บันทึก 5: SmallTalk ปิดโลก


เสียงที่อยู่รอบๆตัวเราไม่ว่าจะมาจากผู้คนและสื่อต่างๆ บ่อยครั้งก็ทำให้เราเหนื่อยใจเสียจนอยากจะมุดเข้าถ้ำจำศีลให้รู้แล้วรู้รอดไป

เช้าวันจันทร์ เวลา10.15 . เมื่อผมก้าวเข้าไปในรถไฟฟ้า ผมไม่ประหลาดใจกับภาพที่เห็นอีกแล้ว สามในสี่ของผู้ชายที่ยืนอยู่สวม Small Talk ของโทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็เครื่องเล่น mp3 ไม่มีการสนทนาแต่เข้าใจว่ากำลังฟังเพลง เมื่อรถไฟแล่นไปได้หนึ่งสถานี มีหญิงสาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน แน่นอนว่าเธอสวม Small Talk แต่ที่มากกว่านั้นคือ ผมเห็นน้ำตาคลอเบ้าตาของเธอด้วย และเธอก็มายืนใกล้ผมมากพอที่ผมจะได้ยินเสียงเพลงลอดออกมาจาก Small Talk

 

"ยังกับมิวสิควิดีโอ" ผมคิดแบบนี้นะ

 

Headphone หรือ Small talk เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ทำให้การฟังเสียงชัดเจนขึ้นด้วยการส่งเสียงเข้าสู่รูหูโดยตรงแถมด้วยการปิดกั้นเสียงอย่างอื่นจากภายนอกด้วย ซึ่งก็เหมาะดีนะครับที่จะใช้อุปกรณ์นี้ในการรับฟังเสียงเพลงหรือฟังเสียงคู่สนทนาทางโทรศัพท์ นอกจากนั้นก็มีความจำเป็นมากสำหรับคนที่จะต้องขับรถ เราจึงได้เห็นบางคนเรียกอุปกรณ์นี้ว่า Hand free เพราะเราจะมีมือที่ว่างไว้ควบคุมพวงมาลัยรถยนต์ และผมขอแนะนำเลยนะครับว่าทุกคนที่ขับรถควรจะต้องมี Small Talk ติดไว้ในรถตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยขณะขับรถ แต่ถ้าคุณใช้รถราคาแพงที่มีการเชื่อมต่อสัญญาน Bluetooth กับอุปกรณ์ในรถยนต์ได้ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะได้กล่าวถึงในโอกาสต่อไป

 

และสำหรับคนช่างเมาท์ คงจะรู้ดีว่า การเอาโทรศัพท์แนบหูนานๆทำให้หูดำได้ เอ๊ย..ทำให้หูร้อนครับ ไม่ใช่หูดำ ถ้าหูดำนั่นหมายถึงหม้อแล้ว คำว่าหูดำนี่เป็นศัพท์เทคนิกของคนรุ่น..เอ่อ..วัยรุ่นตอนปลายๆ(Generation X) ที่ใช้ในหมู่เพื่อนฝูง หมายถึง ผู้ชายเจ้าชู้ นะครับ กลับมาที่เรื่องโทรศัพท์นะครับ เวลาที่เราต้องคุยโทรศัพท์นานๆโดยการเอาโทรศัพท์แนบหู เครื่องโทรศัพท์จะร้อนมากจนหูเราร้อนไปด้วย บางทีก็มีเหงื่อไหลไคลย้อย พาลกังวลนิดๆว่าจะมีกระแสไฟรั่วออกมาจากโทรศัพท์หรือเปล่า ดังนั้น Small talk ก็เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดความกังวลให้กับคนขี้กังวลนะครับ

 

พูดถึงตรงนี้แล้ว ผมอยากจะบอกว่า โดยส่วนตัวจะขาด Small Talk ไม่ได้เลยถ้าจะต้องโทรศัพท์ไปธนาคารเพื่อติดต่อธุรกรรมต่างๆอย่างเช่น เรื่องบัตรเครดิตเป็นต้น มันจำเป็นมากที่จะต้องมี Small talk เพราะเราต้องใช้ความอดทนสูงมากในการฟังเสียงเครื่องตอบรับอัตโนมัติกว่าจะได้คุยกับคนจริงๆ เรียกว่าต้องอดทนรอกันเป็นนาทีๆเลยทีเดียว ระบบการทำงานของ Call Center ของแต่ละหน่วยงานก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ ที่แต่ละองค์กรควรต้องให้ความสำคัญในการเก็บข้อมูลทางสถิติว่ามีจำนวนผู้ใช้บริการโทรเข้ามาแต่ละวันมากน้อยเท่าไหร่ ติดต่อเรื่องอะไรบ้าง เพื่อจะได้ปรับปรุงเรื่องจำนวนพนักงาน Call Center และ องค์ความรู้ของพนักงานว่าควรจะต้องรู้เรื่องอะไรบ้างจึงจะสามารถเป็นพนักงาน Call Center ได้ เราในฐานะคนใช้บริการจะได้ไม่ต้องเอาโทรศัพท์แนบหูกันนานๆให้ร้อนหู อ้อ..ถึงใช้ Small Talk แต่ถ้าใช้นานๆก็ทำให้หูอื้อได้นะครับ

 

คิดๆไปแล้วก็แปลกนะครับ ทำไมเขาถึงได้เรียกอุปกรณ์ชิ้นนี้ว่า Small Talk ก็ไม่ทราบนะครับ มันแปลว่าให้พูดน้อยๆใช่ไหม หรือว่าค่าโทรศัพท์แพงต้องพูดให้น้อยเข้าไว้ หรือไม่ก็หมายความว่า ให้พูดน้อยๆฟังให้มากๆ เอาล่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้คนเรียกอุปกรณ์นี้ว่า Small Talk แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่คนสี่ในห้าที่อยู่ตรงหน้าผมสวมติดหูอยู่

 

มันเป็นอุปกรณ์แก้เขินอย่างหนึ่งหรือเปล่า? เพราะเมื่อเรามีเสียงเพลงดังอยู่ในหูตลอดเวลา ก็เป็นการง่ายที่เราจะปล่อยความคิดของเราให้ลอยไปตามเสียงเพลง และปิดกั้นตัวเองจากโลกที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าคนจะขึ้นหรือลงจากรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะมีผู้คนแออัดหรือผู้คนจำนวนน้อย ล้วนไม่มีผลต่อคนที่อุดหูตัวเองด้วยเสียงเพลง เพราะถึงอย่างไรผู้คนที่อยู่รอบๆตัว ต่างก็ไม่รู้จักกันและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์สื่อสารอะไรกันอยู่แล้ว และมันก็คงจะแปลกถ้าคนแปลกหน้าทักทายกันบนรถไฟฟ้า

 

หรือเพราะเรารับข้อมูลเสียงจากสิ่งรอบๆตัวมากเกินไป? เราถึงต้องพยายามปิดกั้นตัวเองจากเสียงภายนอก ถ้าคิดในแง่นี้ เราก็จะรู้สึกว่า เสียงที่อยู่รอบๆตัวเราไม่ว่าจะมาจากผู้คนและสื่อต่างๆ บ่อยครั้งก็ทำให้เราเหนื่อยใจเสียจนอยากจะมุดเข้าถ้ำจำศีลให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เพราะเรายังต้องอยู่ในสังคมยังต้องทำงานเลี้ยงชีพและยังหนีไปพักร้อนที่ไหนไม่ได้นี่แหละครับ การสร้างม่านบาเรีย(Barrier)บางๆเป็นเกราะกำบังให้กับตัวเองด้วยการปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกก็เป็นหนทางง่ายๆที่เราทำได้

 

แต่ก็นั่นแหละครับ การปิดกั้นตัวเองก็เหมือนเหรียญสองด้าน เพราะมันทำให้เราพลาดเสียงที่สำคัญในขณะนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงนกหวีดเตือนของเจ้าหน้าที่บนชานชาลารถไฟฟ้า เสียงไซเรนรถพยาบาล แม้กระทั่งเสียงประกาศลดราคาสินค้าแบรนด์โปรดของคุณ หรือในกรณีของสาวน้อยที่กำลังร้องไห้คนนั้น เสียงที่เธอพลาดที่จะได้ยินก็คือเสียงหัวใจของตัวเอง ...

 

เสียงหัวใจของเราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเสียงจังหวะเต้น ตุ๊บตุ๊บ ตุ๊บตุ๊บ หรอกครับ แต่มันก็มีความหมายมาก มันมีความหมายว่า เรายังคงมีชีวิตอยู่ คุณอาจจะไม่ได้ยินมันชัดมากหรอก แต่คุณจะรู้ถึงการเต้นอยู่ที่อกของคุณ แต่คุณอาจจะไม่สามารถสัมผัสได้เลยถ้าคุณยังเปิดเพลงเศร้าอยู่ที่หูคุณ ถ้าคุณกำลังเศร้านะ ขอร้องอย่าฟังเพลงเศร้า เพราะมันจะทำให้คุณเศร้ายิ่งกว่าเดิม และจะยิ่งร้องไห้มากขึ้น ถอด Small Talk ออก แล้วสัมผัสการเต้นของหัวใจตัวเอง มองผู้คนรอบข้างบ้างก็ได้ จะได้เห็นทั้งทุกข์สุขปะปนอยู่รอบๆ

 

และถ้าคุณถอด Small Talk ออก แล้วมองมาที่ผม ผมจะยิ้มให้กำลังใจคุณ.

 

หมายเลขบันทึก: 493546เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2012 10:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม 2012 19:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ถ้าคุณถอด Small Talk ออก แล้วมองมาที่ผม ผมจะยิ้มให้กำลังใจคุณ

อบอุ่นและน่ารักมากค่ะ ^^

เป็นการ take snapshot เศษเสี้ยวของชีวิตประจำวันมาเล่าได้อย่างน่ารัก

ขอบคุณบันทึกอบอุ่น อ่อนโยนในวันฝนพรำวันนี้ค่ะ :)

...."ฉัน"...เห็นความ..อ่อนโยน..ที่หัวใจ..คุณ....และรับรอยยิ้ม..ที่ให้มา...(ยายธี)

  • มาอ่านบันทึกที่ให้รอยยิ้มเล็กๆ จ้ะ

ต่อไปจะไม่ใช้ Small talk ในที่สาธารณค่ะคุณ siravij

เผื่อว่า.. จะได้เห็นรอยยิ้ม มาเป็นกำลังใจบ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท