แก่นธรรมแก่นชีวิต:ไดอารี่ชีวิต 40


ธรรมนำชีวิต ธรรมนำปัญญา ธรรมค้ำจุนโลก

 

              ติรตนะ ที่พึ่งของชาวพุทธ

 

      การทำให้ติรตนะ เป็นที่พึ่งได้ ต้องปฏิบัติธัมรตนะเพื่อเข้าถึงพุทธรตนะ เมื่อถึงพุทธรตนะแล้วก็อาศัยอยู่กับความรู้ ตื่น และเบิกบาน เป็นใจที่มีคุณภาพสูง พร้อมที่จะทำงานทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ

 

          มีข้อความที่คนพูดกันบ่อยๆ ว่า ประเทศไทยมีพระพุทธรูปตั้งแต่เล็กที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุดจำนวนมากที่สุดในโลก มีพระธรรมที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เก่าแก่จากท้องถิ่นต่างๆ ทั่วเมืองไทยมากมายจนกระทั่งขณะนี้พระธรรมได้รับการเผยแผ่ไปอย่างกว้างไกลมีอยู่อย่างดาษดื่นในรูปแบบของหนังสือที่สวยงาม ภาษาอ่านง่าย มีอยู่ในแผ่น ซีดี นับไม่ถ้วนกระจายอยู่ตามฐานข้อมูลในรูปแบบที่ทันสมัยที่สุด คือเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก มีพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ประมาณ 300,000 กว่ารูป แต่มีข่าวนักการเมืองไทย การโกงกินเงินภาษีอากรของประชาชนกันอย่างมากมาย จนประชาชนไทยอยู่ในสภาพสะดุ้งผวาต่อนักการเมืองไปเสียแล้ว มีฆาตกร ทั้งโดยตรงและอำพรางมากมายเรือนจำและคุกตะรางหนาแน่นไปด้วยผู้กระทำผิด ยาเสพติดแพร่ระบาดไปทุกกลุ่มชน แม้แต่เยวชนที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษา การปราบปรามยาเสพติด ยิ่งใช้มาตรการรุนแรงเพียงใด ดูเหมือนว่าจะเป็นการท้าทายให้นักค้ายาเสพติดเพิ่มจำนวนมากขึ้นมากกว่าที่จะทำให้รู้สึกเข็ดหลาบ แต่ละเดือนที่เจ้าหน้าที่จับยาเสพติดได้มากมายหลายล้านเม็ด ความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้นเกือบทุกปี

 

          มีคำถามว่า ทำไม รตนะทั้ง 3 ที่มีอยู่อย่างดาษดื่นในประเทศไทยจึงไม่คุ้มครองคนไทยให้พ้นภัยดังกล่าวมานี้ได้บ้าง

       คำตอบก็มีว่า เพราะพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเข้าใจผิดว่า พระพุทธรูปที่มนุษย์สร้างขึ้นมาขนาดเล็กบ้าง ขนาดใหญ่บ้าง จะคุ้มครองรักษาผู้ที่กราบไหว้บูชาอ้อนวอนบวงสรวง พุทธศาสนิกชนทั่วไปจึงเข้าถึงพระพุทธเจ้าด้วยการไหว้พระ การกราบพระ บูชาพระด้วยดอกไม้ธูปเทียน แล้วก็รอให้พระพุทธเจ้าช่วย โดยคิดว่าพระพุทธรูปน้อยใหญ่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลให้ตัวเองได้สิ่งต่างๆ สมความปรารถนาก็เอาแต่กราบไหว้บูชา แต่ปราศจากการนำเอาพุทธะมาไว้ในใจ การกราบไหว้นั้นก็ไม่มีผลใดๆเลย

 

          พระพุทธรูปน้อยใหญ่ทั้งหลายที่มีอยู่อย่างดาษดื่นชุกชุมทั่วประเทศไทยและกำลังลุกลามเข้าไปสู่ประเทศที่ประสงฆ์เดินทางไปทำหน้าที่พระธรรมทูตทั่วโลก เป็นเพียงสัญลักษณ์หรือเป็นที่ตั้งเป็นที่บรรจุ (Containers) แห่งพระพุทธคุณทั้ง 3 (Containers) คือ พระมหากรุณาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ

 

          เมื่อใครกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปด้วยความปรารถนาจะให้พระองค์ดลบันดาลสิ่งที่ตนปรารถนาสำเร็จ แม้พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่พระองค์ก็จะไม่ทรงดลบันดาลสิ่งใดๆ แก่ใครๆเพราะพระองค์คือ พระบรมครูผู้สอนชี้ทาง มิใช่ผู้ดลบันดาลดั่งที่พระองค์ตรัสว่า ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้ทาง ส่วนการทำความเพียรเพื่อเผากิเลสให้สิ้นเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ

 

          พระพุทธปฏิมา ซึ่งแปลว่า องค์แทนพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีพลานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำหน้าที่ดลบันดาลให้ใครที่อ้อนวอนขอ แต่เป็นสัญลักษณ์ชักนำให้สู่การลงมือปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระบรมศาสดา

          แต่เมื่อใครกราบไหว้บูชา หรือเพียงได้เห็นพระพุทธรูปแล้ว ใจของเธอ หรือของเขาน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ ใจของผู้นั้นเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณในขณะนั้นทันที ไม่ต้องรอพระพุทธรูปแสดงปาฏิหาริย์หรือดลบันดาลแต่ประการใด

 

          กล่าวได้ว่า เขาหรือเธออาศัยพระพุทธปฏิมาเป็นยานพาหนะเข้าถึงเนื้อหาแห่งพุทธะ คือ ความรู้ ความตื่น ความเบิกบาน ที่เปี่ยมด้วยความกรุณา บริสุทธิ์ และปัญญาเดี๋ยวนั้นทันที การที่บางคนต้องมีพระพุทธรูปองค์น้อยๆห้อยคอไว้ไม่ห่างหายเวลาอยู่บ้านหรือเดินทางไปไหนทุกหนทุกแห่ง ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ใจได้พักอยู่ กับความรู้ ความตื่น และความเบิกบานที่เปี่ยมด้วยความกรุณา บริสุทธิ์ และปัญญา

 

          แต่ถ้ากราบไหว้หรือห้อยพระไว้ที่คอ เพื่อขอให้พระคุ้มครอง ให้โชค ให้ลาภ ย่อมเป็นการมีพระพุทธรูปไว้กับตัว หรือไหว้พระแบบไสยศาสตร์ คือศาสตร์แห่งความหลับใหล ลุ่มหลงและมัวเมา การกราบพระพุทธรูปหรือการห้อยพระแบบชาวพุทธ จึงต้องมีความเข้าใจและทีท่าที่แตกต่างออกไปจากการทำแบบไสยศาสตร์โดยสิ้นเชิง

 

          มาถึงจุดนี้ก็จะพบคำตอบแล้วว่า ทำไมพระพุทธรูปน้อยใหญ่ไม่ช่วยเหลือประเทศไทยเสียที พระพุทธรูปน้อยใหญ่ไม่เป็นที่พึ่งทางใจเสียที ทั้งนี้เป็นเพราะพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ไปเข้าใจผิดยึดเอาพระพุทธรูปซึ่งเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์จริงๆแล้วละเลยการปฏิบัติธรรมอันเป็นการเข้าถึงพระพุทธเจ้าองค์จริง คือความรู้ ความตื่น ความเบิกบาน อันเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณซึ่งเข้าถึงได้จริงๆและพึ่งได้จริงๆ

 

          ใครเข้าถึงพระพุทธเจ้าองค์ธรรมผ่านองค์แทนอย่างถูกต้อง ก็จะได้ที่พึ่งทางใจอันประเสริฐ มั่นคงปลอดภัย มั่นใจ ตื่นตัว ว่องไว ก้าวหน้า ไม่ลุ่มหลง มัวเมา ในสิ่งมายาใดๆ เพราะพระพุทธเจ้าองค์ธรรมคือ ตัวรู้ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสว่างไสวไม่มีวันมืดมัว

 

          ลองคิดดูเถิด ถ้านักการเมืองไทยประชาชนชาวไทย ส่วนใหญ่ของประเทศ หรือประชากรของโลก ดำเนินชีวิตประจำวันอยู่ด้วยความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีความรู้ ความตื่น และความเบิกบาน เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาต่อกัน มีจิตบริสุทธิ์ รอบรู้เรื่องราวต่างๆตามความเป็นจริงแล้วปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ด้วยสติและปัญญา ประเทศชาติ หรือโลกจะน่าอยู่สักเพียงใด

 

          เมื่อได้พบพุทธรตนะแล้ว ธัมมรตนะ และสังฆรตนะแล้ว ก็จะเชี่ยมโยงถักทอเข้าหากันอย่างกลมเกลียวเหนียวแน่น ไม่ต้องแยกส่วนดังพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อันเป็นเพียงเครื่องบรรจุ (Container) และพุทธรตนะ ธัมมรตนะ และสังฆะรตนะในส่วนเนื้อหา (Content)

 

          การเข้าถึงรตนะ 3 อย่างถูกต้อง ย่อมสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่ได้เข้าถึง ไม่ต้องไปกระทำความผิดโดยประการใดๆ ตามอำนาจของกิเลสที่ฉุดกระชากลากไป การเข้าถึงรตนะ 3 อย่างถูกต้องจะแก้ปัญหา อาชญากรรม ปัญหาโจรกรรม ปัญหาการกดขี่ข่มเหง ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ในสังคมและทางการเมืองได้ ปัญหาการโกงกินคอร์รัปชั่นของนักการเมืองจะลดน้อยจนหมดไปในที่สุด แก้ปัญหายาเสพติดให้ผู้ที่กำลังเสพติด และแก้ปัญหาผู้ค้ายาเสพติดได้เพราะเมื่อได้ลิ้มรสอิสรภาพแล้ว  ย่อมไม่กลับไปหาพันธนาการอีก เพราะปัญหาที่หนักหน่วงรุนแรงที่กล่าวมานี้ มีสาเหตุมาจาก ความโลภบ้าง โกรธบ้าง หลงบ้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีพื้นฐานมาจาก ความไม่รู้ตัว

 

          การแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นคือ การสร้างความรู้ตัวทั่วพร้อมเพื่อเข้าถึงความรู้ตื่นเบิกบานที่เปี่ยมด้วยความกรุณา บริสุทธิ์ และปัญญา

          ความรู้ ตื่น เบิกบาน เป็นเป้าหมายของการแก้ปัญหาทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สุขภาพกาย สุขภาพจิต

          ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมเป็นแผนแม่บท

          การสร้างวิธีการปฏิบัติใดๆ ล้วนตั้งอยู่บนฐานความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เป็นแผนปฏิบัติการ การภาวนา สติปัฏฐาน 4 หรือ อาณาปานสติล้วนแต่เป็นแผนปฏิบัติการที่ตั้งอยู่บนความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เพื่อการเข้าถึงพุทธรตนะ คือความรู้ ตื่น เบิกบาน

 

          เมื่อมนุษย์สามารถเข้าถึงและได้สัมผัสความรู้ ตื่น และเบิกบาน หรือแม้เพียงได้สัมผัสแค่ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมที่สัมผัสได้ตรงๆ ง่ายๆ โดยไม่ต้องผ่านจินตนาการใดๆ ความรู้สึกมั่นใจที่จะพึ่งตนเองก็มีมากขึ้น ความรู้สึกเห็นคุณแห่งความดีและเห็นโทษแห่งความชั่วก็มีง่ายขึ้น ความหิวกระหาย โหยหาทางใจที่เผารนให้ร้อนรุ่มด้วย ราคะ โทสะ และโมหะก็ลดน้อยลง ความศรัทธาในพระรตนะทั้ง 3 ก็มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เมื่อเข้าใจและเข้าถึงรตนะทั้ง 3 อย่างถูกต้องแล้ว ความอิ่มอกอิ่มใจก็มีอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นคนที่มีใจที่เต็มไปด้วยสาระ ไม่มีช่องว่างให้ความไร้สาระปรากฏขึ้น ชีวิตดำเนินไปอย่างมีคุณค่า ยิ่งประจักษ์แจ้ง แจ่มชัดมากเท่าไร ย่อมห่างไกลจากการทำผิด ทำชั่ว ได้เท่านั้น

 

          ผู้ที่เข้าถึงรตนะทั้ง 3 แล้ว จะเข้าถึงหัวใจของพระพุทธศาสนาที่ว่า ไม่ทำชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ชำระจิตให้บริสุทธิ์ ใจก็จะมีที่พึ่งอันประเสริฐ จะหาที่พึ่งอื่นไม่ได้เลยดังบทสาธยายที่ชาวพุทธได้สาธยายบ่อยๆว่า ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พุทธะ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี ธัมมะ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี สังฆะ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า เพราะเข้าถึงและสัมผัสด้วยใจอย่างแท้จริง

 

         ธรรมะจากวัด (ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดลอยฟ้า www.skytemple.org)

 

    ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสารเทคโนโลยี่ชาวบ้าน(มติชน)

 

           ขอบพระคุณและสวัสดีค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 490254เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 23:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 20:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ธรรรมสวัสดีในยามเช้าค่ะคุณน้อย

มาอ่านธรรมะรับวันใหม่ ด้วยใจที่สงบ

ขอบคุณค่ะ :)

 สวัสดีค่ะคุณปริม...คุณปริมสบายดีนะคะ.

...บทธรรมะบทเดียวแต่ต้องแบ่งเป็นสองตอน(39,40) นั่งจิ้ม(พิมพ์)อยู่4วัน(ช่วงว่างจากงานใจสงบ) จิ้มไปพิจารณาไป...

...อ่านแล้วใจสงบ อ่านแล้วเห็นตัวเอง อ่านแล้วมีคำถากับตัวเอง... ดีค่ะ.

...ขอบคุณค่ะ...

 ขอบพระคุณสำหรับดอกไม้และกำลังใจจากทุกๆท่านค่ะ...ขอทุกท่านพบสุขในสุขยิ่งๆขึ้นไปค่ะ...

บูชาพระพุทธองค์ ด้วยการบำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมให้รู้แจ้ง สู่ความพ้นทุกข์ ตามพุทธวิถีนะคะ..

สวัสดีค่ะคุณน้อย

ปริมเรียนรู้วิธีการใส่เพลงจากบันทึกนี้ค่ะ คุณน้อยลองทำตามนะคะไม่ยากค่ะ สนุกดีค่ะ

วิธีนี้เป็นการใส่เพลงแบบไม่มี autoplay ให้คนอ่านเปิดฟังเอง

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/443983

วิธีใส่เพลงในช่องความคิดเห็นก็ใส่เช่นกันค่ะ

หากต้องการใส่เพลงแบบ autoplay อ. หมอ ป. แนะนำไว้ในบันทึกนี้ค่ะ

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/487648

 

ถ้ามีอะไรสงสัยและปริมพอช่วยได้ ยินดีเสมอนะคะ :)

 

 

 

สวัสดีค่ะคุณใหญ่...กราบขอบพระคุณสำหรับดอกไม้และกำลัังใจค่ะ ชีวิตฝากไว้กับธรรมะ ค่อยๆทำเหมือนน้ำทีละหยดค่ะ"สักวัน"

สวัสดีวันฝนพรำค่ะคุณปริม...ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับคำแนะนำ จะนำไปฝึกใช้ค่ะ เสียงเพลงเป็นอีกบรรยากาศที่ช่วยให้ใจผ่อนคลายได้จากภาวะตึงเครียดต่างๆในการดำเนินชีวิต(นอกจากต้นไม้ธรรมชาติรอบๆกายค่ะ) ยอมรับกับความรู้ด้านเทคโนโลยีน้อยเองเป็นประเภทความจำสั้นแต่รักฉันยาวค่ะ..อิอิ(คนโง่ๆ)

 สวัสดีค่ะคุณหนูรี...ขอบพระคุณสำหรับดอกไม้และกำลังใจค่ะ.

ทักษะเทคนิคแบบนี้ใช้ครั้งเดียวก็ทำเป็นและจำได้ตลอดค่ะ ไม่ยากค่ะ

อีกวิธีหนึ่งที่ปริมทำคือการเรียกไอค่อนรูปวีดีโอฟิลม์ ในเครื่องมือจัดข้อความขึ้นมาแล้ว copy address จากหน้าต่างของ youtube ที่ขึ้นต้นด้วย http มาใส่ตรงช่อง URL ของหน้าต่างที่ขึ้นมาในการการเพิ่มบันทึก เลยค่ะ วิธีนี้ทำได้ง่าย สะดวก สำหรับการใส่เพลงในบันทึกใหม่ และเป็นแบบไม่ใช่ autoplay หากเป็นการใส่เพลงในความคิดเห็นต้องใช้ HTML ค่ะ

 สวัสดีหลังอาหารค่ะคุณปริม...ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ ปีนี้ฝนฟ้าที่สวนเป็นใจให้ได้พักในฤดูฝน ให้ได้มีเวลาศึกษาเรียนรู้ข้อมูลกับบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ค่ะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท