ปัญหาเรื่องหอยเชอรี่ระบาดทำลายข้าวในแปลงนานั้นในอดีตแถบภาคกลางนับเป็นเรื่องที่สำคัญและพบเห็นบ่อยมากกว่าปัญหาเรื่องของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่เพิ่งเริ่มมีการระบาดรุนแรงมากในห้วงช่วงสองสามปีมานี้ ในอดีตใช่ว่าเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจะไม่มี..... ก็มีอยู่...แต่ไม่มากมายเหมือนในปัจจุบัน พบเห็นก็เพียงไม่กี่สิบตัวต่อต้นยังพอให้แมลงดีหรือตัวห้ำตัวเบียนคอยควบคุมซึ่งกันและกันได้ แต่เดี๋ยวนี้แมลงดีทั้งหลายกินแล้วกินอีก อ้วกแล้วอ้วกอีกก็กินไม่หมด เพราะภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะมีลูกหลานของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ออกจากไข่มาลอกคราบอีกเป็นแสนเป็นล้านตัวซึ่งใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่ในอดีตหอยเชอรี่ในพื้นที่เพาะปลูกที่อยู่ในเขตชลประทานจะมีปัญหาเรื่องหอยเชอรี่อย่างสาหัสสากรรจ์มากกว่าโดยเฉพาะเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันก็ยังพอพบเห็นปัญหานี้อยู่บ้างกระจัดกระจายกันไปในหลายพื้นที่แม้กระทั่งภาคอีสานก็ด้วยเช่นกัน แต่อาจจะไม่โด่งดังเท่ากับเพลี้ยกระโดดสี้น้ำตาลที่มีแม้กระทั่งยันต์กันเพลี้ยออกมาแจกจ่ายชาวบ้านเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับเพลี้ย
หอยเชอรี่จะวางไข่อยู่เหนือน้ำ ตามยอดหญ้า ผักตบชวา ยอดหญ้าคา ผักบุ้ง หญ้าขน และยอดข้าวแตกต่างจากหอยโข่งที่จะไข่ฝังไว้ในดิน และไข่ของหอยเชอรี่จะมีสีชมพูสวยงาม วางไข่ได้หลายร้อยฟองไปจนถึงพันฟอง แพร่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก เมื่อเจริญเป็นตัวเต็มวัยก็จะกัดกินต้นข้าวในระยะกล้าหรือปักดำใหม่ๆ ไปจนถึงระยะแตกกอ โดยเฉพาะช่วงอายุข้าว 10 วัน หอยเชอรี่จะชอบมากเป็นพิเศษ ทำให้ชาวนาต้องเสียเวลาปักดำ ซ่อมแซมกล้าข้าวใหม่ ถ้ามีการระบาดจำนวนมากอาจกัดกินทำลายต้นข้าวได้หมดภายในเวลาชั่วข้ามคืน จึงมีการใช้ยาและสารเคมีมากมายหลายชนิดเพื่อนำมาต่อสู้กับหอยเชอรี่ แต่ก็ไม่หมด จนภาครัฐต้องออกมารณรงค์ให้มีการนำหอยเชอรี่ไปทำเป็นอาหารจึงค่อยทุเลาเบาบางลงไปบ้างพอสมควรในบางพื้นที่
การใช้ยาหรือสารเคมีกำจัดหอยซึ่งมีพิษรุนแรงทำลายสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำจนตายไม่มีเหลือทั้งกุ้ง หอย (หอยโข่ง หอยขม หอยกาบ) ปู ปลา ในแปลงนาทำให้สูญเสียอาหารโปรตีนที่เป็นผลพลอยได้ในแปลงนาไปหมดสิ้น ฉะนั้นแนวทางที่กำจัดหอยเชอรี่ในแนวทางชีวภาพ ชีวะวิธีจึงจำเป็นที่เกษตรกรบางท่านที่ยังไม่ทราบอาจจะต้องเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาชีพของตนเอง ด้วยการใช้วิธีดักจับ เก็บทำลายตามทางน้ำไหล ใช้ตาข่ายถี่ดักลูกและแม่หอยในขณะสูบน้ำเข้านา ใช้ไม้หลักปักในนาข้าวเพื่อให้หอยมาวางไข่และเก็บนำไปเผาทำลาย ใช่เหยื่อล่อเช่น ใบผัก ใบมันเทศ ใบมันสำปะหลัง ใบมะละกอ หรือพืชอื่นๆ ที่มียางขาวคล้ายน้ำนมหอยเชอรี่จะชอบมาก สุดท้ายคือวิธีที่อยากจะนำเสนอคือการใช้ฝักคูณแก่ในการใช้กำจัดหอยเชอรี่แทนสารเคมี โดยใช้ฝักคูณแก่ 10 กิโลกรัม ใส่ตุ่มหรือภาชนะขนาดประมาณ 100 ลิตร ก่อนใส่ให้หั่น บด ทุบให้ละเอียดพอประมาณ หลังจากนั้นเติมลงไปให้ท่วมประมาณ 50 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ แล้วนำไปสาด ราด รด ให้ทั่วแปลงนาทั้งน้ำทั้งเศษชิ้นส่วนของฝักคูณด้วย ขณะเตรียมเทือกก่อนหว่านเมล็ดพันธุ์ น้ำของฝักคูณมีสาร อัลทราฟีโนน (Anthraquinones) ที่ไม่ทำลายปลาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จะทำลายเฉพาะเจาะจงกับเนื้อเยื่ออ่อนของหอยเชอรี่เท่านั้น เศษชิ้นส่วนของฝักคูณจะฝักลงในหล่มเลนที่หอยเชอรี่ฝังตัวหลบซ่อน ส่วนที่กองไปไหลรวมอยู่ที่แอ่งวิดน้ำก็สามารถนำน้ำฝักคูณหมักฉีดพ่นไปตรงบริเวณนั้นก็จะช่วยขับไล่และทำลายหอยจนตายและอพยพไปที่อื่นจนหมด
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ได้ความรู้ใหม่ไปบอกเพื่อนเกษตรกรอีกแล้ว
ขอบคุณครับท่าน
องค์ความรู้แบบไทยๆ แต่ได้คุณภาพนะคะ
ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ
ขอบคุณท่านผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่เป็นกำลังใจนะครับ
สุดยอดเลย กำลังถูกหอยเชอรี่รบกวน และที่โรงเรียนมีฝักคูณแก่สีดำเยอะ ต้องรีบดำเนินการโดยเร็วพลัน ขอบคุณครับ โอ..ประโยชน์ของโกทูโนว์ แท้เทียว
เป็นประโยชน์มากครับ เหมาะแก่การส่งต่อเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ ^__^