อกาลิโก หมายถึงสิ่งใด ?


อธิบายโดยความหมายของอภิธรรม การบรรลุซึ่งอริยมรรค เป็นพระอริยเจ้านั้นเรียกว่าเป็นเหตุ ผลคือการละสังโยชน์ ได้เดี๋ยวนั้น ทันทีไม่ต้องรอกาลเวลา

    บันทึกนี้ เขียนขึ้นเพื่อต้องการอธิบายความหมายในคำสวดมนต์ คำหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เรามักเข้าใจไปในอีกแง่มุมหนึ่ง  ซึ่งบันทึกนี้มิได้มีจุดประสงค์จะให้เกิดความขัดแย้งกับผู้หนึ่งผู้ใดเรื่องความหมายของคำ

     เมื่อเราสวดมนต์ระลึกเพื่อระลึกถึง คุณแห่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้น ในความหมายของพระธรรม จริงๆแล้ว ท่านต้องการกล่าวถึงคุณของธรรมที่จะนำเราเข้าสู่พระนิพพาน ซึ่งพระผู้มีพระภาคกล่าวไว้ดีแล้ว เป็นสำคัญ 

     คำหนึ่งที่อยากอธิบายความหมายให้ชัดเจนขึ้น ก็คือคำว่า  "อกาลิโก"  ซึ่งในการให้ความหมายตามบทสวดมนต์ แปลว่า ธรรมที่ให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล หลายคนคิดว่า  เมื่อประพฤติสิ่งใดเป็นเหตุ ก็จะได้ผลเสมอ ไม่ว่าปัจจุบัน หรือในอดีต เรียกว่ายังทันสมัยอยู่เสมอ แม้แต่ผู้เขียน ก็คิดอย่างนั้นในอดีต  แต่เมื่อศึกษาลึกๆ แล้วพบว่า คำว่า อกาลิโก นี้ไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น 

     "อกาลิโก"  เป็นคำกล่าวถึงธรรมที่เรียกว่า อกาลิกธรรม  หมายถึง ธรรมที่ให้ผลไม่ประกอบด้วยกาล  

ธรรมที่เป็นเช่นนั้น คืออะไร ?   ธรรมที่เป็นเช่นนั้นได้มีเพียงโลกุตตรธรรมเท่านั้น  อันได้แก่ การได้บรรลุเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่ โสตาปติมรรค เป็นต้นไป

แล้วเป็น อกาลิโก อย่างไร ?    อธิบายโดยความหมายของอภิธรรม การบรรลุซึ่งอริยมรรค เป็นพระอริยเจ้านั้นเรียกว่าเป็นเหตุ   ผลคือการละสังโยชน์ ได้เดี๋ยวนั้น ทันทีไม่ต้องรอกาลเวลา    

ไม่เหมือนธรรมอื่นที่เป็นโลกียธรรมที่ต้องรอกาลเวลาให้ผล เช่น เราทำบุญตักบาตร เพื่อหวังความเจริญในภายภาคหน้า เมื่อทำแล้ว ก็ไม่ได้เกิดความเจริญก้าวหน้าทันทีทันใด  ก็ต้องรอเวลาของวิบากที่เป็นกุศลนั้นให้ผล   หรือหากเราโชคดีจริงๆ ถ้าได้ทำบุญกับพระอรหันต์ ก็ยังต้องรอเวลา รอกาลที่กรรมนั้นจะส่งผล   ถึงแม้ทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ แล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้อย่างนั้น แม้แบบนี้ก็ต้องรอเวลาเหมือนกัน

ถ้าอธิบายถึงวิถีจิตตามนัยของพระอภิธรรมแล้ว   การที่จิตได้บรรลุถึงอริยมรรค  เรียกว่า  "มรรคจิต"  เรียกจิตดวงนี้ว่า กุศลชาติ  เมื่อเกิดกุศลชาติขึ้น  ก็เกิดจิตอีกดวงหนึ่งซึ่งเป็นวิบากชาติทันทีไม่มีระหว่างคั่น  เรียกว่า "ผลจิต"  ต่อเนื่องกัน  แบบนี้เรียกว่า  อกาลิกธรรม   โดยแสดงเป็นวิถีจิต ดังนี้

* ภวังคจลนะ > ภวังคุปัจเฉทะ > มโนทวาราวัชนะ > ปริกรรม > อุปจาระ > อนุโลม > โคตรภู > มรรคจิต > ผลจิต > ผลจิต > ภวังค์ *

จากวิถึจิตจะพบว่า มรรคจิต เป็นจิตกุศล เกิดแล้ว ผลจิต ที่เป็นวิบาก เกิดทันทีให้ผล ละสังโยชน์ทันที ละกิเลสทันที ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็เข้านิพพานได้ทันทีเหมือนกัน ไม่มีระหว่างคั่น ตรงนี้จึงเรียกว่า "อกาลิโก"

อยากให้ชาวพุทธทุกท่านที่ได้อ่าน เข้าใจพระธรรมที่ถ่องแท้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไปด้วยครับ


คำสำคัญ (Tags): #อกาลิโก
หมายเลขบันทึก: 495092เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2012 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2012 23:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มรรคจิต เป็นจิตกุศล เกิดแล้ว ผลจิต ...ที่เป็นวิบาก ... เกิดทันทีให้ผล ละสังโยชน์ทันที ละกิเลสทันที .... จะพยายามนะคะ

(ความพยายามยังต่ำๆๆๆ อยู่เลยค่ะ....แต่ความ "อยากยังสูงๆๆๆอยู่ค่ะ")


ขอบคุณ สำหรับบทความดีดีนี้นะคะ

อกาลิโก คือ ความจริงที่เที่ยงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น เรขาคณิต เลขคณิต เกิดจาก สัจจะพจน์ นิยามและการนิรนัย ในพุทธศาสนา คือ การเห็นชอบ(คือสัจจะพจน์) ที่ก่อนิยาม และ การนิรนัย จนครบเป็นมรรคมีองค์ 8


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท