ปรองดองความถูก ดีกว่าปรองดองความผิด


การสำนึกต่อความผิดในอดีต และ มีเจตนาจะทำดีในอนาคตต่างหากเล่า ที่จะใช้การกระทำผิดในอดีดให้เป็นคุณแก่ปัจจุบัน ที่ยังจะสร้างสิ่งดีๆในอนาคตได้อีกด้วย

แนวทางการปรองดองในวันนี้ (มิย.๒๕๕๕)  ดูเหมือนว่าเป็นการปรองดอง”ความผิด” คือให้นิรโทษกรรมความผิดในอดีตที่แต่ละฝ่ายได้ทำไว้ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็อ้างว่าสิ่งที่ตนทำเป็น “ความถูก” ด้วยกันทั้งสิ้น (หาใช่ความผิดไม่)  ....และนั้นแหละคือปมปัญหาที่แก้กันไม่หลุดสักที

 

ทักษิณก็ว่าตนถูก ทำอะไรทั้งหมดตามกรอบกฎหมายที่มีมาตรฐานเดียว  ไม่ได้โกงเชิงนโยบายอย่างที่ถูกกล่าวหาเลยสักนิด   ส่วนเงินที่ถูกยึดไปนั้นก็เป็นเพราะเกมส์การเมืองที่ถูกกลั่นแกล้งจากพวกอำมาตย์

 

เสื้อเหลืองก็ว่าตนไม่ผิด เพราะไม่ได้ยึดสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเจตนาก่อการร้ายสักหน่อย เพราะเพียงแค่ไปชุมนุมโดยสันติ อีกทั้งประวัติการชุมนุมอันยาวนานก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าไม่เคยใช้ความรุนแรง  ดังนั้นจึงเป็นการยัดเยียดข้อหาความผิดเกินกว่าเหตุเพื่อหวังผลทางการเมือง

 

ประชาธิปัตย์ก็ว่าตนไม่ผิดเพราะการกระชับพื้นที่เป็นเพียงแค่การใช้อำนาจรัฐเพื่อปราบปรามการก่อการร้ายโดยคนเสื้อดำที่ใช้กลุ่มชนเสื้อแดงเป็นข้ออ้างและเป็นกำบัง  อีกทั้งยิงทหารตายไปหลายศพแล้ว  และทำความเสียหายให้กับย่านธุรกิจกลางเมืองมามากพอแล้ว ทั้งนี้มีกฎหมายที่ชอบธรรมแห่งรัฐรองรับ

 

พวกคนเสื้อแดงก็ว่าตนไม่ผิดที่เผาบ้านเผาเมือง เพราะ “ตกใจ”  และเครียดจากการที่เป็นไพร่

 

พวกอำมาตย์ก็ว่าตนไม่ผิด เพราะเป็นผู้ถูกกระทำ และถูกเข้าใจผิด  มีความอดทนอดกลั้น อีกทั้งมีเมตตาต่อคนชั้นล่างเสมอมา

 

พวกสื่อสารมวลชนก็ว่าตนไม่ผิด ต่างเสนอข่าวด้วยความเป็นกลางเสมอมา

 

 

พวกนายทุนก็อ้างความเป็นกลาง  ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด  เพราะให้เงินกับทุกฝ่าย (แทงกั๊ก)

 

นักวิชาการส่วนใหญ่ (ระดับรองอธิการบดีขึ้นไป) ก็ใช้ยุทธวิธีแบบนายทุน (กลัวถูกตัดงบประมาณในรัฐบาลนี้และรัฐบาลหน้า)

 

 

จึงไม่แปลกอะไรที่วันนี้ดูเหมือนว่าเราทุกฝ่ายต่างกำลังจะปรองดองกันเพื่อให้ทุกฝ่ายพ้นผิด  กล่าวคือ เอาความผิดทั้งหลายมาประมวล แล้วหาสิ่งที่ทำผิดร่วมกัน แล้วก็ยกเลิกความผิดนั้น

 

 

ซึ่งผมว่ามันต่ำและตื้นเกินไป  รู้สึกเสียดายโอกาสชาติ    จึงอยากเสนอทางเลือกให้ “ปรองดองความถูก” แทนการ “ปรองดองความผิด”  

 

ความผิดในอดีตที่ผ่านไปแล้ว มันไม่สามารถแก้ได้หรอกครับ  เช่น กินเหล้าเมากัญชาไปแล้ว สุขภาพสูญเสียไปแล้ว จะไปออกพรบ.ประกาศให้สุขภาพคืนดีดังเดิม มันทำได้หรือครับ เพราะความผิดนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนหวนคืนได้ (irreversible action....ว่าเข้านั่น)

 

 

แต่การสำนึกต่อความผิดในอดีต เรียนรู้จากอดีตจนมีเจตนาจะทำดีในอนาคตต่างหากเล่า ที่จะใช้การกระทำผิดในอดีดให้เป็นคุณแก่ปัจจุบัน ที่ยังจะสร้างสิ่งดีๆในอนาคตได้อีกด้วย

 

 

ดังนั้นผมจึงขอเสนอให้เรามา “ปรองดองความถูก”  กันดีกว่า  โดยหลักการใหญ่ๆ คือ ให้เรามาตรองดูว่า แต่ละฝ่ายมี”ความถูก”ร่วมกันอย่างไรบ้าง  เช่น

 

 

 

แต่ละฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงปราศจากการซื้อขายเสียงเลือกตั้งใช่ไหม

 

แต่ละฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยมีนักการเมืองที่ดี  ปราศจากโกงกินใช่ไหม

 

แต่ละฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยมีข้าราชการที่ดีใช่ไหม

 

แต่ละฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยปราศจากธุรกิจการเมืองใช่ไหม

 

แต่ละฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยปราศจากช่องว่างชนชั้นใช่ไหม

 

 

ดังนั้น ผมเห็นว่าถ้าเราเอาการ “สร้างความถูก”  เป็นตัวตั้ง แทนที่จะเป็นการ “ล้างความผิด”  มันจะทำให้เกิดการพลิกขั้วการปรองดองจากดำเป็นขาว จาก ร้ายเป็นดี ไปได้

 

ทักษิณ เปรม สนธิ อภิสิทธิ์ จตุพร ธีรยุทย์ นิติราษฎร์ เป็นเพียงตัวละครที่มาสร้างสีสันเพื่อกระตุกอารมณ์คนดูเท่านั้นเอง แต่จริงๆแล้วคนดูอย่างเราต่างหากเล่า ที่ต้องออกมาบอกว่าเราอยากดูละครประเภทไหนผ่านการเรตติ้งของเรา

 

 

หนทางหนึ่งที่ผมคิดได้แว่บในบัดดลนี้คือ

 

-ยกร่างรธน.ใหม่โดยสภาประชาชนที่คัดสรรมาอย่างหลากหลาย

-มีข้อแม้ว่ารธน.นี้ต้องไม่ลอกฝรั่งเหมือนที่ผ่านมา  แต่ต้องทำให้สอดคล้องกับวิถีไทยที่มีลักษณะเป็น “อิงนาย”  ที่ต่างจาก “อิงตน” ของฝรั่งมาก โดยต้องทำให้รธน.มีลักษะ “คานอำนาจ” กันให้ได้ ซึ่งทุกวันนี้ฝ่ายบริหาร (นายใหญ่ และ นายเก่า) สามารถสั่งลูกน้อง (ฝ่ายนิติบัญญัติ และ ตุลาการ) ให้ทำอะไรก็ได้ตามอยาก

-ให้ทักษิณพ้นโทษชั่วคราว  อีกทั้งให้นั่งเป็นประธานที่ปรึกษาในการร่าง รธน. นี้  โดยกรรมการอีก ๙ คน คือ ตุลาการศาลรธน.  + อภิสิทธิ์ (หรือชวน)  สนธิ จตุพร เหวง  (จะได้คานอำนาจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ให้ทักษิณชี้นำเสียหมด)

-เงินทักษิณที่ถูกยึดไป 4.6 หมื่นล้าน ให้เอามาเป็นกองทุนค่าใช้จ่ายในการยกร่างรธน.นี้ (ให้มีการวิจัยทางการเมืองสนับสนุนให้มากด้วย)

-เมื่อรธน. คลอดออกมาแล้ว ให้มีการประชาพิจารณ์แบบอิสระในทุกภาคส่วน (ใช้เงินกองทุนฯ)  เป็นเวลา ๑ ปี  จากนั้นให้โหวต โดยผู้มีสิทธิโหวต ต้องสอบได้คะแนนเกินระดับ มีโควตาจำนวนไม่มากเกินกว่า 25% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด  ...ถ้าโหวตผ่านให้ทักษิณพ้นผิดไปด้วยโดยปริยาย แต่หากโหวตไม่ผ่านปลดทักษิณออกจากประธาน แล้วให้ประธานศาลรธน. ทำหน้าที่แทน ทำการปรับร่างใหม่ เพื่อเป็นรธน. ชาติ ต่อไป)

 

 

ทำไมทุกฝ่ายหลายสี ไม่ก่อการดี หันมาประชุมกันว่าจะปรองดองความถูกที่มีอยู่ในตนให้งอกเงยออกมาเป็นสมบัติชาติสืบไปล่ะ วันนี้เราคิดได้กันแต่ปรองดองความผิด เท่านั้นเองหรือ

 

...คนถางทาง (๖ พค. ๒๕๕๕)

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 490275เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 06:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 21:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

วันนี้อ่านแล้วสะดุดในความคิด เนื่องจากวันนี้มีอาการแบบนี้ " การสำนึกต่อความผิดในอดีต และ มีเจตนาจะทำดีในอนาคตต่างหากเล่า ที่จะใช้การกระทำผิดในอดีดให้เป็นคุณแก่ปัจจุบัน ที่ยังจะสร้างสิ่งดีๆในอนาคตได้อีกด้วย"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท