224.วันแม่ของผมมาถึงแล้ว...


          ทุกๆวันที่ 22 กรกฎาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของผม อันที่จริงผมเองก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับวันเกิดของตัวเองมากนัก เพราะว่าผมมองว่าวันเกิดของผมมีบุคคลหนึ่งที่มีส่วนสำคัญมากต่อการเกิดของผม นั้นคือ แม่
        แม่คือบุคคลที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้เด็กในท้อง นั้นก็คือเราท่านทั้งหลาย ให้ได้มีโอกาสลืมตาออกมาดูโลก ใครที่เคยลิ้มรสของความเป็นแม่ ไม่ว่าจะคลอดเองตามธรรมชาติ หรือคลอดโดยการผ่าหน้าท้องก็ดี ต่างก็เสี่ยงชีวิตด้วยกันทั้งสิ้น
      คนเราอยู่ดีๆหากไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ คงไม่มีใครยอมที่จะมีมีดมากรีดหน้าท้องตัวเองเป็นแน่ แต่มีอยู่ประการเดียวที่ผู้หญิงยอมให้มีดกรีดหน้าท้องโดย ไม่มีสาเหตุมาจากโรคภัยไข้เจ็บ นั้นคือ การที่ต้องการให้เด็กในท้องออกมาอย่างปลอดภัย ใครได้ดูภาพการผ่าท้องคลอด ต้องยอมรับว่าเสี่ยวใส้มากทีเดียว
      ส่วนคนที่คลอดทางช่องคลอดปกติร้อยทั้งร้อยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีเจ็บใดเท่าเจ็บท้องคลอดลูกอีกแล้ว ท่านลองนึกดูซิว่า เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา แม่ผมต้องเจ็บปวดทรมานมากเพียงใด สถานีอนามัยก็ไม่มี โรงพยาบาลไม่ต้องพูดกัน ผมเองจินตนาการความลำบากของแม่ในยุคนั้นแล้วสงสารอย่างจับใจ
      สมัยนั้นแม่ผมต้องอยู่ไฟ ไม่ต่ำกว่า 7-15 วัน อาหารการกินก็ต้องระมัดระวัง จะกินอะไรก็กลัวว่าจะอันตรายต่อลูกที่จะกินนม เรื่องหลับเรื่องนอน ไม่ต้องพูดกัน กลางวันกลางคืนแทบแยกไม่ออก
      ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อลูก ซึ่งก็คือเราๆท่านๆทั้งหลาย คนๆเดียวช่างเสียสละให้เราได้มากมายขนาดนี้  มันคงไม่มีใครอีกแล้วละที่จะทำได้เท่าแม่...
      เจ็บปางตาย(หลายๆคนก็ตายเพราะคลอดลูก ตายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เห็นลูกน้อย) เจ็บทรมานอย่างสุดๆ ที่ยอมเจ็บอย่างนี้ก็เพื่อให้เด็กน้อยคนหนึ่งออกมามีชีวิตดูโลก แม่ยอมแลกได้
      ความเจ็บปวดของแม่หายเป็นปลิดทิ้งก็ต่อเมื่อได้มองเห็นหน้าลูกน้อยออกมาอย่างปลอดภัย อาการครบสามสิบสอง..หรือแม้แต่อาการไม่ครบสามสิบสอง หัวใจแม่ยิ่งรักยิ่งสงสารลูกมากเข้าไปอีก จะมีใครอีกในโลกนี้ที่รักลูกอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังสิ่งตอบแทนเท่าแม่
      เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมจะจัดงานฉลองวันเกิดอย่างมีความสุขได้อย่างไร เมื่อวันนี้มาถึงที่ไร ผมอยากจะเข้าไปหาแม่ กอดแม่ แล้วกระซิบกับแม่ดังๆว่าผมรักแม่ที่สุด ...แต่ผมก็ทำไม่ได้อีกแล้ว เพราะแม่ผมได้จากผมไปแล้ว ทุกวันนี้เมื่อถึงวันเกิดได้แต่นั่งเสียใจ ว่าช่วงแม่มีชีวิตอยู่เรายังดูแลแม่ไม่ดีเท่าที่แม่เคยดูแลเรา เรายังไม่เคยนั่งปัดยุงให้แม่เลย แม่หิวเราก็ไม่รู้ แต่เราหิวแม่รู้ เรายังไม่ได้หาของอร่อยๆที่แม่ชอบให้แม่กินเลย ..เราเคยใส่เสื้อสวยๆที่แม่ซื้อให้ แต่แม่ยังไม่ได้ใส่เสื้อสวยๆที่เราซื้อให้เลย ...เราไม่มีโอกาสอีกมากมายที่จะให้แม่ เพราะวันนี้ไม่มีแม่อีกแล้ว
      วันเกิดผมไม่ขออะไรมากไปกว่า การอยากให้ข้อคิดสำหรับลูกที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ตั้งคำถามกับตัวเองซิว่าเศษเสี่ยวความดีเราได้ทำให้แม่หรือยัง ของขวัญสำหรับผมที่มีค่ายิ่งในวันนี้คือ แค่ท่านเล่าว่าท่านได้ทำดีกับแม่อย่างไร เท่านี้จริงๆ หากท่านได้อ่านตรงนี้จบ แล้วคิดได้กลับไปหาแม่ ผมถือว่านี่คือของขวัญล่ำค่าที่สุด
      ศาสดาของอิสลามได้ให้คำสอนว่า “สวรรค์ของลูกนั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมารดา” แค่นี้มันก็ทำให้เห็นความสำคัญของแม่อย่างหาที่เปรียบมิได้ ...สวรรค์อันบรมสุขที่มนุษย์ทุกคนต้องการ สำหรับของลูกแล้ว มันยังอยู่ต่ำกว่าฝ่าเท้ามารดาเสียอีก สำหรับผมแล้ว การจูบไปที่เท้าแม่ มันยิ่งกว่าการจูบหรือหอมสิ่งใดๆทั้งสิ้น กลิ่นที่ผมได้รับมันไม่ได้มาจากจมูก แต่กลิ่นนั้นมันมาจากหัวใจ กลิ่นความรักจมูกรับรู้ไม่ได้
      คุณจะทำดีกับใครก็ตาม แต่ถ้าไม่ทำดีกับแม่ อย่าหวังเลยสวรรค์อันบรมสุข  ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ วันเกิดของผมจึงเป็นวันแม่อย่างแท้จริง...

หมายเลขบันทึก: 495530เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2012 13:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม 2012 12:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  •  “สวรรค์ของลูกนั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมารดา” 

    คุณธรรมของผู้เจริญแล้ว ขอบคุณมากค่ะ สบายดีนะคะ  ไม่ได้พบกันนานพอควรเลยนะคะ ระลึกถึงอยู่ทีเดียวค่ะ 

 เป็นบันทึกที่งดงามนะครับคุณเบดูอิน

ด้วยความระลึกถึง

 

ขอบพระคุณทุกท่านมากๆยังระลึกถึงกันอยู่เสมอนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท