นึกถึงพ่อ


อัลไซเมอร์

 10 ปีแล้วที่ฉันสูญเสียพ่อไปจากโรคที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย "อัลไซเมอร์"

  ฉันเป็นลูกสาวลำดับที่ 2 เรียนครูจากม.ราชภัฏสุรินทร์ พี่สาวเรียนพยาบาลม.ขอนแก่น ทุนสมเด็จย่า ตอนนี้พี่สาวมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่ที่ขอนแก่นแล้ว

 ส่วนฉันอาศัยอยู่กับพ่อแม่ดูแลท่านทั้งสองมาตลอด จนมาช่วงหนึ่งที่ชีวิตครอบครัวผกผัน มีปัญหาการทำงานธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของพ่อจนต้องปิดกิจการลง

   พ่อเริ่มมีอาการเหม่อลอย เครียด ทานอาหารน้อยลง พูดน้อยลง เป็นระยะประมาณ 1 ปี ฉันพยายามทำให้พ่อสบายใจ ชวนพูดชวนคุย ทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อทำใจให้ได้จากปัญหาทางธุรกิจ แต่ก็ได้ผลน้อยมาก พ่อไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

   หลังจากนั้นก็เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ เดินไปเดินมาทั้งคืน ปนกับการบ่นด่าใครก็ไม่รู้ที่เกิดจากภาพหลอนที่พ่อมองเห็นคนเดียว จนฉันกับแม่ไม่ได้พักผ่อนด้วยกัน กลัวพ่อวิ่งเตลิดหนีไป หรือไม่ก็กลัวพ่อทำร้ายเอาเพราะเห็นเราเป็นอะไรต่าง ๆ ที่ท่านสร้างขึ้นมา ฉันจึงตัดสินใจพาพ่อไปรักษาที่รพ.ประสาทที่จ.อุบลราชธานี แต่ก็ไม่ดีขึ้น (ตอนนั้นคิดว่าพ่อเครียดจนบ้าไปแล้ว) พ่ออาการหนักขึ้นไม่หลับไม่นอน ข้าวปลากินก็บอกไม่ได้กิน หลงลืมบางช่วง แต่ไม่ทั้งหมด และมีอาการสั่นร่วมด่วย หมอบอก พาร์กินสัน(อีกล๊ะ...) ฉันจึงปรึกษากับพี่สาวที่ขอนแก่น พาไปรักษาที่รพ.ศรีนครินทร์ แสกนสมองอย่างละเอียด รักษาตามขั้นตอน หมอบอกว่าพ่อเป็น อัลไซเมอร์ โอ้แม่เจ้า! ฉันไม่คุ้นเคยกัยโรคนี้เลย จึงไปค้นคว้าข้อมูลของโรคนี้ คุยถึงการดูแลรักษากับหมอที่รักษา (มันยากมาก)  ตอนนั้นทราบแต่ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐท่านหนึ่งเป็นโรคนี้อยู่ ในหัวคิดเพียงว่า ทำไมต้องเป็นพ่อเราที่เป็นโรคนี้ โรคที่หมอทั้งหลายในโลกต่างพากันยกธงขาวบอกไม่มีทางรักษาให้หายได้ ฉันจะทำอย่างไรดี.....

     รักษาอยู่รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่นประมาณ 1 เดือน พี่สาวก็ส่งพ่อกลับบ้านมาให้ฉันกับแม่ดูแลพ่อต่อที่บ้าน พ่อได้กินยาบำรุงสมอง ยานอกทั้งนั้น แต่ผลก็คือมันแค่ชะลออาการไม่กำเริบเท่านั้น ไม่นานพ่อก็เป็นอีก ฉันเหนี่ยมากกับการดูแลพ่อ แต่คำว่ากตัญญูมีพลังทำให้ฉันต่อสู้ต่อไป บอกตัวเองห้ามเจ็บห้ามป่วย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครดูแลพ่อได้ แม่ก็แก่เกินกว่าจะรับภาระหนักนี้ได้คนเดียว ฉันปวดใจ ว่าเรียนจบครูมาแต่มาทำหน้าที่พยาบาล ทั้งที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรง  จนอาการพ่อถึงขั้นให้อาหารทางสายยาง ฉันต้องปั่นอาหารใส่ถุงแช่ตู้เย็นไว้ทุกวันก่อนไปโรงเรียน เช็ดตัวทำความสะอาด ทาแป้ง ชวนพูดชวนคุย พาร้องเพลงที่พ่อเคยฟังเคยชอบโดยเฉพาะเพลงของคุณสุรพล สมบัติเจริญ ทูล ทองใจ พ่อก็ฟัง ร้องตามได้บางช่วง ชีวิตฉันช่วงนี้ 3-4 ปี ตัดขาดเพื่อนฝูง และคนรู้จักทั้งหมดดูแลพ่ออย่างเดียว

    วันที่พ่อเสีย วันนั้นฉันเช็ดตัว ทาแป้ง ปั่นอาหารเหลวให้พ่อตามปกติแล้วจึงมาโรงเรียน สังเกตพ่อตัวแข็ง ตาเป็นฝ้าขาว ดูเหนื่อยและผอมแห้งเหลือแต่กระดูก ฉันไม่ค่อยสบายใจจึงโทรหาพี่สาวบอกอาการพ่อไป พี่สาวนิ่งแล้วบอกแต่เพียงว่าดูแลพ่อให้ดี ประมาณ 10 โมงเช้า น้องมาตามบอกว่าพ่ออาการไม่ดี ฉันจึงขออนุญาตกลับบ้าน ดูแลพ่อ ญาติพี่น้องมาดูกันเต็มบ้าน ฉันรู้ว่าพ่อต้องไปแน่จึงพูดข้างหูพ่อว่า

  "พ่อจ๋านึกถึงพระไว้นะ สวดมนต์ตามหนูนะ" ฉันสวดมนต์ข้างหูพ่อ  เป็นบทสวดชินบัญชร ที่เคยสวดประจำ พร้อมกับทำความสะอาดร่างกายให้ หวีผมให้พ่อดูดีที่สุด หล่อที่สุด เสร็จแล้วโทรบอกพี่สาว ไปรีดเสื้อผ้าของพ่อ ชุดที่ท่านโปรดเตรียมไว้ให้ท่าน ประมาณ 12 นาฬิกา พ่อก็จากไปอย่างสงบ ฉันบอกกับพ่อว่า ไม่ต้องห่วงแม่กับน้องหนูกับพี่สาวจะช่วยกันดูแลเอง ขอให้พ่อไปสู่สุคติ อย่าได้ห่วงใยใด ๆ ทั้งสิ้น พ่ออยู่ในจิตวิญญาณของฉันตลอดเวลา 

คำสำคัญ (Tags): #อัลไซเมอร์
หมายเลขบันทึก: 490315เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 14:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 09:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี  ยังใช้ได้อยู่เสมอนะคะ

สวัสดีค่ะ

แวะมาให้กำลังใจค่ะ


กราบงามๆ ขอบพระคุณทุกกำลังใจที่ให้มา มีค่ามหาศาลค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท