พลบค่ำในวันที่มาถึงจังหวัดตรัง ….หลังจากเข้าที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บนห้องพักชั้นสูง ริมหน้าต่างฝั่ง อันดามัน… แสงแดดยามเย็น สีทอง สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เหลียวมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นทัศนียภาพกลางเมืองเก่าแห่งนี้ ….งดงาม ต้องตา ในแบบฉบับของเมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ นัก
มี ป่าไม้ ภูเขา และทะเลอยู่ลิบ ๆ สุดลูกหูลูกตา หากสำรวจด้วยสายตาตัวเองในมุมมองมุมนี้ พบว่า…. ธรรมชาติแสนพิสุทธิ์ของที่นี่มีมากกว่าสิ่งปลูกสร้าง ที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์
จึงไม่แปลกใจเลยว่า…ระยะทางกว่า สิบกิโลเมตร ก่อนถึงตัวเมือง ทำไมถึงพบว่าสองข้างทางมีแต่ความรื่นรมย์ของธรรมชาติ มากกว่าสิ่งอื่นใด
พลบค่ำที่เมืองตรัง ณ เวลานี้… ผู้คนใช้ชีวิตริมถนนกลางเมืองมีไม่มากนัก ร้านรวงริมฟุตบาทเปิดประปราย รถราที่วิ่งสวนทางกันนับจำนวนคันได้ง่าย …ทำให้รู้สึกถึง… สไตล์ชีวิตของผู้คนที่นี่ได้…. ในอีกบริบทหนึ่ง
อาหารลองท้องมื้อเย็น…. จึงต้องใช้เวลานานพอสมควร
การใช้ชีวิตต่างเมือง… ที่นี่ อาจไม่หวือหวา เหมือนหัวเมืองใหญ่ทางใต้ ที่อยู่ห่างจากนี้ไปอีกไม่ไกลนัก แต่ในมุมกลับกัน บรรยากาศแบบนี้ทำให้ลูกได้รับรู้ได้ว่า ต่างสถานที่ ต่างเวลาที่ลูกได้ประสบพบเห็นนั้น มันมีทั้งความเหมือนและความต่าง การเปรียบเทียบสองสิ่งนี้ สอนให้ลูกแยกแยะวิถีชีวิตของผู้คนได้ในระดับหนึ่ง ผู้คนหลากหลายที่ลูกพบเจอ สิ่งปลูกสร้าง ความเร่งรีบของชีวิต แม้กระทั่งการบรรจงตักน้ำเต้าฮู้ร้อน ๆ เจ้าเก่า ของแม่ค้าวัยกลางคน ที่บรรจงตักน้ำเต้าฮู้ใส่ถุง ส่งยื่นให้ด้วยรอยยิ้มละมุนละไม
และก่อนที่ลูกจะหลับลงไปในคืนนั้น …ลูกบอกว่า “เมื่อไหร่จะเช้าคะพ่อ หนูอยากลงไปข้างล่างอีก อยากนั่งรถสองแถว ไปซื้อขนมกินจังคะ”
การพาลูกมาที่นี่… เท่ากับเป็นการเปิดมุมมองการใช้ชีวิตให้กับลูก ให้เค้าได้เรียนรู้มุมมองการใช้ชีวิตที่กว้างขึ้น ให้เค้าเติบโตตามครรลองชีวิตที่มีมากกว่า การพูด การสอน โดยปราศจากการเห็นของจริง
เช้าวันใหม่…ระหว่างที่เดินไปตลาดสดของจังหวัด ลูกเดินท่องมาระหว่างทางว่า
“แม่ให้ซื้อส้ม 1 กิโล และสตอเบอรี่สด ๆ ครึ่ง กิโล” พูดพลางอมยิ้มพลาง พร้อมกับเอามือลูบดระเป๋าสะพายสีชมพูใบเก่ง .. ที่ใส่เงินสำหรับซื้อของมาเต็มกระเป๋าเชียว!!!
รู้ทันทีเลยว่า…วันนี้ลูกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับที่จะบริหารจัดการเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง
เดินจนเหงื่อตก ส้มกับสตอเบอรี่ก็ยังหาไม่เจอสักที
ตลาดสดเก่า ๆ แห่งนี้ มองมีชีวิตดีนะ… ผู้คนพลุกพล่าน เดินกันขวักไขว่ ต่างคนต่างก้มซื้อของที่ตัวเองอยากได้กัน
และแล้วของที่ลูกซื้อเป็นชิ้นแรก….กลับเป็นขนมที่ลูกคุยเอาไว้เมื่อคืนก่อนที่ลูกจะหลับไป… นั่นเอง
อดอมยิ้ม….ในเป้าหมายลึก ๆ ในใจของลูกไม่ได้!!
เลือกขนมเสร็จ…ก้มหยิบตังค์ในกระเป๋าสะพายของตัวเองออกมา
ยืนดู… การบริหารจัดการเงินในกระเป๋าของลูก
จากมุมมองของพ่อ…หากโรงเรียนใหม่ของลูกที่จะเปิดเรียนในไม่ช้านี้ พ่อคงหมดห่วงได้ว่า …ลูกจะไม่อดข้าวกลางวัน และขนมลองท้องก่อนเข้าเรียนได้เป็นแน่แท้เชียว!!!
เดินกันจนรอบตลาด สุดท้าย…ของที่แม่ฝากซื้อก็หาจนเจอ
“กลับกันเถอะพ่อ…ไม่ไหวแล้วละ” ลูกพูด เพราะเห็นของที่พ่อถือไว้ในมือนั้นเต็มไปหมด
รับรู้ว่า..ลูกเหนื่อย เพราะสักเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ปรากฏบนใบหน้าของลูก
ระหว่างทางกลับที่พัก…พบเห็นสิ่งนี้
โบสถ์เก่า…กลางเมือง ที่มีป้ายบอกว่า เป็น โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 20 แห่งของจังหวัด
ปราฏหลักฐานว่า สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1915
ปีนี้ ค.ศ.2012 อายุ โบสถ์ แห่งนี้ ร่วมร้อยปี ทีเดียว ….โบราณสถานแห่งนี้ บอกอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี
และที่แปลกใจมากไปกว่านี้อีก คือ การอยู่ร่วมกัน ระหว่างนกนางแอ่นกับคน…กลางเมือง
สถานที่ที่มีผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอยู่เบื้องล่าง ในขณะที่ฝูงนกบินฉวัดเฉวียนกันอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน
หาเหตุผลมาหักล้างสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเดี๋ยวนั้น ว่า …. นี่อาจเป็นความเคยชินระหว่างกัน
การสร้างสิ่งให้อยู่อาศัย หากไม่มีการยอมรับของพวกนกเหล่านี้ มีหรือที่พวกเค้าจะมาอาศัยอยู่
หรือลึกลงไปกว่านั้น แหล่งอาหารและความสมบูรณ์ของธรรมชาติ… ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตของฝูงนกจำนวนมหาศาลเหล่านี้ มันต้องพร้อมมากพอที่ทำให้พวกมันอาศัยอยู่ได้
ฤาว่า..นกพวกเหล่านี้ กินข้าวเปลือก เมล็ดข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน หรืออาหารนก แบบนกพิราบ กันหนอ!!!
สอบถามกับคนเลี้ยงนก…ได้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า สึนามิ ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป ธรรมชาติสอนให้นกปรับสมดุลชีวิตด้วยตัวของมันเอง
หมายเหตุไว้!!! เปรียบเปรยความต่างระหว่างกันของ ธรรมชาติ ฝีมือมนุษย์ และการอยู่รอด
ตบท้ายด้วย …รถตุ๊กตุ๊ก …รุ่นลายคราม… ที่นั่งกลับที่พักในเช้าวันนี้
คุณลุงเจ้าของรถตุ๊ก ๆ คันนี้ บอกว่า… รถตุ๊กตุ๊ก ที่วิ่งกันทั่วเมืองตรังนี้ เป็นรถที่นำมาจากจังหวัดยะลา เมื่อกว่า 60 ปี ที่แล้ว ตั้งแต่ลุงจำความได้ เมื่อลุงอายุ 12 ปี ลุงก็เห็นว่า มีรถตุ๊กตุ๊ก วิ่งวนรับผู้โดยสารรอบเมืองตรังแล้ว
รถตุ๊กตุ๊กรุ่นลายครามนี้เป็นรถขนาดเล็ก มีที่นั่งข้างละประมาณ 4 คน ผู้โดยสาร 8 คนนั่งกันเต็มคันแล้ว หากเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงตัวอ้วน ๆ ใหญ่ ๆ ละก็!!! มองว่า ประมาณ 4 คนก็คงแน่นมากเกินที่จะรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกเป็นแน่แท้
ความคลาลสิกของเมืองตรัง …วันที่ได้มาสัมผัส ตัวเมืองแห่งนี้
บอกคุณค่าของผู้คน ได้สมกับคำขวัญที่ผ่านตา ได้เป็นอย่างดี ว่า…
คนตรัง สร้างแต่ความดี มีหรือสิ่งดี ดี จะหนีหายจากไป
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา…ก่อนลาจากเมืองแห่งนี้ เหลือบมองเห็น ถ้อยคำที่ติดไว้ข้างผนังที่พัก ความว่า
ถ้อยคำที่เขียนไว้ กระตุกต่อมความคิด ที่ต้องทำให้ย้อนถามใจของตัวเองว่า
…วันคืนที่ล่วงลับผ่านไป เราทำสิ่งใดให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง ถิ่นที่เราอยู่อาศัยบ้างแล้วหรือยัง !!!
หากเปรียบถ้อยคำนี้คือต้นแบบความคิดและการกระทำ จะรู้สึกถึงความสุข…ที่เราได้รับจากการให้ มากกว่าการหลงระเริงความสุขที่คิดแต่จะเอาเพียงฝ่ายเดียว…. มันเป็นความสุขที่ต่างขั้วกันเหลือเกินนะ
ขอบคุณ เสี้ยวหนึ่งของชีวิต ที่ได้สัมผัสดินแดนแห่งนี้ แม้เวลาเพียงน้อยนิด
อดไม่ได้ที่จะคิดถึงกลอนกวีบางห้วงบางตอน ของเธอ….. ผู้มีสายเลือดตรังอยู่เต็มตัว
จิระนันท์ พิตรปรีชา
ดอกไม้เบ่งบานงดงามเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด กับใคร ไม่เลือกว่าจะบานใกล้คนที่ชอบมันหรือไม่ ความรักที่บริสุทธิ์ไร้เงื่อนไข คงเช่นนั้น
ไปเที่ยวตรังอย่างมีความสุขกับคุณพ่อลูกค่ะ :)
ขอบพระคุณดอกไม้กำลังใจที่ส่งมอบมาให้ครับ
ขอบคุณนะคะ เรื่องราวดีๆ ชอบรถตุ๊กตุ๊ก เช่นกัน
เคยเห็นฝันอยากเอามาตกแต่งน่ารักๆเป็นรถขายขนมไทยๆ ;)
ภาพงามและเรื่องเล่าที่น่าสนใจค่ะ..