(ปิดท้าย)กีฬาของชาวโลก


กีฬาก็คือกีฬา ชัยชนะกับความพ่ายแพ้สามารถกลับข้างได้เสมอ

            กีฬาโอลิมปิกปิดฉากแล้ว  สหรัฐสามารถทวงตำแหน่งแชมป์เหรียญทองกลับคืนได้หลังจากพ่ายให้จีนไปเมื่อสี่ปีก่อน  ส่วนเกรตบริเทนเจ้าภาพทำดีกว่าเดิมและได้อันดับสาม  ส่วนรัสเซีย (ซึ่งสมัยที่ยังเป็นโซเวียตเคยยิ่งใหญ่สูสีกับสหรัฐนั้น) มาที่สี่ และเกาหลีใต้แซงญี่ปุ่นและชาติใหญ่ๆในยุโรปที่เคยมีชื่อขึ้นที่ห้าได้

            สำหรับไทยเรานั้น  ตั้งแต่ได้เหรียญทองเหรียญแรกจากแอตแลนตา ปีค.ศ. 1996 แล้ว เราได้เหรียญทองมาตลอดจนกระทั่งคราวนี้ก็สะดุด แถมยังได้จำนวนเหรียญรวมน้อยลงอีกด้วย

            การแพ้ชนะการแข่งขันกีฬาสมัยปัจจุบัน  ถึงแม้ความสามารถของนักกีฬาจะยังเป็นปัจจัยหลักอยู่ แต่ปัจจัยอื่นๆ ก็สามารถช่วยดึงขึ้นหรือฉุดลงได้ ทำให้นักกีฬามี่มีความสามารถเท่ากัน เฉือนชนะหรือพ่ายแพ้อย่างหวุดหวิดได้  ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวมีทั้งการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา  เทคนิกวิธี  ทีมเวิร์ค จิตวิทยา  สมาธิ และแม้กระทั่งระบอบการปกครอง เช่น นักกีฬาจีนทุกประเภท สามารถพูดได้ว่า ถูกรัฐกับพ่อแม่ ตั้งโปรแกรมชีวิตไว้ให้ตั้งแต่เด็ก การเป็นนักกีฬาไม่ใช่ วิชาเลือกเสรี แต่เป็นการเลือกวิชาชีพไว้ตั้งแต่ยังเยาว์ (ข้อมูลนี้ ได้จากอาจารย์สอนภาษาจีนที่มาจากปักกิ่งครับ)

            น้องเล็ก นักแทควันโดที่ชนะคู่แข่งอย่างขาดลอยมาเจอแชมป์โลกสามสมัยซึ่งแก่พรรษากว่าถึงสิบปี (ถ้าใช้ภาษามวยไทยก็ต้องว่า กระดูกคนละเบอร์ ) เสียแต้มหกแต้มแพ้ไปในยี่สิบวินาทีสุดท้ายเพราะเสียสมาธิ  นักยกน้ำหนักชายพลาดเหรียญทองแดงไปเพราะสตาฟโคชเรียกน้ำหนักผิด (ผู้จัดการทีมพูดเอง) นี่คือตัวอย่างของ ปัจจัยอื่น

           ส่วนมวยสากลสมัครเล่นนั้น ผมไม่สามารถบอกได้ว่า ปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่ไหนกันแน่  เพราะเท่าที่ทราบ สมาคมฯของเรามีเรื่องบาดหมางกับประธานกรรมการของคณะกรรมการโอลิมปิกอยู่ก่อนแล้ว เอาเป็นว่า ผลการแข่งขันกีฬาประเภทนี้ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งมีอารมณ์ค้าง และ ไม่แล้วใจ (ภาษาเหนือซึ่งยังหาคำเทียบเคียงไม่ได้)

          ไม่ว่าจะอย่างไร กีฬาก็คือกีฬา ชัยชนะกับความพ่ายแพ้สามารถกลับข้างได้เสมอ ด้วยความสามารถของนักกีฬา(ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คงที่ชั่วนิรันดร์) และ/หรือปัจจัยอื่นๆอีกมากบ้างน้อยบ้าง  โอลิมปิกหนนี้ เราจึงเห็นทีมฟุตบอลจากประเทศที่เป็นแชมป์รายการใหญ่มากๆสามรายการติดกัน (คือสเปน) ตกรอบแรกกลับบ้านโดยไม่ชนะใครเลย ทีมวอลเลย์บอลหญิงสหรัฐ ซึ่งหลังจากแพ้บราซิลในโอลิมปิกหนก่อน แล้วตามล้างแค้นเอาชนะบราซิลในรายการใหญ่ๆ หกครั้งรวด พอเจอกันในกีฬาโอลิมปิกหนนี้กลับแพ้บราซิลอีกหนหนึ่ง (หนสำคัญที่สุดเสียด้วย) ทั้งๆที่เซ็ตแรกชนะบราซิลถึง 25:11 (ทีมไทยยังไม่แพ้มากถึงขนาดนี้เลย) นอกจากนี้ เรายังได้เห็น แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ ในการวิ่งผลัด 4 คูณ 400 เมตรชาย (ซึ่งสหรัฐยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ ค.ศ. 1920 แล้ว) คือบาฮามาส ประเทศเล็กๆในทะเลคาริบเบียน ที่เราแทบไม่รู้จัก ฯลฯ

        ปรากฏการณ์เช่นนี้ ทำให้เราได้ยินผู้ที่พลาดหวังเหรียญพูดประโยคอมตะที่ว่า  “....ทำดีที่สุดแล้ว” (ในช่องว่าง สามารถเติมคำได้หลากหลาย เช่น  เรา   เด็กเรา  นักกีฬาของเรา  หรือชื่อนักกีฬา เช่น น้องเมย์  น้องเล็ก  จ่าแก้ว ฯลฯ) ซึ่งผมเห็นว่า ยังไม่พอ  ประโยคนี้ไม่ควรเป็นประโยคเดี่ยวสั้นๆและจบแค่นี้  แต่ควรเป็นประโยคหน้าของอเนกรรถประโยค โดยมีประโยคหลังด้วยว่า “แต่ดีที่สุดของเรายังดีไม่พอ”

       อนุประโยคหลังนี้ เหมาะกับสมาคมกีฬา ตลอดจนสตาฟโคชโดยเฉพาะครับ เพื่อพัฒนาการกีฬาทุกๆด้าน (เพื่อเหรียญ) และขณะเดียวกัน ไม่อยากให้ลืมส่งนักวิ่งมาราธอนไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน (ชายหรือหญิงก็ได้) เพื่อให้ชาวโลกเชื่อจริงๆ ว่าเราเป็นชาติที่รักสันติภาพด้วย ไม่ได้รักแต่เหรียญรางวัลเท่านั้น

คำสำคัญ (Tags): #ชนะ#แพ้#กลับข้าง
หมายเลขบันทึก: 498590เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2012 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 สิงหาคม 2012 13:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท