The end of sky
นางสาว สุณิสา ณัฐพรณิชกุล

โลกมหัศจรรย์


โลก ดาวแห่งการทำลายล้าง

เปิดโลกมหัศจรรย์กับฮอนด้า(Miracle planet)

โลกเกิดภัยพิบัติมากว่า 4600 ปี โลกถูกทำลายไป 90% เราย้อนเวลาเพื่อตามหาโลกดวงดาวแห่งการทำลายล้าง โลกถูกปกคลุมด้วยชั้นหนาทึบ มีสีแดง ผิวโลกเป็นมหาสมุทรเกือบทั้งหมด มีขนาดเล็กเพียง 1ใน10 ของโลกปัจจุบันเท่านั้นแต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อดาวมีวงโคจรซ้อนทับกันแล้วมาชนกันทำให้เกิดการหลอมรวมกันของดาวซึ่งเรียกว่าดาวต้นแบบและโลกเกิดจากดาวต้นแบบเกือบ 10 ดวงที่มาหลอมรวมกัน เศษที่เกิดจากการหลอมมารวมกันจนเกิดเป็นดวงจันทร์ เมื่อ 4600 ล้านปีก่อนลูกอุกกาบาตยักษ์พุ่งเข้าชน ทำให้โลกถูกปกคลุมด้วยไอหินที่มีความร้อน  มหาสมุทรเดือดและระเหยจนหมด แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปไอหินหายไป และอุณหภูมิจะค่อย ๆ ลดลง ในที่สุด การระเหยของน้ำทะเล ก็จะเกิดการควบแน่นกลายเป็นฝน

ดาวอังคารกับโลกมีชะตากรรมที่ต่างกันเพราะขนาดต่างกันโลกมีขนาดใหญ่ทำให้มีแรงดึงดูดมากพอที่จะกักเก็บน้ำและมหาสมุทรไว้ได้ โลกจึงไม่แห้งแล้งเหมือนดาวอังคาร ซึ่งน้ำและมหาสมุทรนั่นแหละที่เป็นแหล่งกำเนิดแห่งชีวิตบนโลก

ดร มินิค รอสซิง นักธรณีวิทยาเป็นผู้ค้นพบหินที่เก่าแก่ที่สุดประมาณ 3800ล้านปีซึ่งเป็นแผงหินพบจุดสีดำซึ่งเป็นคาร์บอนจำนวนมากมาย โดยคาร์บอนจะเป็นแหล่งกำเนิดของจุลชีพ จากการศึกษาพบว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ลึกในใต้ดินถึง3กิโลเมตรเท่านั้นที่อยู่รอดในขณะที่น้ำได้ระเหยออกไปจนหมดโลกและเมื่อน้ำมีการกลั่นตัวเป็นฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้จุลินทรีย์สามารถเจริญได้อีกครั้งซึ่งเป็นต้นกำเนิดของชีวิต

แต่เมื่อ 600 ล้านปีก่อน และ 22000ล้านปีก่อนโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง อุณหภูมิในตอนนั้นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งถึง -50 C โลกได้ถูกกลบฝังอยู่ภายในน้ำแข็ง ทุกครั้งที่เกิดยุคก้อนหิมะ สิ่งมีชีวิตจะมีขนาดใหญ่ขึ้นวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดจากสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าได้วิวัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อน้ำแข็งละลายโลกก็ประสบภาวะร้อนคือเมื่อประมาณ 450 ล้านปีก่อน ไม่มีสัตว์หรือพืชชนิดใดที่อาศัยอยู่บน พื้นดินที่ แห้งแล้งมีเพียงทะเลทราย แต่ในขณะที่มหาสมุทรเป็นโลกที่อุดม ไปด้วยสิ่งมีชีวิต แต่เมื่อแผ่นดินทวีปเริ่มเคลื่อนไหวและมหาสมุทรเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตเริ่มถูกผลักดันออกมาสู่พื้นดิน และพืชได้ย้ายไปสู่พื้นดินก่อนพวกสัตว์ และปกคลุมพื้นผิวดินไว้ ส่วนพวกสัตว์เริ่มที่จะใช้ชีวิตด้วยการก้าวสู่พื้นดินด้วยวิธีการต่างๆ กันไปเริ่มพัฒนาการหายใจด้วยปอด เริ่มมีมือและเท้า

ประมาณ 100 ล้านปี หลังจากที่สัตว์ในมหาสมุทรได้วิวัฒนาการและกลายเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน ระดับออกซิเจนที่เชื่อกันว่ามีอยู่สูงมากในขณะนั้น ก็ทำให้มีสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนพื้นดินหลังจากนั้น 250 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตต้องประสบกับภาวะเรือนกระจกของคาร์บอนไดออกไซด์ค่อย ๆ ทำให้โลกร้อนขึ้น ออกซิเจนอยู่ในระดับต่ำผิดปกติ ทำให้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ที่สุด95% ของสิ่งมีชีวิตหมดไปจากโลก

65ล้านปีก่อนเป็นยุคของไดโนเสาร์แต่ก็เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมาย เมื่อไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก็เกิดการวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

 

หมายเลขบันทึก: 492901เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2012 11:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน 2012 11:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท