เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเดือน พ.ย.52 ขณะที่ผมนอนป่วยอยู่บนเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ร่างกายเต็มไปด้วยสายต่างๆของเครื่องมือช่วยชีวิต เวลาในขณะนั้นผมไม่อยากพูดไม่อยากทำอะไร นอกจากอยากนอนเฉยๆอยู่บนเตียงผู้ป่วยเพราะมันไม่มีเรี่ยวแรงและกำลังใจกับอาการของโรคที่เป็นอยู่
แม่มีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะให้ผมได้โต้ตอบกับแม่โดยในแต่ละวันแม่จะนำจดหมายที่มีคนมาเยี่ยมและเขียนให้กำลังใจไว้มานั่งอ่านให้ฟังอยู่ข้างๆเตียง..แต่ด้วยวัย 65 และสายตาที่พล่ามัวของแม่ ประกอบกับลายมือแบบภาษาวัยวัยรุ่นที่ทรมานผู้สูงอายุในการอ่าน ทำให้เกิดสิ่งที่ผมประทับใจและจดจำจนวันตาย นั่นคือ...แม่จะค่อยสะกดแต่ละคำอย่างยากลำบากและให้ผมต่อคำเสมือนแม่อ่านไม่ออกหรือไม่เข้าใจ ณ เวลานั้นผมซึ่งไม่อยากจะพูดไม่อยากจะคุยอะไรแต่ก็ทนเสียงเรียกถามจากแม่ไม่ไหวจึงตอบโต้แม่ไปเป็นระยะๆ สุดท้ายแม่ร้องให้แล้วบอกกับผมว่าแม่ดีใจที่ผมเริ่มสนใจ ใส่ใจ และเริ่มโต้ตอบหลังจากนอนโทรมเฉยมาเกือบ ๓๐ วัน
แม่เล่าให้พยาบาลและหมอฟังอย่างภาคภูมิใจว่าตอนนี้อาการผมดีขึ้นมากเริ่มโต้ตอบแล้ว....ผมรับรู้ทันทีว่าแท้จริงแม่ต้องการให้เราโต้ตอบ เพื่อจะได้รู้ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร ผมร้องให้แม่เช็ดน้ำตาให้แล้วบอกว่า..."หลายคนอยากให้ลูกสู้แล้วทำไมลูกยอมแพ้ อย่าทำให้คนอื่นผิดหวังสิ" จากวันนั้นถึงวันนี้(วันที่เล่าเรื่อง)ผมพร้อมจะสู้กับทุกสิ่งเพื่อทุกคนและคนพิเศษของผม นั้นคือ..คุณแม่จันทร์คำ ของผม
มาซาบซึ้งกลยุทธ์ของแม่ ที่ต้องการให้ลูกมีปฎิกริยา น่ารักที่สุด