วิชญธรรม
ผศ. ดร. สิริวิชญ์ เตชะเจษฎารังษี

“ขอนิสัย”


“มือใหม่” เมื่อต้องห่างครู ถ้าข้อยึดถือ ข้อปฏิบัติ นั้นเสื่อมคล้ายลง ก็คงต้องอาศัย การ “ขอนิสัย” นี้แหละ เพื่อดึงเอาคำสอน หลักคิดของครูบาอาจารย์ให้กลับมาไว้ในใจโดยเร็ว จะได้ไม่ “หลงทาง”

เหตุเกิดเมื่อวันหยุดช่วงเข้าพรรษา ที่วัดขาประจำของผม คราวนั้นไปเพราะเห็นทุกข์อีกระลอก ทำเอาสติเสีย เสียสติไปพักหนึ่ง ช่วงนั้นนึกเพียงแต่ว่า กำลังของ “ใจ” เรามันอ่อนล้าเต็มที คำสอนของครูบาอาจารย์มันถูกลบหายไปหมด คิดแต่ในทางที่ทวนกระแสสัจธรรม .......  นี่คงเป็นสาเหตุให้มีกฎว่า พระบรรพชาใหม่ ต้องติดตามครูบาอาจารย์ ไม่น้อยกว่า 5 ปี (พรรษา) จึงจะสามารถ “ฉายเดียว” ได้ (ภาษาของ “มือใหม่” คนที่ไม่สันทัดในธรรม ซึ่งใช้เป็นข้ออ้างสำหรับช่วงที่นึกคำศัพท์อะไรไม่ออก....ครับพี่น้อง!!)

 

ช่วงนั้นผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดหลวงปู่มาก มีโอกาสได้ถามข้อคับข้องใจในหลายเรื่อง ที่จำได้คือเรื่องการ “ขอนิสัย” ของพระใหม่ หากจำเป็นต้อง จากวัดหรือครูบาอาจารย์ ไปทำกิจนอกวัดตามลำพัง จะไป 1 วัน หรือหลายวันก็ตาม หลวงพ่อชากล่าวไว้ว่า พระรูปนั้นต้องมา “ขอนิสัย” กับครูบาอาจารย์กันใหม่  

 

 (บทขยายความ ขอนิสัย ขอขมา  ที่น่าอ่าน)  [ http://portal.in.th/i-dhamma/pages/10696/ ]  

 

หลวงปู่พูดทำให้ต้องคิดเหมือนกันว่า “สมัยนี้......เขา (หลวงปู่คงหมายถึง พระใหม่) ไม่ได้ทำแล้ว ไม่รู้จัก บวชได้ไม่กี่วัน ก็ออกจากวัด.... (“ฉายเดียว”)......”    ข้อวัตร ข้อปฏิบัติต่างๆ ก็ยังไม่เข้าใจ อาจทำให้กระทำผิดวินัยได้โดยไม่รู้ตัว และก็ไม่ครูบาอาจารย์มาคอยชี้แนะ ตักเตือน

ผมเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนขึ้นก็ตอนนี้แหละ ตอนที่อยู่กับครูบาอาจารย์ เราก็เข้าใจในการปฏิบัติ โอกาส “หลุด” ก็มีน้อยเพราะเราระวังตัวอยู่ตลอด แต่พอออกไปดำเนินชีวิตตามปกติ โดนฝน โดนพายุไปไม่กี่ครั้ง ก็ล้มหงายท้องไม่เป็นท่าแล้ว ลืมคำสอน ที่เคยมัดสติเราให้อยู่นิ่ง ลืมคำสอนที่ไว้เตือนตัวเองเมื่อต้องสู้รบกับข้าศึกทางธรรม  หาทางออกก็ไม่เจอก ลับไปวนเวียนกับทุกข์ที่เกิดซ้ำๆ ที่ไม่เคยจำ  ...... นี้คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ ศิษย์ “มือใหม่” ต้องกลับมา “ขอนิสัย” เพื่ออาศัยให้ครูบาอาจารย์ ท่านช่วยแนะนำสั่งสอนให้เข้าที่กันใหม่อีกที

พระ “สวิต” (ทำงานทุกชนิดให้……จิตว่าง......  http://www.gotoknow.org/blogs/posts/494995 ) หลังท่านมีเหตุให้ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างแดน  (ที่บ้านตามฉายาท่านนั้นแหละครับ) ผมคิดว่าคงจะไปหลายวัน แต่วันกลับมาที่วัด ตอนนั้นผมอยู่ด้วย หลวงพี่ท่านก็ได้กล่าวกับหลวงปู่เหมือนกัน (คล้ายกับคำถามเรื่องเหตุของการ “ขอนิสัย” และสิ่งที่ผมเผชิญ ที่ผมถามหลวงปู่เมื่อวันก่อนเช่นกัน) หลวงพี่สนทนาว่า “ตอนเมื่อผมกลับไปสวิตเซอร์แลนด์ ความคิด ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ก็มีเหตุให้ “อ่อนแอ”ไป สิ่งต่างๆ ดึงให้ผม ออกจากการปฏิบัติได้ง่ายมาก (ผมจำประโยคที่ท่านใช้ บ่ค่อยได้ แต่ก็สื่อถึงอะไรประมาณนี้นะครับ) “  การกลับมากราบหลวงปู่อีกครั้งและแจงสิ่งที่พบเจอ หลวงพี่ท่านก็คงอึดอัดใจ และอยากกลับมายึดหลักปฏิบัติตามแนวทางของครูบาอาจารย์ให้ได้อีกรอบ   

“มือใหม่” เมื่อต้องห่างครู ถ้าข้อยึดถือ ข้อปฏิบัติ นั้นเสื่อมคล้ายลง ก็คงต้องอาศัย การ “ขอนิสัย” นี้แหละ เพื่อดึงเอาคำสอน หลักคิดของครูบาอาจารย์ให้กลับมาไว้ในใจโดยเร็ว จะได้ไม่ “หลงทาง”

เริ่มจะยาว ขอต่อเป็นบันทึกหน้านะครับ :) :)

ตอนแรกตั้งใจจะเล่าเรื่อง “ สติ เมื่อ หลุด .... ก็ เจอ ต. (ตำ) ” แต่เขียนไปเขียนมาก็กลายเป็นเรื่อง  “ขอนิสัย”  ได้จังได๋หนอ......บ่ฮู้เลย

 

หมายเลขบันทึก: 498666เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2012 00:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ถ้าเป็นพระคงต้องกลับไปขอนิสัยบ่อยๆ แล้วค่ะอาจารย์ ;)

  • เคยเจอพระฝรั่ง
  • ลูกศิษย์หลวงปู่ชาใน Australia วัตรปฏิบัติท่านดีมาก
  • เจอบาลีอันนี้
  • เลยเอามาแจมครับ
  • อภรรยา ปรมาลาภา การไม่มีภรรยาเป็นลาภ(ก้อย...อร่อย) อันประเสริฐ 5555 มาแซวอาจารย์

อาจารย์ขจิต Blank ครับ มามุข "การไม่มีภรรยาเป็นลาภ(ก้อย...อร่อย)อันประเสริฐ"

ผมจะย้อนเวลาไปเป็นโสดได้ไหมเนี่ย สำหรับผมคงต้องใช้

" A ภรรยา ปรมาลาภา "มีภรรยาคนเดียวเป็นลาภแสนประเสริฐ  555

k ปริม  Blank  เราก็กลับไปขอ "นิสัย" กับครูบาอาจารย์ บ่อยๆได้ครับ สมัยนี้โทรศัพท์ หรือ chat online "ขอนิสัย" กัน ก็น่าจะทำได้นะครับ แต่การเจอตัวจะดีกว่า ท่านจะได้เขกหัวเราถูก......  ฮิฮิ :):)

พอถึงคราวที่จิตตัวเองมันดื้อ ก็ต้องคอยเรียกหาครูบาอาจารย์เป็นธรรมดา บางเรื่องมันก็ทำให้เราทุกข์ แต่หากเรายึดมั่น เอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง มันเหมือนมีตัวช่วยนะคะ พอถึงคราวทุกข์ ก็ไม่ทุกข์มาก เพราะมีสติคิดได้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะคะที่เค้าบอกว่า คนที่เริ่มปฏิบัติอย่างจริงจังนั้น มักจะมีแบบทดสอบมาให้ทำเสมอๆ ว่าจะทำได้จริงไหม แล้วยิ่งพอจะปฎิบัติได้สำเร็จบางคนจะเจอมารมาผจญ ลองสังเกตตัวเองดูสิคะ ว่าเป็นเหมือนกันไหม

ผมว่าไม่ได้เจอแค่ "มารมาผจญ" ครับ เจอ "โคตรมารมาผจญ" เลยละครับ จากบันทึก จะปฏิบัติที่ไร....ทำไมอุปสรรคมากกกส์ นักหนอ???? นั้นผมว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับอุปสรรคของนักปฏิบัติธรรม "มืออาชีพ"

ขอบคุณครับ คุณครู Blank

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท