@@เหมือนถูกทดสอบ@@


........ขณะพระกำลังสวดสัพพีตี โย........เสียงหนึ่งดังขึ้น โคร้งเคร้งๆๆๆๆๆๆ.......เสียงสวดหยุดชะงักไป 5 วินาที ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน เมื่อเห็นต้นเหตุของเสียง....ต่างก็อมยิ้ม ( จะหัวเราะก็ดูกระไร ) .........

คนที่ได้สัมผัสกับบรรดา เณรน้อยทั้งหลาย  มักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  เขาก็คือเด็กทั่วๆไปคนหนึ่ง  เพียงแต่เครื่องนุ่งห่มและการปฏิบัติตัวอาจต้องอยู่ในระเบียบวินัยนิดหนึ่ง  แต่พฤติกรรมนอกสายตาก็วัยซนคนธรรมดาๆนี่เอง


 


วันนี้ได้เจอะเจอเข้า กับตัวเองอย่างจัง  ช่วงเช้าตื่นนอนแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปเพื่อให้ทันใส่บาตร  มีผู้คนมาร่วมบุญด้วยพอสมควรท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายใส่บาตรเสร็จต่างคน ต่างยอบนั่งเพื่อกรวดน้ำและรับศีลรับพรจากพระ  ขณะพระกำลังสวดสัพพีตีโย........เสียงหนึ่งดังขึ้น โคร้งเคร้งๆๆๆๆๆๆ.......เสียงสวดหยุดชะงักไป 5 วินาที  ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน  เมื่อเห็นต้นเหตุของเสียง....ต่างก็อมยิ้ม ( จะหัวเราะก็ดูกระไร )  ฝาบาตรค่ะฝาบาตรของเณรน้อยองค์หนึ่งเอียงอยู่ข้างเท้า  เณรน้อยรีบหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้สวดต่อ   krugui  นึกในใจอย่างคนอารมณ์ดีว่า....ดีนะที่หล่นอยู่กับที่  ถ้าหากกลิ้งไปที่อื่นล่ะ คงได้ไล่ตะครุบกันสนุกแน่  ๕๕๕๕๕๕ ขอหัวเราะเป็นภาษาไทย

 

 

จาก นั้นก็เดินมาเจอคนพิการทางร่างกายสองคน หญิงหนึ่งชายหนึ่ง  หญิงขาขาดทั้งสองข้างเอ้า....ทำทานไปยี่สิบ  ชายตาบอดแต่ส่งเสียงเพลงกล่อมแม่ค้าในตลาดด้วยเสียงอันไพเราะใช้ได้.....ทำ ทานไปอีกยี่สิบ ( ถ้าหากใครดูรายการตีสิบจะนึกขำเหมือน krugui ที่ตลกโน๊ตแจกเงินผู้เข้าประกวดด้วยคำว่า....ยี่ๆๆๆๆสิบ ) 


ไหนๆก็เดินอย่างสุขใจมา แล้วนี่  แวะเข้าตลาดหน่อยคงจะดี    ดูอาหารเช้ากลางวันเย็นรวบเลย  จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกจากบ้านให้เปลืองน้ำมันรถอีก ( แบบว่าประหยัดน่ะ )  และแล้วก็ถึงเวลาทดสอบใจ........หลังจากซื้อผักกับแม่ค้าที่คุ้นหน้าคุ้นตา กันดีเสร็จ krugui  ยื่นใบละยี่ๆๆๆๆๆๆๆสิบให้แม่ค้า  แม่เจ้า......แม่ค้าทอนมาให้ แปดสิบห้าบาท  

krugui เอ้อ....ตะกี้หื้อใบอะหยังไปเจ้า ( เมื่อกี้ให้ใบอะไรไป )

แม่ค้า...........เอ่อนั่น  ใบซาวเนาะในซ๊าบ่มีใบร้อยสักใบ ( ใบละยี่สิบจ้าในตะกร้าไม่มีใบละร้อยเลย ) พร้อมรับเงินคืนไปแปดสิบบาท

krugui.........เกือบขาดทุนแต่เจ๊าเลยเน้อดีหนาตี้กะลังไปใส่บาตรมา   ( เกือบขาดทุนแต่เช้าเลย  ดีนะที่กำลังไปใส่บาตรมา )

แม่ค้า..........ยิ้มมมมมพร้อมคำขอบคุณแล้วบอกว่า .....คนเปิ้นจะดีตึงดีเจ้า.....( คนดีก็ต้องดีอยู่แล้ว )

krugui.......ยิ้มหน้าบานกับคำชมตั้งแต่ตลาดจนถึงบ้าน


 

 

ขับ รถกลับมาเลยมานั่งเขียนบันทึกให้ได้อ่านกัน  ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์แบบนี้  เรียกได้ว่าเจอบ่อยคงจะได้กับการได้รับเงินทอนเกินมาบ่อยๆ  krugui  ไม่เคยคิดอยากได้หรือเกิดความโลภมุบมิบๆใส่กระเป๋า  เพราะจิตใต้สำนึกบอกว่าเงินทองเป็นของหายาก  กว่าจะได้แต่ละบาทเหงื่อหยดแล้วหยดอีก  เราจะเอาของเขามาเป็นของเราหน้าด้านๆเชียวหรือ..... แล้วหากเราเก็บเงินนั้นใส่กระเป๋าก็เท่ากับว่าการทำบุญทำทานในเช้าวันนี้ไร้ ความหมายและไม่มีผลในการยกระดับจิตใจของเราแน่นอน  แล้วจิตใจของเราคงไม่เป็นปกติสุขกับเรื่องนี้ไปอีกนาน.....ขอบคุณกับคำสอน ของพุทธศาสนา   

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก GOOGLE

คำสำคัญ (Tags): #ทดสอบ#เณรน้อย
หมายเลขบันทึก: 492270เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 16:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน 2012 09:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ขอบคุณพลังใจจากพี่บังวอญ่าและคุณปริม   มากมายค่ะ


                              

เรื่องเล่าขำๆ.......

สงสัยว่าศรีธนญชัยกลับชาติมาเกิด
เรื่องเณรน้อยกับหลวงตา


  เมื่อคราวที่หลวงตารับนิมนต์ไปต่างจังหวัดในเขตทุรกันดาร

ชาวบ้านให้หลวงตาขี่ช้างส่วนเณรน้อยเดินตาม พอเดินกันไปนานๆ

เณรน้อยก็เหนื่อย


เณรน้อย..."เจ้าข้าเอ้ยพระเอาเปรียบเณร ขี่ช้างสบายๆปล่อยให้เณรเดินพระไม่มีเมตตากับเณร เจ้าข้าเอ้ย"


หลวงตาทนไม่ไหว ต้องลงจากหลังช้างให้เณรน้อยขึ้นไปนั่งช้างแทน


  ขากลับ มีคนถวายเกลือ 1 ถุงใหญ่ หลวงตาก็สั่งให้เณรน้อยแบกถุงเกลือกลับวัด ส่วนหลวงตานั่งช้างล่วงหน้าไปก่อน


      ระหว่างทางฝนตก เณรน้อยก็เอากระสอบเกลือใส่ในหลุมข้างทาง        เอาใบไม้ปิดเอาไว้   ส่วนเณรก็นั่งเอาใบกล้วยปิดหัวหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้แล้วก็ผลอยหลับไป


  พอเณรตื่นขึ้นมาอีกที ฝนก็หยุดตกแล้ว เณรน้อยก็ตรงไปคว้าถุงเกลือ ปรากฏว่าเกลือโดนน้ำละลายไปหมด หลุมนั้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำ                 และก็มีปลาช่อนตัวเขื่องตัวหนึ่งดิ้นกระแด๋วๆอยู่ในหลุมนั้น


  เณรน้อยก็เลยจับปลาช่อนตัวนั้นใส่ถุงเกลือกลับวัด
  พอไปถึงวัด หลวงตาก็ถามหากระสอบเกลือ เณรน้อยก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางให้หลวงตาฟัง
 หลวงตาก็เลยบอกให้เณรน้อยเอาปลาช่อนไปปิ้งไปย่างมาให้ท่านฉันเพล
  เณรน้อยย่างปลาไปชิมไป ชิมจนเพลินจนเนื้อปลาหมดเหลือแต่ก้างติดหัว
 เณรน้อยก็เอาหัวปลาติดก้างไปครอบฝาชีเอาไว้


   พอถึงเวลาฉันเพล หลวงตาก็บอกให้เณรน้อยเอาปลาช่อนย่างไปถวาย


หลวงตา....อ้าวเอ้ยเณร  ปลาช่อนทำไมถึงได้มีแต่ก้าง


เณรน้อย....สงสัยแมลงวันรุมกินหมดแล้วขอรับ


   หลวงตาก็ต้องฉันข้าวกับน้ำพริก แมลงวันก็ชุม หลวงตาแค้นแมลงวันที่แอบกินเนื้อปลาช่อนเสียหมดตามที่เณรน้อยบอก
ท่านก็เลยสั่งให้เณรน้อยคอยไล่แมลงวัน


หลวงตา....แมลงวันเกาะที่ไหน เณรคอยหวดไล่ด้วยนะ


   เณรน้อยคว้าไม้หน้าสามที่อยู่ใกล้มือคอยไล่แมลงวัน จนกระทั่งมีแมลงวัน

ตัวหนึ่งไปเกาะที่หน้าผากหลวงตา   เณรน้อยไม่รอช้า หวดไม้หน้าสามเปรี้ยง

ไปที่หน้าแงของหลวงตาเต็มรัก หลวงตาก็มีอันล้มตึงดิ้นกระแด่วๆอยู่ตรงนั้นเอง


   กรรมของหลวงตาจริงๆ ที่ต้องมาเจอเณรน้อยเจ้าปัญญาแบบนี้

ยินดีมากมายค่ะน้องโอ๋.....

น่ารักจริงด้วย

ขอบคุณพลังใจจาก คุณครูสุภาภรณ์และคุณ Tawandin ค่ะ

                  

อนุโมทนาบุญในกุศลเจตนาด้วยค่ะ..

ค่ะพี่ใหญ่ พอเราทำไปแล้วก็เกิดความสุขเล็กๆในใจ  แล้วก็สบายใจที่ได้ทำค่ะ

ขอบคุณกำลังใจจากพี่เสมอมานะคะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท