จากบันทึก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/491001
ขอขอบคุณทุกท่านนะค่ะที่มาให้กำลังใจ ชลัญอาจเอ่ยนามได้ไม่หมดต้องขออภัยด้วยค่ะ
การทำนวัตกรรมที่คิดเกินกรอบนั้น แรกๆน่ะมีปัญหาเหมือนกัน คือคนที่อยู่ในกรอบเขาจะมองว่า ทำเป็นเรื่องเล่นๆ ไปได้นี่ความเจ็บป่วยนะ แต่ชลัญก็บอกว่าชลัญก็เป็นคนป่วยเรื้อรังคนหนึ่งโหดร้ายกว่าเบาหวานความดันโลหิตสูงอีก การรักษาไม่มีทางรักษา แถม อาการแย่ไปเรื่อยๆตามอายุ ท่านที่ไม่ทราบก็ขอบอกตรงนี้เลยว่าชลัญธรเป็นพาร์กินสัน มา 5 ปี แล้ว การปรับตัวกับโรคนี้ มีกระบวนการปรับตัวด้วยกระบวนการคิดนอกกรอบนี่แหล่ะที่ทำให้ชีวิตมีความสุข อยู่ได้ มีหลายคนที่เขาไม่รู้จักเรา เคยนินทา (มีคนมาเล่าให้ฟัง ) ว่าสร้างภาพหรือเปล่าไม่เห็นเป็นอะไร แต่ชลัญไม่ได้ว่าอะไร แล้วแต่จะคิด ชลัญจะกลายเป็นคนพิการไม่น้อยกว่าวันละ 4 ครั้งแล้วแต่ระดับยาที่อยู่ในร่างกาย กินยาวันละ 12 เม็ด 8 ชนิด เวลาพิการก็ให้นึกถึงคนที่เป็นอัมพาตซีกซ้ายน่ะ นั่นแหล่ะอาการชลัญ เมื่อเราเป็นผู้ป่วยเรื้อรังเองแล้วเราจะรู้ว่า เราจะต้องนั่งรอรับชะตากรรมจากโรคที่เรารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือ เราต้องเครียดกับมันด้วยหรือ ในเมื่อ เบาหวานความดันเรามีทางป้องในไม่ให้มันเขาตัวเราได้ แต่โรคของชลัญมันอยู่กลางสมองกันยังไงก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนอื่นโชคดีกว่าชลัญเยอะ
เมื่อแขนขาเราพิการก็จริงแต่ สมองเราไม่ได้พิการไปด้วย ดังนั้นการที่เราจะรู้ทันโรค แบบไม่เครียดนั้น ควรทำอย่างไร มันถึงเกิดความคิดนอกกรอบนี้ขึ้นมา
แต่ชลัญโชคดีได้ นพ.เอกภาพ เจริญสุขหรือ unity full of joy แห่ง gtk มาช่วย ให้แนวคิดนี้มันบรรเจิดขึ้น ด้วยคำทำนายที่น่ารักทีเดียว ตอนแรกชลัญคิดเองน่ะบ้านๆ ทื่อๆ ไม่เร้าใจ แต่ แบบนี้น่ะ โอ...สุด
เวลาอยู่ในคลินิกบริการทุกคนจะสนุก โดยเฉพาะน้องผู้ช่วย จะมีการหยอกล้อกับผู่ป่วย เช่น " เอ้าใครได้ เขียว 3 ครั้งติดกันมีรางวัล แต่ใครได้ชมพู 3 ครั้งติดกันก็มีรางวัลเหมือนกันเราจะส่งท่านไปรักษาที่ รพ.มหาราช ฟรี " คนไข้ก็พลอยสนุกไปด้วย
ตอนนี้เรากำลังศึกษาในระยะยาว หลังจากงดใช้กราฟ ให้เหลือเพียงการรับรู้ระดับสีที่ส่งผลกับระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งผลลัพธ์เราวัดในผู้ป่วยทั้งหมด ว่า ถ้าเราให้าเขารับรู้แค่ระดับสีจะยังคงได้ผลลัพธ์อยู่หรือไม่ ที่เริ่มตัดออกเนื่องจากผู้ป่วยรับรู้แนวโน้มสีมา 2 ปี แล้ว และด้วยงบประมาณที่จำกัด กับบุคลากรที่น้อย ก็เลยลองตัดบางขั้นตอน ออก แล้วรอดูการประเมิลผลลัพธ์ สิ้นปี การวิจัยเล่มนี้เราเสร็จเมื่อต้นปี 54 Action 53-54 ส่วนปี 55 เราเพิ่งปรับรูปแบบค่ะ ก็รอติดตามผลต่อไป ค่ะ
หากใครมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมเสนอแนะได้ค่ะ ยินดีรับฟังข้อคิดเห็นไปปรับปรุงต่อ
ชลัญเชื่อว่าการทำอะไรทีเป็นคนแรก หรือเริ่มต้นนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมีข้อบกพร่อง เพียงหวังว่าการคิดของชลัญและทีมงานในครั้งนี้ จะทำให้คนอื่น ได้พัฒนาต่อยอด ทำให้เกิดการดูแลคนไข้ที่ดีที่สุดขึ้นมา
ชลัญหวังอย่างนั้นค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกๆกำลังใจ
ชลัญและทีมงานรับรู้แล้ว ทุกคนดีใจ เป็นยาใจของคนทำงานน่ะค่ะ
ปี 55 นี้ก็มีนวัตกรรมที่คิดนอกกรอบเรื่องผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูง ที่ต่อยอดไปที่ รพ.สต. กำลังศึกษา เป็น action research เสร็จแล้วจะมาแบ่งปันนะค่ะ ในปี 56 ก็มี plan ของนวัตกรรมต่อยอดไว้แล้ว
นี่แหล่ะค่ะสมอง พาร์กินสัน
วิมานลอย kunrapee nmintra ภูสุภา ป. PloyTida San krutoiting Rinda sr K.Pually ขจิต ฝอยทอง ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ ชัด บุญญา Phimaimedicine ทพญ.ธิรัมภา krupound yong9 นาง นงนาท สนธิสุวรรณ แม่น้ำ วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- ปณิธิ ภูศรีเทศ ภูคา ...ปริม pirimarj... แผ่นดิน พ.แจ่มจำรัส ใบไม้ร้องเพลง sha-รพ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี รัชดาวัลย์(อิงจันทร์) kwancha แว่นธรรมทอง อ.นุ วัลลา ตันตโยทัย วิรัตน์ คำศรีจันทร์ วิชญธรรม ทิมดาบ บอย สหเวช ผ้าไหมแพรวา ท้องฟ้าสดใส โอ๋-อโณ แก้ว..อุบล โสภณ เปียสนิท ♥อุ้มบุญ♥ ขออภัยอีกครั้งหากชลัญเอ่ยนามไม่หมด
และที่ต้องขอบคุณสุดๆ ที่ทำให้ชลัญหัวเราะออกในวันนี้ ที่จิตตกนิดหน่อย คือ ปู่ชัดของไจ่ไจ๋ ที่อุตสาห์บันทึก
พากินสัน พรรค์นี้ ดีเหลือหลาย คิดสรรค์สร้าง ผ่อนคลาย กลายรักษา เกิดจากใจ ใช้ความรู้ คู่ธรรมา ช่วยชีวา ให้มีสุข ไม่ทุกข์ตรม.. สั่นไปเถิด ถ้าจะสั่น ไม่หวั่นหวาด เกิดมาแล้ว หนึ่งชาติ สามารถสม เพลินชีวิต เพราะจิตใจ ใฝ่ภิรมย์ ขอชื่นชม นวัตกรรม คนทำดี..อ่านแล้ว ฮา......มาก
และอีกท่านคือ คนถางทางตอนนี้ยกให้ชลัญเป็ญศิษย์เอกไปแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า
และทุกๆความคิดเห็นนั้นชลัญประทับใจค่ะ ดีใจจนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองเขียนบทความไม่เป็นจับต้นชนปลายไม่ถูก
ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริง
ชลัญธร ตรียมณีรัตน์
มาเชียร์ค่ะ..อ่านแล้วเหมือนได้บริโภคแกงเลียงหม้อใหญ่..ครบทุกรสอร่อย..และประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ
มอบดอกไม้อย่างเคยค่ะ
ขอบคุณป้าใหญ่ของไจ่ไจ๋ มอบแต่ความรู้สึกดีๆให้ชลัญมาโดยตลอด อยากบอกว่า เริ่มแรกที่ชลัญเขียนบันทึกที่ GTK นั้น เพราะกำลังใจจากป้าใหญ่ ...ที่ให้ผู้ป่วยพาร์กินสันอย่างชลัญ... ป้าใหญ่เป็นดอกไม้ที่ทรงคุณค่าที่บานในใจของชลัญเสมอค่ะ กราบขอบคุณอีกครั้ง น้ำตาจะไหล แง แง แง ...
ให้เค้ก แถมดอกไม้ค่ะ
แง..........ขอบคุณพี่หนูรี ..........แง แง แง
ไม่รับดอกไม้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอมอบกำลังใจให้ต่อยอดนวัตกรรมต่อไปนะค่ะ
อ่านแล้วก็ยังยืนยันว่าอยากให้ดอกไม้อยู่อ่ะค่ะ
ดอกนี้ก็แล้วกันนะคะ (ไปจิ๊กเค้ามาจากหน้าเฟสบุ๊ค 55555+)
จะช่วยคิดนะคะ ตอนนี้คิดไม่ออก ทำแฟลชไดรฟ์หายด้วย อยากร้องไห้ ในนั้นมีทุกอย่างเลย เล็คเชอร์ ข้อมูลดิบงานวิจัยฯลฯ
ที่สำคัญบทกลอนเก่า ๆ :-)
เอ้า อดให้ดอกไม้ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องให้จนได้..
เอาภาพนี้มาให้ดูแทนดอกไม้ ตอนไปนมัสการท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโย ที่ St.Louis ครับ
เดือนนี้ ที่ผ่านมาแล้ว 19 วัน ผมได้พบแพทย์แผนจีน คนไทยจบปริญญาแพทย์ไทย ไปเรียนเพิ่มแพทย์แผนจีนมา เขาเล่าให้ฟังว่า มีคุณหมอที่เป็นมะเร็งไปหา และเขาให้ท่านยาแพทย์ แผนจีน นี่เป็นกรณีที่ 1 ที่ฟังแล้วรู้สึกว่า ในชีวิตคนเรา ศาสตร์เหนือศาสตร์ทั่วไป ๆ ยังมีออีกเยอะ
กรณีที่ 2 คนรู้จัก พบกันอยู่บ้าง ไม่บ่อย โทรมาเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวที่เป็นอะไรก็ไม่รู้ ผิวหนังร่วงหล่นเป็นหิมะ ลงบนพื้น รพ.เชียงใหม่ เอาไม่อยู่ พ่อเอาผ้าคลุมตัวลูก บินไปหาหมอ ที่จุฬา ฯ ก็เอาไม่อยู่ ไปนอนพักที่สัตหีบ เพื่อมาหาหมอที่จุฬา เพราะมีที่พักเป็นพื้นไม้ นอนพื้นพรมไม่ได้ เพราะแพ้
มีคนแอบเห็นผิวลูก แล้วเข้ามาถามไถ่ แล้วก็จากกันไป กลับมาเชียงใหม่ ได้รับโทรศัพท์ จากผู้ใจบุญท่านนั้น ที่อุตส่าห์ ไปสืบหาตนเองจากโรงแรมที่พัก บอกให้ไปหาหมอจีน แกเล่าว่าแกตามหาจนเจอ ลูกสาวอายุราว 13-14 ที่คิดว่าไม่มีทางรอด กลับเป็นรอด หลังจากทานยาของหมอมาระยะหนึ่ง เขาบอกว่าขณะนี้ อยู่ที่อีก 5 เปอร๋เซ็นต๋จะเป็นปกติ
ก็เล่ามา เป็นข้อมูล และข้อให้กำลังใจ กทน.ชลัญธร
ตามคำขอ..
ของชื่อบันทึกนี้นะจ๊ะน้องชลัญ
ครั้งนี้ครั้งเดียวละกัน..
ก็ดอกไม้.. มีให้สำหรับบันทึกที่คุณพี่รู้สึกชอบและประทับใจนี่นา..
ไม่ได้ให้แบบเล่นๆนะ ซิ-บอก-ให่