นิทานจากท่าน ว. เมื่อไก่ไม่ขัน


"คนสำคัญคนหนึ่งของโลกอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพานไป พระจันทร์ก็ยังไม่หยุดส่องแสง พระอาทิตย์ก็ยังไม่เคยไว้ทุกข์"

      ได้อ่านนิทานเรื่องนี้มาจากหนังสือเล่มไหนแล้วจำไมได้ แต่มาเจอที่ท่าน กิเลน ประลองเชิง คอลัมน์ ชักธงรบ เช้าวันนี้แล้ว ก็ประทับใจทุกครั้งที่อ่าน จึงขออนุญาตุนำมาเผยแผ่บ้าง

    มีไก่อยู่ครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในวัดเซนประเทศญี่ปุ่น หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก กางปีกปกป้องภรรยาและลูกๆ ทุกตัว อยู่กันมาอย่างมีความสุข

   ทุกๆ เช้าเวลาตีห้า พ่อไก่ก็จะบินขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ แล้วโก่งคอขันเสียงก้องไปทั้งพงไพร พ่อไก่ขันไปเรื่อยๆจนพระอาทิตย์ขึ้นมาฉายแสง ส่องสว่างไปทั้งสากลโลก

   พ่อไก่มีความสุขมาก เขาชื่นชมแสงตะวัน พอๆ กับความรู้สึกภูมิใจ เขาคิดว่า เพราะฉันขัน ตะวันถึงขึ้น 

   พ่อไก่ทำหน้าที่มาเนิ่นนาน...นานเหลือเกิน จนวันหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย ร่างกายเขาตรากตรำกับงานหนักเกินไป แต่เมื่อถึงเวลาพ่อไก่ก็จะต้องบิน... เขาบินขึ้นไปจนถึงกิ่งไม้

   แต่ก็หมดแรงร่วงหล่นลงมา

   ลูกชายซึ่งเป็นไก่โต้งรุ่นใหม่ไฟแรง เห็นดังนั้นก็เข้าไปประคอง "ถ้าพ่อไม่ไหว วันนี้ผมขอขันแทน"

   "น้ำหน้าอย่างแก" พ่อยืดอกชี้หน้าลูกชาย"ถ้าขัน ตะวันจะขึ้นหรือ หัดดูเงาตัวเองเสียบ้าง"

   หลังตวาดให้ลูกชายแล้วพ่อไก่ก็แข็งใจบินขึ้นไปอีก คราวนี้เขาไม่เพียงเกาะกิ่งไม้ได้ เขายังขันได้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วหมดแรงตกลงมา อาการใกล้ตาย

   พ่อไก่ยังเหลือเรี่ยวแรงเรียกประชุมไก่ลูก ไก่เมีย สั่งเสียให้ลูกเมียเตรียมรับสถานการณ์ เขาบอกว่านับแต่นี้ต่อไป เมื่อพ่อไก่อย่างเขาไม่ขัน ดวงตะวันก็จะไม่ขึ้น เมื่อตะวันไม่ขึ้น

   โลกก็จะเข้าสู่กลียุค

   จึงขอให้เมียและลูกดูแลกันให้ดี เพราะต่อไปนี้จะต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก เพราะอีกไม่ช้า โลกจะถึงการณ์วิบัติ

   สั่งเสียจบพ่อไก่ก็ล่วงลับดับขันธ์

   ท่าน ว.วชิรเมธี เล่าเพื่อสอนว่า มีคนมากมายในโลกนี้ ที่ป่วยเป็นโรคสำคัญตนผิด มีความคิดฝังลึกว่า "ตัวฉันสำคัญที่สุด" ขาดฉันเสียคนหนึ่ง ทุกอย่างบ้านเมือง ในองค์กร ในบริษัท ก็จะดำเนินต่อไปไม่ได้

   คนพวกนี้ เกิดมาเพื่อแบกโลกไว้บนบ่า มากกว่าเกิดมาเพื่อเหยียบโลกเล่น ในโลกนี้ไม่มีใครจะทุกข์หนักหนาสาหัสเท่าคนป่วยโรคนี้...อีกแล้ว

 

  ขณะที่เขาคิดว่า โลกนี้ขาดเขาไม่ได้ มองไปอีกด้าน โลกกลับไม่เคยรู้สึกว่า ขาดเขาแล้ว จะหมุนต่อไปไม่ได้

   เขาไม่เคยคิดสักนิด ก่อนจะมีเขา ชาวโลกก็อยู่กันมาได้ สรรพสิ่งในโลกล้วนดำเนินของมันไปตามปกติ

   แม่น้ำก็ยังคงรินไหล ตะวันก็ยังคงฉายส่อง หยาดฝนยังคงโปรยสาย นกยังคงร้องเพลง และดอกไม้ก็ยังคงผลิบาน ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ล้วนเกิดขึ้น ดำเนินไป ไม่เคยหยุดกระแสการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง

   ท่าน ว.ทิ้งทายด้วยประโยคจับใจ "คนสำคัญคนหนึ่งของโลกอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพานไป พระจันทร์ก็ยังไม่หยุดส่องแสง พระอาทิตย์ก็ยังไม่เคยไว้ทุกข์"

   ผมเคยพะวงสงสัย ใครเป็นตัวการสำคัญ ก่อเหตุพิพาทบาดหมาง จนเป็นสงครามกลางเมือง จนหาทางปรองดองไม่เจอ...อ่านเรื่องของท่าน ว. ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

   คนจำพวกผู้นำ ที่เผลอคิดเหมือนพ่อไก่ว่า ถ้าฉันไม่ขันตะวันจะไม่ขึ้น พวกนี้นี่เอง.

..............................................................................................................

ขอบคุณ คอลัมน์ กิเลน ประลองเชิง ชักธงรบ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับเช้าวันที่21ก.ค.2555

หมายเลขบันทึก: 495529เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2012 13:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 สิงหาคม 2013 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณค่ะท่าน พ.แจ่มจำรัส สำหรับข้อคิดดีๆ

  • มองตนเองเป็นศูนย์กลาง ทำให้ไม่ปล่อยวางสรรพสิ่ง เป็นข้อคิดที่ได้จากบันทึกนี้ ขอบคุณมากค่ะ

พระอาทิตย์ ไม่เคยไว้ทุกข์ให้ใคร พระจันทร์ยังส่องแสง ชีวิตผู้คนยังหมุนเวียน "เกิด - แก่ - เจ็บ -ตาย"

ขอบคุณมากกับบทความดีดีนี้นะค

มาอ่านเรื่องราวของไก่ตัวเก่งค่ะ

เคยคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้บ่อยเหลือเกินค่ะคุณพิชัย อิอิอิ

      Sila Phu-Chaya  
 Somsri  
 ชลัญธร  
 แม่น้ำ  
 ...ปริม pirimarj...  
 อ.นุ  

ขอบคุณทั้ง 5ท่าน ที่ให้กำลังใจครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท