ผ้าขาวเปื้อนหมึก
กานนา สงกรานต์ กานต์ วิสุทธสีลเมธี

ตามรอยบาตร


ถ้ามีภาพในเอกสารแนบเหล่านี้ จะไม่มีภาพปรากฏให้เห็น  ดาวน์โหลดเอกสารแนบดั้งเดิม

~ ~

เรื่องสั้น  ร่มเงากาสาวพัตร

พระจะดีมีหลักฐานเพราะโยมช่วย โยมจะสวยเพราะมีพระดัดนิสัย                            โยมกับพระผลัดกันช่วยก็อวยชัย ถ้าขัดกันก็บรรลัยทั้งสองทาง 

พระจะดีมีหลักฐานเพราะโยมช่วย โยมจะสวยเพราะมีพระดัดสมอง                          ต่างคนก็ต่างช่วยสวยดั่งทอง  ถ้าขัดกันก็ติ๊งต๊องทั้งสองทาง

**********************

กาสาวพัตร คือผ้าที่ย้อมด้วยรสฝาดอันเกิดแต่ต้นไม้สีเหลืองหม่นเป็นผ้าสําหรับนักบวชใช้  เดิมทีมีเพียง ๒ ผืน คือ อุตตราสงค์ (ผ้าห่ม) และอันตรวาสก (ผ้านุ่ง) เท่านั้น  ต่อมาทรงอนุญาตให้ใช้ผ้าทาบซึ่งเรียกว่า สังฆาฏิ อีกผืนหนึ่งรวมเป็น ๓ ผืน เรียกว่า ไตรจีวร  คราวเสด็จออกผนวชนั้น ฆฏิการพรหมเป็นผู้นํามาถวายพร้อมกับบาตร  ร่มเงากาสาวพัตร เป็นร่มเงาที่แสนอบอุ่น ปราศจากทุกข์ร้อนใดๆ เป็นแนวทางสู่พระนิพพานในอนาคต  เป็นร่มเงาที่มีความเยือกเย็นสำหรับผู้ที่ไม่มีความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  ไม่มีความอิจฉาริษยาไม่มีความยินดียินร้าย ต่ออำนาจของโลกที่เป็นวัฏฏสงสาร เป็นมารยา เป็นร่มที่กั้นกิเลส ตัณหาให้ออกไปจากใจ และทำที่สุดแห่งทุกข์  ที่ใครๆประสบเจอความทุกข์ คือ การแก่  การเจ็บ การตาย แต่งสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัย และกฎแห่งกรรมที่ได้สร้างไว้เมื่อชาติก่อน ปัจจุบันชาติ องค์สมเด็จพระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ เมื่อครั้งประทับจำพรรษาอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร ได้ตรัสกับพระสาวกว่า  ความยากที่สุดในโลก ๔ ประการ      

๑. การอุบัติตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า             ๒. การได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริง        ๓. การเกิดของมนุษย์             

   ๔. การดำรงชีวิตของมนุษย์ให้อยู่รอด        มนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมานี้ล้วนเป็นยากยิ่งดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้แล้วนั้น เมื่อมนุษย์ทั้งหลายเบื่อที่จะเข้าวัด แม่หมาตัวหนึ่งก็ชวนลูกหมาไปฟังเทศน์ ทางที่จะไปวัดนั้น ต้องผ่านป่าช้าที่ทิ้งศพมนุษย์ ด้วยความเคารพในธรรม แม่หมาจึงเร่งลูกเพราะกลัวจะไปสาย ส่วนลูกหมานั้นกำลังหิวเป็นกำลังจึงอ้อนวอนขอกินศพก่อน ผู้ชมลองฟังคำโต้ตอบของแม่ลูกคู่นี้ดู 

แม่หมา เจ้าจะกินตรงไหน  ไวบอกแม่  ลูกหมา รสเลิศแท้ ตาผี ไม่มีสอง    แม่หมา อย่าเลยลูก ตามัน แส่แต่มอง ทั้งโขนหนังนั่งจ้องกระจกเงาจะหาแลแต่สิ่งที่สวยงาม  ลูกหมา ถ้าอย่างนั้น ฉันกินหูมัน ได้ไหมเล่า?   แม่หมา หูมันเฝ้าแต่จะฟังเสียงสอพลอ  ลูกหมา (รำพึง) แม่จ๋า, หูมันคงไม่ฟังพระสั่งสอน ลูกขอวอนกินจมูกได้ไหมหนอ?   แม่หมา อย่าเลย, ถ้าเจ้าหยิ่งในเหล่ากอ มันชอบพอแต่จะดมกลิ่นดีๆ     ลูกหมา ถ้าอย่างนั้น ลูกจะกินลิ้นมันนะ  แม่หมา ตายละ ! สับปลับ ปล้อนปลิ้น ลิ้นคนนี่ ปากว่าชอบนิพพานอย่างโน้นนี้ แท้จริงซิ สังสารวัฏฏ์เต็มอัตรา ลูกหมา ถ้าอย่างนั้น, ฉันกินมือ ได้หรือแม่? แม่หมา อัปรีย์แท้ เทียวลูก, มือคนหนา หน้าไหว้หลังหลอกต่อครูบา ทั้งเข่นฆ่าเฆี่ยนตี พ่อแม่ตัว ลูกหมา อย่างนั้นลูกจะขอ กัดกิน ตีนของมัน       

แม่หมา ลูกเอ๋ย  นั่นมันร้ายอยู่ใช่ชั่ว ไม่ย่างเท้าเข้าฟังธรรมประจำตัว เดินไปทั่วแต่ทางแห่งอบาย ลูกหมา แม่จ๋า ลูกขอกินหัวใจผี (นะแม่นะ)        แม่หมา (ขู่คำราม ขนตั้งชัน) หยุดนะ อย่านะ นั่นกาลี น่าใจหาย            ตัวกู-ของกูอยู่นั่นนะลูกชาย ใจคนร้ายโสมม เสียสิ้นดี นั่นแหละลูกหมาที่น่าสงสารจึงได้รู้จักสัตว์ที่เรียกตนเองว่า “มนุษย์”ซึ่งแปลว่า มีใจสูง ดีขึ้น จึงจ้องมองดูศพด้วยดวงตาอันเหยียดหยามถ่มเขฬะรดแล้วว่า      “อ้ายชาติชั่ว เรียกตัว ว่ามนุษย์ ผลที่สุด ไม่มีดี อะไรนี่      อนิจจา หมาไม่กิน ขำสิ้นดี เสียแรงที่แสนฉลาด อ้ายชาติคน”

จดหมายอกหัก

มีอยู่ครั้งหนึ่งไปอบรมนักเรียน  โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เป็นนักเรียนระดับ ปวช. ปี ๓ ตอนอบรมในค่ายนั้นบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี หลังอบรมเสร็จ มีกิจกรรมไขข้อข้องใจระหว่างพระธรรมวิทยากรและนักเรียน ก็ไม่มีใครถามถึงปัญหาส่วนตัว แต่มีนักเรียน ปวช. ปี ๓ มีนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งหน้าออกจะ...น่ารัก...นิดหนึ่ง สูงนิดๆ อ้วนหน่อยๆ เอ๋อน้อยๆ ติ๊งต๊องสุดๆ มาขอเบอร์โทรศัพท์และ E-Mail ของข้าพเจ้า ว่ามีเรื่องปรึกษาหลายเรื่อง จะปรึกษาในที่อบรมไม่กล้าเปิดเผย กลัวเพื่อน ๆ เขาได้จะแซว หรือนินทาก็ว่าได้ ข้าพเจ้านึกสงสารและสงสัย จึงให้ไปโดยดี เพราะเขาต้องการที่ปรึกษา เขาบอกว่าไม่มีใครที่เขาวางใจได้ เขาจึงมาอบรมเพื่อจะได้เบอร์โทรศัพท์และ E-Mail พระวิทยากร เพื่อจะได้ปรึกษา พอข้าพเจ้ากลับเชียงใหม่ได้ ๑ สัปดาห์ ก็เบอร์โทรศัพท์โทรเข้ามาปรึกษาไปแล้วหลายเรื่องด้วย ข้าพเจ้าก็ให้คำปรึกษาเขาไปด้วยดี มีวันหนึ่งเขาส่งจดหมาย E-Mail มาหาข้าพเจ้า เขาเล่าว่า  

สวัสดีค่ะพระอาจารย์ที่หล่อและน่ารักที่สุดในยามไร้แสง

พระอาจารย์ขาหนูมีความรู้สึกว่าคนที่เขียนจดหมาย  มาหาพระอาจารย์ล้วนแต่ติ๊งต๊องปัญญาอ่อนแก้ปัญหาให้กับชีวิตตัวเองไม่ได้ โง่จริงจริง   วันนี้หนูก็มีปัญหาเหมือนกันค่ะ?  คืออย่างนี้นะคะ หนูเรียนอยู่ ร.ร.ในตัวอำเภอค่ะ(อำเภอใจนะคะ) หนูไปเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่งานวัด…เขามาคุยกับหนู  เขาเป็นนักเรียนต่างโรงเรียนค่ะ  หนูถามเขาว่า  มาคุยกับหนูทำไม หนูไม่สวย เพื่อนหนูสวยกว่าตั้งเยอะ ทำไมไม่ไปคุย?  เขาบอกว่า หนูไม่สวย แต่หนูเร้าใจค่ะ (หมายถึงน่ารักนะคะ)   ตอนที่เขามาคุยกับหนู  หนูก็สังเกตว่าทำไมเขาจึงมาคุยกับหนู  ปรากฏว่าวันนั้นหนูใส่กระโปรงสั้นค่ะ, แต่หนูไม่ปิดหรอกค่ะ  เพราะวันนั้นเป็นวันพระ  หนูเลยโปรดสัตว์ค่ะ เขาชวนหนูไปทานข้าว  หนูก็บอกว่า   ขอคิดดูก่อนค่ะ เขาชวนหนูไปดูหนัง  หนูก็บอกว่า  ขอคิดดูก่อนค่ะ เขาชวนหนูไปช๊อปปิ้ง หนูก็บอกว่า ขอคิดดูก่อนค่ะ บอกว่าไม่ต้องคิดดูก่อนก็ได้ เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง หนูก็เลยบอกว่า งั้นขอดูก่อนคิด ได้ไหมคะ??? เขาชวนหนูไปเที่ยว  หนูจะไปกับเขาดีไหมคะ  แต่หนูตอบตกลงเขาไปแล้วค่ะ..? เขาบอกว่า ไปเช้า ๆ แล้วกลับค่ำ ๆ ดีไหม? หนูบอกว่า ไม่ได้มันจะเป็นที่ครหานินทา สู้ไปค่ำ ๆ แล้วกลับเช้า ๆ ดีกว่า..! เขาพาหนูไปเที่ยวพัทยาค่ะ ทำไงดีคะที่จะทำให้เขาสนใจหนู หนูเลยแต่งชุดทูพีชค่ะ  ทูพีชมีสองชิ้นใช่ไหมคะ ชุดของหนูคือ รองเท้ากับหมวกค่ะ..! พอตกกลางคืน เขาเช่าโรงแรมห้องเดี่ยวเตียงเดี่ยวค่ะเขาบอกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษเขาจะนอนข้างล่าง หนูบอกว่าได้ยังไง  หนูเป็นสุภาพสตรี  หนูเลยลงไปนอนด้วยกันกับเขาข้างล่างค่ะ  พอตื่นเช้ามา    เขาก็ตกเป็นของหนูแล้วค่ะ…! พระอาจารย์ค่ะ...หนูกับเขาคบกันไปสักพัก หนูก็รู้สึกเจ็บท้องค่ะหนูไปหาหมอ

หมอบอกว่าหนูเป็นเนื้องอกค่ะ 

ตอนนี้เนื้องอกตั้งแต่อยู่ ปี.๒ แล้วค่ะ  พระอาจารย์ขา...แล้วเขาก็ไม่ค่อยกลับบ้านเลยค่ะ  เขาอ้างว่าไปงานบวชเพื่อน ..งานบวชบ้าอะไรกันคะ   บวชกลางคืนเนี่ยนะ  แล้วเขาก็ไม่เคยส่งเสียหนูเลย  หนูขอเงินไปเขาก็บอก  ส่งมาแล้วส่งมาทางแฟ็กค่ะ ช่วงหลังๆมาเขาไม่เคยแสดงความรักกับหนูเลย มีอยู่ครั้งเดียว  เขาเอามือลูบศีรษะหนูค่ะมีครั้งเดียว  เพราะเขาไม่มีผ้าเช็ดมือค่ะ บางครั้งเขามีน้ำใจนะคะเขาจับบันไดให้หนูแล้วให้หนูปีนขึ้นไปทาสีเพดานบ้าน…ระยะหลังนี้เขาชอบทำรุนแรงกับหนู  เขาตบหนูค่ะ  เขาบอกว่า  ตบหนูครั้งหนึ่งจะให้  ๓๐๐ ค่ะ หนูเจ็บไปหมดเลยค่ะ หนูถามเขาว่า จะตบหนูไปถึงไหน? เขาบอกว่าจะตบจนกว่าจะคืนเงินให้เขาค่ะ สุดท้ายหนูก็ต้องเลิกกับเขาค่ะ แม่หนูบอกว่าอย่าเสียใจไปเลยกลับบ้านเราเถอะ  พ่อแม่หนูบอกว่า  จะให้หนูไถนาแทนควายที่ขายไปเพื่อส่งหนูเรียนค่ะ  หนูก็เลยใช้เจ้าเนื้องอกไถนาแทน  นี่แหละค่ะความรักเหมือนโรค   บันดาลตาให้มืดบอด  เมื่อรักใครสักคน  เหมือนเล่นการพนัน แล้วหนูก็ใช้เงินจนหมดตัว  สุดท้ายก็ไม่มีเงินลงทุนต่อไป  แต่ยังดีนะคะ  ที่หนูยังมีชีวิต  หนูไม่คิดฆ่าตัวตาย  ความรักจะยังไงก็แล้วแต่  หนูคิดว่า   จงรักคนที่เขารักเราดีกว่า  นั่นคือ คุณพ่อและคุณแม่ ของหนูนั้นเอง

หนูขอให้จดหมายฉบับนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับนักเรียนหญิงที่คิดจะมีความรักในวัยเรียนนะคะ

*สมัยนี้  ผู้หญิง  ก็ร้าย     ผู้ชาย ก็เลว    ส่วนพระ  ดีค่ะ*

พระชัยวัฒน์ ชยกมฺโม  รหัส ๕๑๑๐๕๔๐๑๑๑๐๑๔

ปี ๔ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาไทย

 

ความรัก ต้องตามหาหรือนั่งรอ ?  
“การมองหาความรัก ก็เหมือนกับการที่เราพยายามมองหาดาวตก

ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่มันจะไม่เกิด เราก็ไม่มีทางได้เจอ”

หนุ่มน้อยวัยยี่สิบเศษๆ  ผิวขาว รูปร่างสูง หน้าตาคมเข้ม นั่งพรรณากับตัวเอง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ของจังหวัดเชียงใหม่วันนี้เป็นวันหนึ่งที่หนุ่มน้อยนามว่า........ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ความมืดและความหนาวเหน็บกลับเข้ามาเกาะกุมหัวใจและผิวกายของ.........อีก ครั้ง "ทำไมนะ ทำไมคนอื่นเค้ามีเพื่อนใจ เขาต่างก็มีคู่คลายเหงากันหมดแล้ว" เขานั่งบ่นพึมพัมกับตัวเองอยากมีใครซักคน ที่เข้าใจ เป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนปลอบประโลมใจยามท้อแท้ใจ แต่หามาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่ม จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่พบคนที่ใช่เลย บางคนคิดว่าใช่ แต่ไม่กล้าบอก ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา เพราะเจียมตัวเหรอ หรือเพราะคนที่เขามองดูสูงส่งเกินไป สวยเกินไปสำหรับผู้ชายธรรมดาอย่างเขา.....หรือเพราะกลัวอกหัก กลัวเสียใจ กลัวไม่สมหวังในความรัก แต่ในเสี้ยวหนึ่งของความคิดก็ผุดขึ้นมา..."สงสัยเนื้อคู่เรายังไม่เกิดมั่ง ไม่นานคงเจอแหละน๊า"หากเนื้อคู่มีจริงๆ ขอให้เจอคนที่ถูกใจใช่เลยซักคนเถอะ หน้าตาไม่ต้องสวย จมูกโด่งๆ ตาโตๆ ผมยาวๆ หุ่นพอประมาณไม่ต้องเหมือนนางแบบก็ได้ อายุมากกว่าซักนิดก็ดี "แต่ตอนนี้เหงาแล้วทำไงได้ล่ะ........หาเพื่อนคุยแก้เหงาในโลกออนไลน์ดีกว่า...ว่าแล้วเขาก็เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ทบุ๊คคู่ใจ เฟสบุ๊คเท่านั้นที่ทำให้เขาคลายเหงาลงได้บ้าง  เพื่อนจำนวนร้อยกว่าคนที่มีอยู่ นับว่ามากมาย แต่ทำไมคนแล้วคนเล่าที่คุยก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษกับใครซักคน เพราะคิดอย่างเดียวว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของโลกออนไลน์ มันไม่ใช่ความจริง เริ่มมีความรู้สึกเบื่อหน่ายเข้าในความคิดอีกแล้ว    ...ค้นหาเพื่อนใหม่ๆบ้างดีกว่า เผื่ออะไรจะดีขึ้นมาบ้าง ...คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ใช่..แต่เขาก็มาหยุดตรงที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว จมูกโด่ง ตาโตๆ ผิวสีน้ำผึ้ง ที่ดูเหมือนจะยืนจ้องตาเค้าอยู่ตรงหน้าเฟส ...ทำไมหัวใจเข้าเต้นผิดปกติ  ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ รู้สึกแปลกๆกับเขาจัง แต่ดูท่าทางอายุจะมากกว่า เขาคงมีแฟนแล้วเป็นแน่เลย ...แต่ไม่เป็นไร ขอสมัครเป็นเพื่อนรุ่นน้องดีกว่า เพราะคงไม่มีสิทธิ์คิดไปไกลกว่านี้หรอก  ..."สวัสดีจ้า ยินดีที่ได้รู้จักนะจ้ะ" ประโยคแรกที่ผู้หญิงคนนั้นทักทายเค้า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา..เขาก็ได้เจอกับเพื่อนต่างวัย หน้าเฟสเกือบทุกวัน ...ได้คุยกันบ้าง ไม่กล้าทักบ้าง เพราะกลัวใจตัวเองหรือเปล่า ...ทำได้อย่างเดียวคือแอบเข้าไปดูอัลบั้มภาพถ่ายในเฟส ดูแล้วดูอีก ติดตามความเคลื่อนไหวตลอด ...มันมีความรู้สึกว่าหัวใจมันบอกว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาเฝ้ารออยู่ คนนี้แหละใช่เลย ... ...นี่หรือที่เขาเรียกว่าความรักของคนที่แอบรักเขาข้างเดียว แต่ไม่กล้าปริปากบอก เพราะกลัวว่าเขามีเจ้าของแล้ว..แต่วันนี้เป็นไงก็เป็นกัน...ลองทักเขาดีกว่า เผื่อชีวิตจะสมหวังอย่างใครๆเขาบ้าง"หวัดดีครับ พี่สาว ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะครับ "..หนุ่มน้อยกล่าวทักทาย ..แต่ในใจคิดว่า เพื่อนต่างวัยคงไม่ตอบเป็นแน่ คงผิดหวังเช่นเดิม...

แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้เสมอ..เมื่อสาวเจ้าตอบกลับมา  และคุยเรื่องราวส่วนตัวกันตั้งนานสองนาน..ความรู้สึกดีๆ  หัวใจหนุ่มน้อยเริ่มพองโต เต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที  ..."น้องมีแฟนรึยังล่ะ ?" พี่ยังโสดนะ ถ้าไม่มีแฟนพี่ให้ยืมตัวเป็นแฟนชั่วคราวเอาไม๊...เอาซีครับ หนุ่มน้อยตอบ..ความหวังเริ่มฉายแวว ..."พี่สาวครับถ้าเป็นแฟนกันจะเรียกพี่ได้ไง เปลี่ยนสรรพนามเรียกดีกว่าไม๊"หนุ่มน้อยกล่าวขึ้น  "งั้นจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ จะเรียกชื่อก็ไม่โรแมนติค ขอเรียกที่รักได้ไม๊" หนุ่มน้อยกล่าว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คำว่า"ที่รัก"ก็เป็นคำที่พูดติดปากของคนทั้งคู่ มันกลายเป็นความผูกพันธ์ กลายเป็นจุดกำเนิดของคำว่ารักที่รอคอยมานานแสนนาน  เสียงตามสายเริ่มผ่านโทรศัพท์ ความห่วงใยที่มีให้ต่อกันไม่ขาดสาย ความเหงาที่เคยเกาะกุมหัวใจมันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่...มีความสุขจังเลยที่มีคนเข้าใจเรา และได้แต่นั่งคิดและนอนคิดอยู่ว่า..อืมไม่เป็นไรมีความสุขจัง  ที่ได้คิดถึงคนที่เรารัก ถึงแม้เราจะห่างไกลกันขนาดไหนก็แล้วแต่ มันไม่ใช่อุปสรรคของโลกคนช่างฝันนินา หนุ่มน้อยตอบให้ตนเองและยิ้มให้ตนเองไป.... ขอภาวนาว่า..นับตั้งแต่วันนี้ไปอย่าได้รู้จักคำว่าผิดหวังเลย...เพี้ยง ความผิดหวังก็อย่าได้รู้จักเราและอย่าได้มองเห็นเราเลย...สา....ธุ นับตั้งแต่วันนั้นมาหนุ่มน้อยเองก็มีความสุขกับความฝันของเขามาตลอด…

ความว่ารักของหนุ่มน้อยที่มีให้คนที่อยู่ทางไกลยิ่งนานวันก็ยิ่งเพิ่มทวีคุณขึ้นทุกวัน ไม่มีคำว่าลดลงและขอฝากความฝันนี้ไปกับสายกลมช่วยกระซิบบอกเธอด้วยว่า..เจ้าหนุ่มน้อย “คิดถึงและห่วงใย ห่างไกลเพราะฟ้ากว้าง คิดถึงเธอทุกวันเวลา เก็บใจไว้นะคนดี” ละก็อย่าลืมบอกนะว่าคืนนี้เจอกันในฝัน

โดย……

พระสาทิตย์ กตปุญฺโญ รหัส ๕๑๑๐๕๔๐๑๑๑๐๓๒

ปี ๔ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาไทย

หลวงพระบาง  เมืองมรดกโลก

หลวงพระบางวันนี้ (Luang Prabang Today)

หลวงพระบางเป็น ๑ ใน ๖ แขวงภาคเหนือของประเทศลาว ซึ่งประกอบไปด้วย หลวงพระบาง, อุดมไซ, ไซยะบุรี, พงสาลี, หัวพัน, บ่อแก้ว  หลวงพระบางถือเป็นแขวงเอกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่สุดแขวงหนึ่งของประเทศ เพราะเป็นเมืองหน้าด่าน การเดินทางไปยังแขวงอื่นๆ ในภาคเหนือ จะต้องมาผ่านเมืองหลวงพระบางแทบทั้งสิ้น

หลวงพระบาง ประกอบไปด้วยเมืองบริวารทั้งหมด ๑๒ เมือง คือ เมืองหลวงพระบาง, เมืองจอมเพชร, เมืองเชียงเงิน, เมืองนาน, เมืองปากอู, เมืองน้ำบาก, เมืองงอย, เมืองปากแซง, เมืองโพนไซ, เมืองเวียงคำ, เมืองพูคูน และเมืองโพนทอง

 ที่ตั้ง: อยู่ที่เส้นรุ้ง ๑๙ องศา ๕๔ ลิปดาเหนือ และเส้นแวง ๑๐๒ องศา ๘ ลิปดาตะวันออก

สภาพภูมิประเทศ: โอบล้อมด้วยหุบเขารอบด้าน มีความสูงประมาณ ๑,๓๐๐ เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีแม่น้ำโขง, แม่น้ำคาน และแม่น้ำอู เป็นสายน้ำหลักไหลผ่าน

สภาพภูมิอากาศ:

หลวงพระบางต่างจากเมืองใหญ่อื่นๆ ของลาว เนื่องจากถูกขนาบล้อมด้วยหุบเขาล้อมด้าน ทำให้ค่อนข้างอับฝน ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ถูกเทือกเขาหลวงพระบาง  ซึ่งกั้นพรมแดนไทย-ลาวยาวจากเพชรบูรณ์ถึงน่านสกัดไว้ ส่วนฝนจากอ่าวตังเกี๋ยก็ถูกเทือกเขาอันนำตรงพรมแดนลาว-เวียดนามกำบังอยู่เช่นกัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีของหลวงพระบางจึงมีเพียง ๑๐๐ ๑๕๐ มิลลิเมตรเท่านั้น

ฤดูร้อน:

เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิสูงสุดอยู่ในเดือนเมษายน  เฉลี่ย ๓๕ องศาเซลเซียส ฤดูนี้จะมีฝนบ้างประปรายตั้งแต่กลางเมษายนเป็นต้นไป

ฤดูฝน:

เริ่มกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกันยายน  ฝนมากที่สุดในเดือนสิงหาคม  อุณหภูมิในช่วงฤดูนี้เฉลี่ย ๓๐ องศาเซลเซียส

ฤดูหนาว:

เริ่มจากกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์  หนาวที่สุดจะอยู่ท้ายเดือนธันวาคมเรื่อยไปถึงต้นเดือนมกราคม  อุณหภูมิต่ำสุดฤดูนี้วัดในตัวเมืองได้ ๕ องศาเซลเซียส

เนื้อที่:

๑๖,๘๗๕ ตารางกิโลเมตร (๖,๕๑๖ ตารางไมล์)

 ประชากร:

หลวงพระบางมีประชากรประมาณ ๔๐๘,๘๐๐ คน ร้อยละ ๔๐ เป็นลาวลุ่ม ร้อยละ ๔๖ เป็นกลุ่มลาวเทิง และร้อยละ ๑๔ เป็นลาวสูง ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ ๖๐,๐๐๐ คน หลวงพระบางถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมของความเจริญในภาคเหนือของประเทศลาวในทุกๆ ด้านเช่น

ด้านการศึกษา 

ถือเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของภาคเหนือ  มีมหาวิทยาลัยแห่งชาติสุพานุวง, วิทยาลัยกฎหมายภาคเหนือ, วิทยาลัยการเงิน-การธนาคารเขตภาคเหนือ, โรงเรียนแพทย์และพยาบาล, วิทยาลัยครู, วิทยาลัยการช่าง (สารพัดช่าง) ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงพระบางทั้งสิ้น

ด้านท่องเที่ยว 

เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของภาคเหนือ เนื่องจากเป็นเมืองมรดกโลก  จึงทำให้หลวงพระบาง เป็นเมืองที่มีการเติบโตทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศลาว

ด้านการคมนาคมขนส่ง 

เป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคม และขนส่งที่สำคัญของภาคเหนือประเทศลาว   

 หลวงพระบางเมืองมรดกโลก

องค์การยูเนสโกประกาศให้เครดิตกับเมืองหลวงพระบางว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักรักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (The Best Preserved City in South – East Asia) เมื่อครั้งที่มีการสำรวจเบื้องต้นในปีพ.ศ. ๒๕๓๓ – ๒๕๓๘ และได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อ “เมืองมรดกโลก” (World Heritage Town) เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ มีการจัดทำแผนให้เงินทุนสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ และองค์กรอิสระอื่นๆ หลายองค์กร จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๑ เมืองหลวงพระบางก็ได้รับสถานภาพให้เป็นเมืองมรดกโลกอย่างเป็นทางการ ตามปกติแล้วคณะกรรมการมรดกโลกจะมีหลักเกณฑ์การพิจารณาหลักๆ สำหรับมรดกโลกทางวัฒนธรรมอยู่ ๖ ข้อ ขอเพียงเข้าหลักเกณฑ์ใดหลักเกณฑ์หนึ่งก็จะได้รับการพิจารณา แต่หลวงพระบางมีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาถึง ๓ ข้อจาก ๖ ข้อดังนี้

  ข้อที่ ๒ มีอิทธิพลอย่างสูงยิ่ง เหนือกาลเวลาอันยาวนาน หรือมีอิทธิพลภายในเขตวัฒนธรรมของโลก อันเกี่ยวเนื่องกับพัฒนาการทางสถาปัตยกรรม ศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น การวางผังเมือง หรือการออกแบบ ภูมิสถาปัตย์

  ข้อที่ ๔ เป็นตัวอย่างอันชัดเจนของรูปแบบอาคาร หรือสถาปัตยกรรมโดยภาพรวม

หรือภูมิสถาปัตย์ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนอันมีนัยสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

  ข้อที่ ๕ เป็นตัวอย่างอันชัดเจนของการตั้งถิ่นฐานชุมชนมนุษย์ หรือแสดงให้เห็นการใช้พื้นที่ ซึ่งเป็นภาพแทนของวัฒนธรรม

ความสำคัญของเมืองหลวงพระบาง

เป็นเมืองหลวงเก่าอุดมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันลุ่มลึก  ทุกซอกทุกมุมของเมืองมีบ้าน วัด วัง และสถาปัตยกรรมที่น่าหลงใหล ประเพณี ความเชื่อ และความผูกพันในพระศาสนาของคนเมืองนี้ที่ยังมีชีวิตชีวาไม่สูญหายเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  ใครๆ ที่ได้มาเยือน หลวงพระบาง ก็อดที่จะประทับใจกับความเป็นจริงเหล่านี้ไม่ได้ และความประทับใจนั่นเองนำพวกเขาเหล่านั้นกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เฉพาะแต่กับชาวต่างชาติ  แม้แต่คนลาวด้วยกันเอง  การได้เดินทางไปไหว้ พระบาง ไปเที่ยวงานบุญเมืองหลวงพระบางสักครั้งก็เป็นความฝันของชีวิตที่สมบูรณ์แล้วสำหรับพวกเขา

หลวงพระบางเมืองที่อดีตยังอยู่กับปัจจุบัน

Marthe Bassene สตรีชาวฝรั่งเศสนางหนึ่งเคยเขียนถึงเมืองหลวงพระบางไว้ในนิตยสารเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ว่า "โอ้.. ประเทศนี้ปกป้องสรวงสวรรค์แห่งความสุขในอุดมคตินี้เอาไว้ได้อย่างไร จากกระแสโลก จากความก้าวหน้าและความทะเยอทะยานในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ! หลวงพระบางจะอยู่ในศตวรรษแห่งวิทยาการ, ผลประโยชน์ที่ได้มาอย่างรวดเร็ว, ชัยชนะของเงิน, นักฝันคนสุดท้าย, คู่รักคู่สุดท้าย และจินตกวีคนสุดท้ายได้หรือ"?

  กว่าหนึ่งศตวรรษผ่านไป หลวงพระบางยังคงสภาพอย่างที่มันควรจะเป็นเอาไว้ได้ เมื่อมีสถานะเป็นเมืองมรดกโลก อาคารบ้านเรือน และสิ่งก่อสร้างทุกอย่างถูกดูแลเป็นอย่างดีโดยห้องว่าการมรดกโลกประจำเมือง ไม่ว่าจะดำเนินการก่อสร้าง หรือซ่อมแซมอาคารใดๆ ก็ตามในเขตเมืองเก่าจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติแบบแปลนจากหน่วยงานนี้ก่อนเสมอ

  ในเขตมรดกโลกนี้ มีอาคารเก่าซึ่งสร้างก่อนปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ไม่ว่าจะเป็นวัด อาคารทรงลาว

(๒ ชั้น หลังคาสูง มีระเบียง) และอาคารทรงโคโลเนียลที่ถูกจัดว่าเป็นอาคารเก่าที่สร้างถูกต้องตามทรงที่กำหนดอยู่ทั้งหมด ๖๑๑ หลัง โดยถูกบันทึกภาพถ่ายไว้ทุกแง่มุม สำหรับใช้ในการอ้างอิงเมื่อถึงเวลาต้องมีการปรับปรุง-ซ่อมแซม อาคารเหล่านี้จำเป็นต้องอยู่ในทรงเดิมของมันเช่นนี้ตลอดไป ไม่สามารถดัดแปลงได้ ส่วนอาคารที่อยู่นอกบัญชีเหล่านี้ หรืออาคารที่กำลังจะสร้างใหม่นั้นสามารถก่อสร้าง ซ่อมแซม ดัดแปลงได้ แต่ต้องเป็นทรงตามที่กำหนดไว้เท่านั้น รวมไปถึงการใช้สีด้วย (ห้ามใช้สีเคลือบเลื่อม) และที่สำคัญงานออกแบบทั้งหมดต้องทำโดยสถาปนิกมืออาชีพเท่านั้น รวมไปถึงป้ายชื่อโรงแรม, ร้านอาหาร, ร้านค้า ทุกป้ายต้องเป็นป้ายที่ทำขึ้นจากไม้ บังคับให้ใช้สีพื้นเป็นสีไม้ธรรมชาติ หรือดำ และตัวหนังสือสีทอง โดยจะต้องใช้อักษรภาษาลาวอยู่ด้านบน แล้วภาษาต่างประเทศอื่นๆ อยู่ด้านล่างเสมอ ความเป็นมรดกโลกมิได้จำกัดแต่เพียงอาคาร บ้านเรือน วัดวาอารามต่างๆ เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึง ตรอก ซอย ฟุตบาท แม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า ซึ่งหากต้องการตัด หรือทำลาย จะต้องทำหนังสือเพื่อขออนุญาตเช่นเดียวกัน ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงถึงต้นละ ๕๐๐ เหรียญสหรัฐ หรือในกรณีสิ่งปลูกสร้าง อาคาร บ้านเรือนต่างๆ หากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนด โทษสถานเดียวที่จะได้รับคือ อาคารหลังนั้นจะถูกทุบทำลาย และบังคับให้เจ้าของโครงการสร้างกลับคืนในรูปแบบเดิมทันที

ในมุมมองสถาปัตยกรรม หลวงพระบางยังคงเก็บรักษาความเก่าแก่  และความกลมกลืนของธรรมชาติ  บ้านไม้ บ้านสไตล์ลาว อาคารปูนทรงโคโลเนียลอายุเกือบร้อยปี  และอาคารทรงนีโอโคโลเนียล ที่ผสานสไตล์โคโลเนียลกับลาวเข้าด้วยกันเอาไว้ได้อย่างสวยงาม

ในมุมมองทางวัฒนธรรม ชาวบ้านที่นี่ก็ยังคงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายในแบบของพวกเขาเอาไว้ได้อย่างมีเสน่ห์  หลวงพระบางเลยได้รับการยกให้เป็น  “ที่พำนักสำหรับนักฝันคนสุดท้าย”

 หลวงพระบางกับการเปลี่ยนแปลง

นับจากปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ซึ่งเป็นปีที่หลวงพระบางถูกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว มีธุรกิจที่เกียวข้องกับการท่องเที่ยว และการบริการเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม รีสอร์ท เฮือนพัก ร้านอาหาร อินเตอร์เนทคาเฟ่ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ส่งผลให้ที่ดินในเขตตัวเมืองมีราคาแพงยิ่งกว่าทองคำ ทุกวันนี้ที่ดินในหลวงพระบาง หากอยู่ในย่านทำเลธุรกิจ หรือติดริมแม่น้ำ ขนาดเนื้อที่ประมาณ ๑๒๐ ตารางวา ราคาซื้อ-ขายจะเริ่มต้นที่ประมาณ ๑๐-๑๕ ล้านบาท และอาจสูงถึง ๔๐-๕๐ ล้านบาทหากมีสิ่งปลูกสร้างถาวรเรียบร้อยแล้ว ด้วยกฎระเบียบของทางการที่ห้ามชาวต่างชาติถือครอง หรือเป็นเจ้าของในที่ดิน การเช่าจึงเป็นทางออกเดียวสำหรับนักลงทุนจากนานาชาติ (ยกเว้นกรณีที่มีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐขึ้นไป จึงจะมีสิทธิในการซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง) ซึ่งค่าเช่าในย่านธุรกิจสำคัญๆ ใจกลางเมืองเช่น บริเวณ ถ.สีสว่างวงศ์ (บ้านเจ็ก) หรือบริเวณริมแม่น้ำโขง และริมแม่น้ำคาน จะอยู่ที่ราว ๓๐,๐๐๐-๘๐,๐๐๐ บาท/เดือน วิธีการชำระเงินค่าเช่าจะคิดจากจำนวนปีที่ต้องการเช่าเช่น หากต้องการเช่าในระยะเวลา ๑๐ ปี การชำระก็อาจจะแบ่งเป็น ๒ งวดๆ ละ ๕ ปี (จ่ายรวดเดียวทั้งก้อน) จะไม่มีการเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือน เป็นต้น แน่นอนการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองแบบเดิมๆ ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยปัจจัยเรื่องราคาที่ดิน-ค่าเช่าข้างต้น ผนวกกับการที่หลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งมีกฏระเบียบ และกฏเกณฑ์ที่เคร่งครัด ทำให้การเปลี่ยนแปลงของเมืองเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ได้รวดเร็วอย่างที่หลายคนกังวล

 หลวงพระบางในอนาคต

      โครงการในระยะสั้น  ๑-๓ ปีข้างหน้า

  ในปีพ.ศ. ๒๕๕๔ หลวงพระบางจะมีสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน ๑๘ หลุม พร้อมสปอร์ตคลับ, โรงแรมระดับ ๕ ดาว ประมาณ ๓-๔ แห่งจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการ, สวนสัตว์ไนท์ซาฟารี (ทุกโครงการอยู่นอกเขตมรดกโลก) รวมทั้งรถโดยสารระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ๆ เช่น หลวงพระบาง-เชียงใหม่, หลวงพระบาง-กรุงเทพ, หลวงพระบาง-อุดรธานี เป็นต้น (ปัจจุบันที่มีให้บริการแล้วคือเส้นทางสาย หลวงพระบาง-คุนหมิง, หลวงพระบาง-ฮานอย)

  ในปีพ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่การพัฒนาโครงสร้างขนาดใหญ่หลายๆ โครงการของเมืองจะแล้วเสร็จ เช่น

•โครงการขยายสนามบินนานาชาติหลวงพระบาง ซึ่งจะทำให้มีขีดความสามารถในการรองรับเครื่องบินแบบโบอิ้งได้ ๔ ลำและ เครื่องบินแบบ ATR ๗๒-๕๐๐ ได้ ๗ ลำเข้าจอดในบริเวณลานจอดได้พร้อมกัน

•โครงการก่อสร้างถนนสายบายพาสสายใหม่จะแล้วเสร็จในปีนี้เช่นเดียวกัน ทำให้การเดินทางโดยรถจากนครหลวงเวียงจันทน์มาหลวงพระบางใช้เวลาเพียง ๕ ชั่วโมง (ปัจจุบันใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๗-๘ ชั่วโมง)

โครงการระยะยาว ๓-๕ ปีขึ้นไป

  •ทางการแขวงมีโครงการในการพัฒนาเมืองใหม่ ในเขตเมืองจอมเพชร ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองหลวงพระบางในปัจจุบัน ในโครงการนี้จะมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเพื่อเชื่อมเมืองใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเมืองเก่าในปัจจุบันเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งการลงทุนก่อสร้างในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

•โครงการสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าและการบริการของ ๓ ประเทศ (จีน ลาว ไทย) ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จ ส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟเส้นนี้จะผ่านเมืองหลวงพระบางด้วยเช่นกัน คาดการณ์ว่าเส้นทางรถไฟจะผ่านเมืองหลวงพระบางตรงบริเวณเมืองใหม่ฝั่งเมืองจอมเพชรนั้นเอง

 

พระทวิน ธีรปญฺโญ รหัส ๕๑๑๐๕๔๐๑๑๑๐๔๑

ปี ๔ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาไทย

 

 

ชีวิตกลางพงไพร

***********************

ท่ามกลางบรรยายที่อบอวลไปด้วยหมอกเมฆมีหญิงคนหนึ่งได้มานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าซึ่งนานๆทีครอบครัวของเขาจะพากันมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ซักทีหนึ่งและวันนี้เองที่หญิงสาวนั้นได้เกิดความคิดผุดขึ้นมาแบบไม่เคยตั้งตัวมาก่อน  เป็นความคิดที่ใครๆไม่ค่อยจะคิดกัน หญิงสาวคนนั้นได้ตั้งคำถามกับตัวเอง พร้อมทั้งหาตำตอบให้กับคำถามของตัวเองเหมือนกัน คำถามนั้นคือ  “เกิดมาทำไม  ชีวิตคืออะไร” ซึ่งคำถามแบบนี้เด็กสาวอย่างเธอคงจะเล็กเกินไปสำหรับการตอบคำถามที่ยากๆ  แต่สำหรับเธอแล้วเธอมีคำตอบในใจของเธออยู่เองแล้วว่าชีวิต คือ “สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อความสมบูรณ์ของธรรมชาติ”  แล้วเกิดมาทำไม  เธอได้แต่ตอบคำถามของเธอเองว่า “เกิดมาเพื่อทดแทนธรรมชาติที่สูญหายไป” การตั้งคำถามแบบนี้สำหรับเธอแล้วมันเพิ่งเกิดมาในตอนที่เธอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ณ ดอยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งกว่าเธอจะได้เห็นมันแบบนี้เกือบ ๑๗ ปีแล้ว  เพราะชีวิตของเธอยุ่งอยู่แต่สังคมในเมืองไม่เคยเดินทางอออกจากในเมืองไปไหนเลยเธอได้แต่อ่านในหนังสือไม่เคยได้สัมผัสถึงบรรยากาศแบบนี้

หลังจากที่เธอสัมผัสบรรยากาศบนดอยสูงแล้วซักพักครอบครัวเธอก็พากันไปเที่ยวในสถานต่าง ๆ บริเวณนั้นเพราะนานๆจะได้มาที ไหนๆมาแล้วก็เที่ยวให้มันจุใจไปเลย  สาวน้อยได้เดินตามถนนหนทางที่เป็นดินทั้งนั้น  ถนนสายนี้ไม่เป็นคอนกรีต ไม่ลาดยาง เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากในตัวเมืองมากความสะดวกสบายเทคโนโลยีต่างๆรวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการสื่อสารไม่มีใช้เลย แม้แต่ไฟฟ้ายังมาไม่ถึง ในช่วงตอนกลางคืนต้องใช้เทียนไข หรือตะเกียง จุดให้แสงสว่างแทนไฟฟ้า  วิถีชีวิตแบบนี้ทำให้เธอหลงใหลมาก  เมื่อเธอก้าวต่อไปก็ได้พบกับชีวิตอันแสนจะเรีย

คำสำคัญ (Tags): #ตามรอยบาตร
หมายเลขบันทึก: 491242เขียนเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 09:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม 2012 11:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณมากค่ะ ... คนก้นบาตร .... เรื่องราวดีดีนี้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท