอด น้ำตาลทราย ให้ละเอียด และ ใส่ถั่วฝักยาวโขลกให้แตก
2. ใส่มะเขือเทศ มะม่วง แครอท มะละกอ ซี้อิ้วขาว น้ำมะนาว น้ำยำ คลุกให้เข้ากัน
3. ใส่สาหร่ายอบแห้ง และถั่วลิสง จัดตกแต่งใส่จานพร้อมเสริฟ
หมายเหตุ : ผู้ที่นิยมทานส้มตำลาวสามารถปรับโดยเติมกะปิเจ และไม่ใสน้ำตาลทราย พร้อมลดปริมาณน้ำยำ เพราะรสชาติส้มตำลาวคือ รสเค็มเปรี้ยวนำ ในขณะที่รสชาติส้มตำไทยคือ รสหวานเปรี้ยวนำ
สำหรับรายการที่นำเสนอทั้งหมดนี้ ดิฉันโชคดีที่ได้เรียนวิธีทำอาหารจากคุณลุงยุรวัฒน์ ทรรพนันท์ ผู้เสมือนต้นตำรับอาหารมังสวิรัติแห่งพันพรรณคะ หากสนใจไปทดลองทำดูนะคะ แล้วคุณจะพบว่า อาหารมังสวิรัติน่าสนใจและให้อะไรมากมายกับชีวิตและสังคม
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขออนุโมทนาบุญและขอบคุณเมนูดีดีที่กรุณานำมาแบ่งปันค่ะ
พันพรรณยังตั้งอยู่ที่วัดสวนดอกรึเปล่าคะตอนนี้
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีคะคุณปริม
ขอบคุณท่ีแวะมาเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจ
ร้านพันพรรณ ขยายสาขาเพิ่มจากวัดสวนดอก เป็นสาขาหลังมอคะ อยู่ถนนสายหลังมอชอ เลยประตูวิศวะ อยูาซ้ายมือก่อนถึงกาแลคะ ท่ีสาขานี้เปิดสอนทำอาหารมังสวิรัติด้วยคะ