หลังอาหารเที่ยง เราเดินไปที่ Zen Centerซึ่งดูภายนอกไม่มีความโอ่โถงใดๆ แต่ภายในกว้างขวางพอสมควร และเราสัมผัสได้ว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
มีคนมาคุยกับเราคนเดียว คือ Shosan Victoria Austinซึ่งเมื่อเราคุยด้วยเราก็สัมผัสความนิ่ง และความไร้ตัวตนของท่าน ท่านเล่าประวัติการตั้งวัดเซ็น แล้วแยกเป็นศูนย์เซ็น และต่อมาตั้ง hospice ในยุคที่เอดส์ระบาด
ท่านบอกว่าที่นี่ใช้ทั้งเถรวาท มหายาน และวัชรยาน ท่านบอกว่าเถรวาทเน้นบริสุทธิ์ มหายานเน้น inclusiveness และวัชรยานเน้นว่า ทุกกิจกรรมนำสู่ความรู้แจ้ง โดยมีเป้าร่วมคือนิพพานและถ้าเห็น inter-connectedness ก็เข้าถึงธรรม
ท่านบอกว่า คนในสหรัฐอเมริกาเดิมมีความคิด youth oriented ไม่เห็นคุณค่าคนแก่ แต่ เซ็น เห็นว่ายิ่งแก่ยิ่งดี ยิ่งผ่านการฝึกตนมามาก ตัวท่านมีพ่อเป็นหมอ หมอได้รับการฝึกให้สู้ความตาย มองการตายเป็นการสูญเสีย ทำให้สังคมเป็นวัตถุนิยม แต่ เซ็น สอนให้ยอมรับความตายว่าเป็นธรรมชาติ และจริงๆ แล้วเราเกิดและตายอยู่ทุกขณะ
ท่านเคยไปฝึกที่อินเดียและญี่ปุ่น ที่อินเดียวัดไร้ผล แต่ที่นี่และที่ญี่ปุ่นวัดได้ผล เพราะทำงาน และใกล้ชิดชีวิตคน ท่านสอนว่า อย่า react ให้ response ให้ปฏิบัติต่อคนตามที่เขาเป็น ท่านบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ Zen Center ให้แก่สังคมคือ meditation
การปฏิบัติต่อคนอื่น รวมทั้งผู้ใกล้ตาย ต้องทำนึงถึงพื้นฐานของผู้นั้น
ผมรู้สึกว่า การไปดูงานที่ Zen Center มีลักษณะเป็นการสนทนาธรรม คุณหญิงจำนงศรีซึ้งมากถึงกับลงจากเก้าอี้ไปนั่งที่พื้น ทำให้ท่านอาจารย์ วิคตอเรีย ลงไปนั่งด้วย
วิจารณ์ พานิช
๒๖ พ.ค. ๕๕
โรงแรม ฮิลตัน ซานฟรานซิสโก ที่ยูเนี่ยน สแควร์ และบันทึกต่อ ๒๑ มิ.ย. ๕๕
ด้านหน้าอาคาร Zen Center
บรรยากาศของการสนทนา
สวนภายใน Zen Center
สนทนาธรรมกันซึ้ง ถึงกับลงไปนั่งที่พื้น
ไม่มีความเห็น