การเปิดชั้นเรียนเป็นบันไดขั้นแรกของการก้าวสู่ความเป็นผู้ที่มีชำนาญในการจัดกระบวนการเรียนรู้ ความรู้ปฏิบัติมากมายที่เพื่อนครูช่วยกันคิดช่วยกันทำ เรียงตัวกันอยู่ในแบบบันทึกก่อนสอน บันทึกขณะสอน และแบบสะท้อนหลังสอน
คุณครูตั๊ก – รัตดารา มกรมณี คุณครูเจ้าของหน่วยวิชาภูมิปัญญาภาษาไทย ชั้น ๓ ใช้เวลาหลายวันค่อยๆ ตกผลึกความรู้จากการปฏิบัติที่เกิดขึ้นระหว่างการเปิดชั้นเรียน เพื่อทบทวนว่าตนเองได้เรียนรู้อะไร
การเขียนแผน Open Approach
การสร้างโจทย์สถานการณ์
ความเข้าใจในวิธีอ่านและประเมินผู้เรียนในขณะเรียนรู้
ประสบการณ์ความรู้ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
การเปิดชั้นเรียนทำให้เข้าใจหลักการเขียนแผนฯ การจัดกระบวนการเรียนรู้ และการจัดการชั้นเรียน ตลอดจน มีความเข้าใจในวิธีอ่านและประเมินผู้เรียนในขณะเรียนรู้ ในแนวทาง Open Approach ได้ดีมากขึ้น เนื่องจากได้รับประสบการณ์ตรงจากการที่เราได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง ทั้งยังต้องฝึกฝนตัวเองให้เป็นครูยุคใหม่ที่พูดน้อย ฟังให้มาก เพื่อให้เด็กเรียนรู้ได้มากที่สุด
ที่สำคัญคือการฝึกฝนจิตใจให้พร้อมรับข้อคิดเห็นและพร้อมปรับปรุง เพื่อพัฒนาศักยภาพรอบด้าน แต่ยังคงมีความสับสนในเรื่องของการสร้างโจทย์สถานการณ์อยู่บ้าง ว่าเราควรใช้โจทย์สถานการณ์แบบใดจึงจะเป็นโจทย์สถานการณ์แบบ Open Approach ที่ไม่ได้เป็นแค่ Active Learning และการจับประเด็นการเรียนรู้ที่ละเอียดอ่อน (Meaningful) ที่ครูปาดแนะนำไว้คืออะไร และครูจะมีวิธีในการปฏิบัติอย่างไร
ผลที่เกิดขึ้นจากการเปิดชั้นเรียน
สิ่งที่ได้เรียนรู้และเห็นผลที่สุดคือ ตัวผู้เรียนมีวิถีการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปจากเดิม คือ ผู้เรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้มากขึ้น มีส่วนร่วมนำเสนอข้อค้นพบ วิธีในการแก้ปัญหา และ ร่วมแสดงความคิดเห็นจากมุมมองของตนเองอย่างทั่วถึง ผู้เรียนที่ไม่ค่อยกล้าเสนอความคิดก็เริ่มกล้าพูดมากขึ้น มั่นใจมากขึ้น มีการร้อยเรียงกระบวนการเรียนรู้ความรู้อย่างเป็นลำดับขั้น โจทย์สถานการณ์สามารถสร้างความท้าทายทำให้นักเรียนอยากเรียนรู้ และสามารถสร้างชิ้นงานที่มีคุณภาพออกมาได้มากขึ้น รับฟังกันมากขึ้น เมื่อมีคนพูดเพื่อนที่เหลือก็พยายามฟังเพื่อจะได้ติดตามกันว่าห้องเรียนกำลังดำเนินไปถึงไหน
ตัวครูเองก็เห็นแนวทางที่จะสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่ดีขึ้น และเห็นสภาพจริงของเด็ก เห็นวิธีส่งเสริม ซ่อมเสริมนักเรียนชัดเจนขึ้น และเมื่อเกิดข้อสงสัย ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุและหาวิธีแก้ไขได้ด้วยตนเอง ทั้งเด็กและครูได้เรียนรู้ไปด้วยกัน และเกิดการเรียนรู้ที่ชัดเจนขึ้นด้วย
ในส่วนของครูผู้สอน แม้ว่าการจัดการเรียนการสอนแบบ Open Approach จะเป็นงานที่ยาก ท้าทาย เหน็ดเหนื่อย ใช้ทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงสมองเป็นอย่างมาก กว่าจะได้มาซึ่งแผนการสอนในแต่ละครั้ง แต่เมื่อได้มาแล้ว จากแผนการสอนที่ละเอียดความแม่นยำ มีลำดับขั้นตอน ช่วยให้ผู้สอนเองสอนได้ง่ายขึ้น เป็นลำดับชัดเจนมากขึ้น พูดอธิบายน้อยลงแต่การเรียนรู้ได้รับผลอย่างเต็มที่ เห็นภาพห้องเรียนตั้งแต่ยังไม่ได้เดินเข้าห้อง
การร่วมกันคิดของกลุ่มเพื่อนครูด้วยกันเองเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแผนที่มีคุณภาพ และการทำงานร่วมกัน ยังช่วยเปิดความคิด ขยายมุมมองในการทำงาน อีกทั้งยังช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันอีกด้วย
การประเมินผลหลังการสอนในแต่ละครั้ง เป็นส่วนสำคัญในการให้ผู้สอนได้รับรู้จุดดี จุดด้อยของตนเอง แนวทางการปรับแก้ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาการสอนของตนเอง เป็นฝึกฝนภาวะภายในในการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ลด ละ วาง ตัวตนมากขึ้น อันจะส่งผลให้เราได้พัฒนาตัวตนไปอีกขั้นหนึ่งของการเป็นครูที่ดีมีคุณภาพ ทำให้เราได้รับความรู้ เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาตนเองในทุกด้าน และส่งผลต่อการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้เอง ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้อย่างแท้จริง
เห็นด้วยค่ะครูใหม่ว่ารูปแบบนี้เหนื่อยหนักแต่ท้าทาย ใครว่าเป็นครูสบายนะคะ :)
ผมประเมินว่า ครูตั๊กเข้าขั้น master teacher แล้วครับ ทำอย่างนี้ต่อเนื่องไปอีกสัก ๓ ปี ผมเชื่อว่าครูตั๊กจะได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ผมขอเสนอให้ รร. เพลินพัฒนาเตรียมเขียนหนังสือ "การเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑ : เพลินพัฒนาโมเดล ทั้งนักเรียนและครูพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง"
วิจารณ์
เรียน อาจารย์วิจารณ์ ที่เคารพ
หนูขอน้อมรับคำเสนอของอาจารย์ด้วยความยินดีค่ะ
ด้วยความเคารพ ครูใหม่