โตนี่ - ฟาง. GotoKnow.
* เพิ่งลงมาจากท้องฟ้าตัวยังอุ่นอยู่เลย
เอ้า..ต้องลงน้ำกันอีกแล้วหรือนี่?ใครที่ยังไม่เคยลงน้ำก็ระวังอย่าให้สำลักก็แล้วกัน
สมบัติใต้น้ำ.
ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่ออยากให้ท่าน..ได้ทราบถึงสมบัติใต้น้ำที่มีอยู่ในท้องทะเลบ้านเรา
ของเหล่านั้นเป็นของล้ำค่าและเป็นสมบัติของแผ่นดิน
ซึ่งมีค่าควรเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานไทยได้ชมและศึกษากัน
มิใช่ให้ใครไปดำขึ้นมาและเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว
อย่างน้อยเราควรจะหวงแหนและรักษาไว้เยี่ยงกับวีรบุรุษบาป..ในนาม“ขุนเดช”ที่ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี..ยังไม่สายที่จะกลับไปชมรายการทีวีที่ดีดีเช่นนี้.
พูดถึงทรัพย์สมบัติแล้ว เรา - ท่านๆ คงทราบกันดีน๊ะว่า..สมบัติ
- Asset.คือของมีค่านั่นเอง.
ไม่ว่าจะมีราคามากหรือน้อยเพียงใด ?
และไม่ว่าสมบัติเหล่านั้นจะอยู่บนบก หรืออยู่ในน้ำก็ตาม.
เรื่องที่ผมกำลังจะเขียนนี้เป็นเรื่องของสมบัติใต้น้ำ..ในท้องทะเลไทย
ที่มีการค้นพบโดยบังเอิญและต่อมา..ได้มีการออกค้นหากันแบบเป็นล่ำเป็นสัน.
๑.ไหโบราณที่ค้นพบจากใต้ทะเล.
ย้อนไปเมื่อประมาณปีกลาง ๒๕๑๕ - ๒๕๑๖
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแถวๆพัทยาใต้..ที่วัดแห่งหนึ่ง. ซึ่งมีคนไทยใจบุญจากกรุงเทพฯ
ได้ไปทำบุญที่วัดดังกล่าวแล้วเผอิญไปพบกับถ้วยและไหโบราณเข้า.
วางเกะกะอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นไปบนกุฏิพระ.สมบัติล้ำค่าดังกล่าวนี้เป็นของสมัยสุโขทัย..แต่มีชาวบ้านนำขึ้นมาจากทะเล
และได้นำมามอบให้กับทางวัด.
แต่ช่วงแรกนั้นก็ดูเหมือนไม่ค่อยมีค่านัก..เพราะคนที่มาพบเห็นส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักหรือรู้คุณค่ากัน..สายวันต่อมา..เรื่องนี้เริ่มเป็นที่สนใจของชาวไทยบางคนบางกลุ่ม
เพราะคนที่มาพบนั้นพอมีความรู้เรื่องสมบัติโบราณบ้าง
จึงเริ่มมีการค้นหาที่มาของไหเก่าใบนั้น.
พระรูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่า..มีชาวประมงในย่านหมู่บ้านทัพพระยา.
ชื่อเดิมของพัทยา.
ออกไปหาปลาที่บริเวณหน้าอ่าว..
๒.
นักดำน้ำเริ่มดำลงไปค้นหาสมบัติใต้น้ำ. ปี
๒๕๑๖
ระหว่างที่ตกปลานั้น พอปลากินเบ็ดครั้งแรกก็ดึงเบ็ดขึ้นมา
ชาวประมงกำลังเอื้อมมือออกไปเพื่อจะหยิบตัวปลาก็ปรากฏว่า..ปลาหลุดออกไปพร้อมไหใบเล็ก
ต่อมาก็ยังเป็นเช่นเดิมจึงพบว่ามีปลาเข้าไปอยู่ในไหโบราณ
ชาวประมงจึงค่อยๆประคองยกคันเบ็ดขึ้นมา
ครั้งนั้นจึงขึ้นมาพร้อมกันทั้งไหและตัวปลา
พอได้ไหก็ไม่รู้จักว่าเป็นสมบัติโบราณจึงนำมามอบให้กับทางวัด
ต่อมาพอมีคนที่รู้จักมาพบเข้าก็ทำให้ของชิ้นนั้น..มีค่ามากขึ้น
มีการติดต่อขอซื้อจากทางวัดแต่เจ้าอาวาสคงกลัวจะผิดศีล
จึงไม่ได้ขายให้
และต่อมาจึงเกิดการตามล่าหาสมบัติดังกล่าว..หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีผู้เขียนร่วมด้วย.เพราะเพื่อนรุ่นพี่ชวนไปค้นหากับเขาด้วย.
มีนายทุนใหญ่จากเมืองพัทยาซึ่งเป็นข้าราชการได้ว่าจ้างให้บรรดาลูกน้องชาวเรือ..
ออกค้นหาตามที่คิดว่าเรือน่าจะจมที่บริเวณนั้น.
๓.
การดำน้ำแบบใช้สนอร์เกิ้ล.
-
ดำผิวน้ำ.
เรือที่นำออกไปค้นหานั้น ส่วนใหญ่เป็นเรือลากสกีบ้าง
เรือเร็วที่ให้นักท่องเที่ยวเช่าบ้าง ออกค้นหาบริเวณหน้าอ่าวพัทยา.
ห่างฝั่งออก.ประมาณ ๒๐ -
๓๐ไมล์ทะเล.ก่อนดำเนินการมีการแบ่งและจัดกลุ่มกันขึ้นเช่น
ใครเป็นผู้จัดหาเรือ..ใช้เรือเร็วจากพัทยา.
ใครเป็นผู้จัดหานักดำน้ำพร้อมอุปกรณ์..มนุษย์กบจากเกาะพระ..ใครจัดหารถสองแถวรับ
- ส่งบรรดานักดำน้ำเหล่านี้ ส่วนใหญ่พักอยู่ที่บ้านพักกร. ส่วนเรื่องค่าตัวหรือการแบ่งสมบัติกันนั้นผู้เขียนไม่ทราบจริงๆ..จึงไม่สามารถนำมาเขียนให้ท่านได้ทราบกัน
ต้องขออภัยน๊ะครับ.
เมื่อพร้อมแล้วทุกฝ่ายก็มารอขึ้นเรือบริเวณจุดนัดพบหน้าอ่าวพัทยา.
แถวๆต้นไม้ใหญ่ก่อนจะเข้าไปย่านถนนคนเดิน
สมัยนั้นรถจะต้องมาเลี้ยวที่บริเวณต้นไม้ใหญ่ เพื่อขึ้นจากถนนชายทะเลมายังถนนสายที่สอง..
๔. หน้ากาก ตีนกบ
และสนอร์เกิ้ล. - ขอบคุณภาพจากเน็ทวิจารณ์.
ผู้เขียนจำไม่ได้แล้วว่ามีการตัดต้นไม้ใหญ่ออกและเปิดเป็นถนนคนเดินตั้งแต่เมื่อไร
? เฮ้อวิชาประวัติศาสตร์นั้นสอบผ่านก็ถือว่าบุญแล้วล่ะครับ !ปี ๒๕๑๖
นักท่องเที่ยวยังไม่มากมายเท่าในปัจจุบัน และถนนหนทางก็ว่างโล่ง
ใครจะไปไหนกันก็ยังไม่เป็นเป้าสายตาของใครใคร
? ทุกอย่างพร้อมแล้วเรือเร็วของทีมล่าสมบัติก็ออกวิ่งฝ่าคลื่น
ออกจากฝั่งไปตามทิศทางที่คนขับเรือทราบมา.ระหว่างเดินทางผมอยากเล่าถึงการดำน้ำ..เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบเป็นแนวทางไว้บ้าง
ถ้าเผื่อมีโอกาสไปดำกับเขาจะได้พอรู้..
๑. การดำน้ำที่เรียกว่าดำบนผิวน้ำ ,
ดำน้ำตื้น. หรือแบบสนอร์เกิ้ลลิ่ง. -
Snorkeling. เช่นดำดูปลาสวยงาม. หอยเม่น ปลาต่างๆ
การดำแบบนี้ตัวจะลอยอยู่กับชูชีพ. ถ้ามีการสวมใส่.
ปกติตัวผู้ดำจะลอยอยู่บนผิวน้ำ
ต่อมามีการวิวัฒนาการขึ้นด้วยการใช้ถังออกซิเจน แต่
ส่วนใหญ่ยังดำอยู่บริเวณผิวน้ำเท่านั้น !