ความสุขที่พึ่งค้นพบ


ทุกข์สุขอยู่ที่ใจ อยากได้อะไรเรามีสิทธิ์เลือกเอง

ใครเคยทุกข์  เพราะคำนินทา  เพราะรู้ว่ามีคนด่าในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ   ทุกข์เพราะกลัวว่าคนจะเข้าใจผิด   คิดแค้นและหาทางแก้แค้นคนเหล่านั้น

ความทุกข์เหล่านี้จะหมดไป  แค่คิดว่าใครจะว่าอะไรเราก็ตาม   ขอเพียงเราไม่ใส่ใจ  มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ดีและถูกต้อง  ทำเพื่อส่วนรวมและเป็นผู้ให้   ทำใจให้สงบ  แผ่ส่วนกุศลและอโหสิกรรมให้เขา   เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน   และสิ่งที่เขาพูดและทำก็ไม่สามารถจะทำร้ายเราได้   

ใครเคยทุกข์  เพราะคิดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี  ส่วนคนทำไม่ดีแล้วได้ดีมีถมไป

ความทุกข์เหล่านี้จะหมดไป  แค่คิดว่าทำดีแล้วจะได้ดีเสมอ  จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับกรรมเก่าที่เราเคยทำ   หากทำกรรมไว้ไม่มาก   ผลดีที่ได้ทำก็จะปรากฎเร็ว  แต่ถ้าใครมีกรรมหนัก   ก็ต้องชดใช้กรรมก่อน   สำหรับคนที่ทำไม่ดี  แต่ได้ดี เพราะเขาทำบุญมามาก   เมื่อไหร่หมดบุญ   เขาต้องได้รับผลกรรมที่เขาทำ

คิดได้เช่นนี้ก็มีความสุข   การคิดเช่นนี้อาจทำได้ยาก  หากอยากทำได้ต้องฝึกบ่อย ๆ หรือใช้ตัวช่วย เช่น Facebook   ในสังคมเครือข่าย  จะมีคนที่ส่งข้อความหรือคำพูดดี ๆ อยู่เสมอ   เมื่อเราได้พบสิ่งดีและคนดีบ่อย ๆ ชีวิตเราจะดีขึ้นเอง

มนุษย์ทุกคนจะมีด้านมืดและด้านสว่าง   ขึ้นอยู่กับเราจะนำด้านใดออกมาแสดงความดีซึ่งเป็นด้านสว่างมักจะทำยาก   แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ  และต้องพยายามควบคุมไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดี

หมายเลขบันทึก: 498763เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2012 18:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม 2012 20:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

จริงๆ นะคะ เราทำดี พบคนดี ได้ฟังสิ่งดีๆๆ ==> สิ่งดีๆ ==> ก็เข้ามาหาเรานะคะ

กรรมดี = การกระทำดีๆๆนะคะ

ขอบคุณมาก สำหรับบทความดีดีที่แบ่งปันให้นะคะ

ดร.สมศรี ใช้ Facebook หรือเปล่าคะ อยากจะเป็นเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งดี ๆ ค่ะ

ยินดี กับความสุขที่ค้นพบนะคะ อโหสิกรรมนั้นทำให้ไม่มีเวรแก่กัน แต่กรรมนั้น หากทำอย่างไรต้องได้ตามนั้น ไม่มีวันหมด ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า เพราะว่า กรรม เป็นตัวตัดสิน ที่เที่ยงตรงยุติธรรมเสมอ แม้กระทั่งพระพุทธเจ้าของเรา ยังต้องชดใช้กรรม จนถึงชาติก่อนจะปรินิพพานเลย ครั้งที่พระองค์ทรงประชวรแล้วกระหายน้ำอย่างมากจนทนไม่ไหว จึงตรัสให้พระอานนท์ไปหาน้ำมาถวาย แต่พระอนุชานำน้ำมาช้า เพราะมัวแต่หาน้ำใสๆ เจอบ่อไหนขุ่นก็ยังไม่ตัก หวังจะรอหาให้เจอบ่อน้ำใสๆ ก่อนค่อยตัก เพื่อหวังให้พระพุทธองค์ได้ทรงดื่มน้ำใส (หวังดีนั่นหละ) ด้วยญาณของพระพุทธเจ้าที่ทรงระลึกชาติตนได้และเล็งเห็นวิสัยของพระอานนท์ว่าจะพยายามหาน้ำใสก่อนค่อยตัก พระองค์กระหายจนทนไม่ไหว จึงกำหนดจิตให้พระอานนท์ตักน้ำมาสักทีได้แล้ว พระอานนท์ถึงตัดสินใจตักน้ำ ปรากฎว่าน้ำที่พระอานนท์เห็นว่าขุ่นอยู่ในบ่อ แต่พอตักมาก็ใสแจ๋ว พระอานนท์แปลกใจมาก เมื่อพระอานนท์กลับมาทูลเรื่องราวเหตุที่ตักน้ำมาช้า พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ในอดีตชาติเราเคยเป็นคนเลี้ยงโค ตอนที่โคหิวน้ำ แต่ด้วยหวังดีอยากให้โคได้กินน้ำใสๆ จึงจูงไปเรื่อยๆ ถึงบึงไหนที่ขุ่นก็ยังไม่ให้กินสักที ด้วยเหตุนี้ เป็นกรรมของเราเองที่เคยกระทำ ทรงสอนว่าไม่ให้พระอานนท์ประมาทในกรรมอันเพียงน้อยนิด เพราะมันจะติดตามไปจนได้ นั่นแล......

อิอิ เม้นท์ยาวไปไหนเนี่ยเรา..สรุปว่า ใครจะนินทาว่าร้ายอย่างไร ก็เป็นกรรมของเขา มิใช่ของเรานะคะอาจารย์

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นที่ดีนะคะ เสียดายไม่ค่อยได้เข้ามา พอดีวันนี้มีคนต้องการ CD ของ Richy ที่บรรยายเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรและการทำสมาธิ ก็เลยเข้ามาดูค่ะ ส่วนใหญ่จะใช้ Facebook เพราะต้องติดต่อกับนักศึกษา ก็เลยได้รับข้อคิดต่าง ๆ จากกัลยาณมิตร ทำให้ชีวิตดีขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง อยากเป็นเพื่อนกับทุกท่านทาง Facebook เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต ท่านใดใช้ FB สามารถ Add ดิฉัน (Orapin Lourprasert) ได้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท