ผมไม่มีความรู้เป็นปัจจุบันว่า หมอไทยเราวันนี้ต้องสอบความรู้ทุกๆช่วงระยะไหม (เช่น ทุก ๔ ปี) แต่ใน usa (เชื่อว่าในยุโรปและอารยประเทศอื่นด้วย) หมอเขาต้องสอบทุก ๔ ปีนะครับ
ถ้าสอบไม่ผ่านก็บ๋ายบาย (เข้าใจว่าคงให้โอกาสสอบใหม่ได้ จนกว่าจะผ่าน)
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่เป็นหมอที่ usa ไปนอนบ้านแกบ่อย เห็นหมอแกตื่นแต่เช้ามืดมานั่งอ่าน Journal เพื่อ update ความรู้ตลอด เพื่อเอาไปสอบนี่เอง
การทีี่่หมอต้องสอบ update นี้ เพราะวิทยาการทางการแพทย์เปลี่ยนเร็วมาก เช่น ยาตัวนี้เคยสั่งจ่ายคนไข้ประจำ แ่ต่ตอนนี้เขาวิจัยแล้วว่ามีผลข้างเคียงร้ายแรง (เพิ่งพบ) หรือวิธีการรักษาก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตลอดเวลา ซึ่งหมอต้องติดตามเพื่อ update ความรู้ตลอดเวลา ไม่งั้นอาจรักษาคนไขด้วยวิธีผิดๆ หรือ ไม่มีปสภ. แบบเดิมๆ
ทำให้หมอเขาไม่มีเวลาเหลือไปถือกระเป๋าเดินตามนักการเมืองแบบหมอไทยหรอก
...คนถางทาง (๒๑ มิย. ๒๕๕๕)
55555555 หายไปหลายวันกลับมา medicine โดนจนได้555555555
Ummh, I wonder if we should 'test' teachers every 4 years too. They are parts of social engineering (building society) if they don't keep up, we would be stuck with OLD society ;-)
Older people may soon get to retest their driving skill in AUS.
But, I am very sure that we need to test public servants in Thailand every time we change government. Otherwise, they can't keep up and enforce the change in laws!
ไม่ใช้แค่แพทย์....update ความรู้อย่างเดียว...เดี่ยวนี้ คนไข้ Update ความรู้มากกว่าก็มีนะคะ
อย่างน้อยที่สุดผมว่า กรมการแพทย์ควรออกนิตยาสารกึ่งวิชาการ (ไม่รู้มียัง) ให้แพทย์ทุกคนบอกรับเป็นสมาชิก (เภสัชด้วยก็ได้) แล้วมีกองบก. ที่ติดตามข่าวการอัพเดททางการแพทย์ แล้วเอามาประกาศบอกกันทางนิตยสารนี้ ทำดีๆมีกำไรอีกด้วย เพราะจะมี sponsor มากโข (พวกขายยา และเครื่องมือแพทย์) ...บรรดาหมอมีเทคนิคอะไรใหม่ที่ค้นพบ ก็สามารถเขียนเล่าสู่กันฟังได้ อย่างไม่ต้องเป็นวิชาการมากนัก
มีนะคะอาจารย์ เอ ทำไมนึกชื่อไม่ออก แฮ่
เดาว่า แพทยสาร หรืออะไรทำนองนั้น (ภาษาแขก) แต่เอ...มีแล้วหมอจะอ่านไหมหนอ หรือว่า เอาเวลาไปถือร่วมยาตามนักการเมืองกันหมด อิิอิ (อีกบางส่วนถือถุงกอล์ฟไปเดินตามแคดดี้ อิอิ และ เฮ้อ หมอไทยเรา ) ให้โควตาผู้หญิงเป็นหมอสัก 80% คงจะดีขึ้น