เมื่อวานช่วงเที่ยงกลับมาที่พักก็พบว่าน้ำไม่ไหล น่าจะเพราะกำลังมีการเจาะพื้นถนนเพื่อฝังท่อน้ำขนาดใหญ่ แต่ทางกองอาคารสถานที่ของคณะฯไม่ได้แจ้งผู้พักอาศัยเลยว่าให้สำรองน้ำไว้ใช้ตามที่ปกติมักจะมีการแจ้งล่วงหน้า ก็เริ่มคิดแล้วว่า เอ๊ะ แล้วเย็นๆกลับมาเราจะมีน้ำใช้ไหมหนอ ปรากฎว่าน้ำก็ยังคงไม่ไหล ดีที่เราจะมีถังน้ำขนาดย่อมๆที่เก็บน้ำไว้เผื่อใช้อยู่ ก็ได้ใช้น้ำนั้นในการอาบ (เพราะอากาศร้อนจนต้องอาบน้ำ) ใช้ไปวางแผนไป คือต้องให้ใช้น้ำน้อยที่สุดแต่ทั่วตัวที่สุด เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จำเป็นต้องใช้น้ำ
เรื่องนี้ทำให้คิดถึงหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูแต่ลืมชื่อไปแล้ว ที่ทอม แฮงค์แสดงนำ ในเรื่องพระเอกเป็นมหาเศรษฐีที่มีทุกอย่างพร้อมพรั่ง ใช้ชีวิตสุขสบายไม่เคยขาดแคลนอะไรเลย แล้ววันหนึ่งเกิดต้องไปติดเกาะที่ไม่มีอะไรเลย ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างติดดินเพื่อเอาชีวิตให้รอด สุดท้ายก็ได้กลับมา แต่มุมมองต่างๆในการใช้ชีวิตก็ต่างไปเลย จำได้ว่าหนังมีฉากที่ทำให้เราได้ฉุกคิดเยอะมากๆว่า ของที่แสนจะธรรมดาในชีวิตที่เราไม่เคยนึกถึง เมื่อเราไปอยู่ในที่ๆไม่มีแล้วเราต้องใช้ เราจะรู้ว่า ของสิ่งนั้นสำคัญและจำเป็น
ขนาดเราเองเป็นคนที่เห็นคุณค่ากับของทุกอย่างในชีวิต กินข้าวในจานหมดทุกเม็ดไม่เคยเหลือทิ้ง ไม่เคยกินอะไรทิ้งๆขว้างๆ คิดเสมอว่ายังมีคนอีกมากไม่มีกิน ใช้ของอะไรก็พยายามให้พอดี พอเพียงไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดจนเกินไป มาถึงวันที่มีน้ำใช้จำกัด ก็ยังฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ในแต่ละวันเรายังใช้น้ำแบบทิ้งๆขว้างๆมากจริงๆ เพราะเมื่อเราจำเป็น เราสามารถใช้แบบจำกัดได้น้อยกว่าที่ทำอยู่เยอะทีเดียว แสดงว่ายังมีอะไรอีกมากที่เรามองข้ามไปในแต่ละวันของชีวิต ต้องหันมาพิจารณาดูแล้วว่า เรายังใช้อะไรๆมากเกินกว่าที่ควรอีกบ้าง ไม่ต้องรอจนขาดแคลนค่อยมาระลึกได้ เขียนบันทึกนี้เพื่อเตือนตัวเองค่ะ
Cast Away หรือเปล่าคะพี่โอ๋
สวัสดียามดึกค่ะ
เคยเจอปัญหาเหมือนกันนะคะ วันที่เจอปัญหาก็ประหยัดน้ำแบบสุด ๆ แต่ตอนนี้ได้แก้ไขโดยการเก็บน้ำไว้ในถังสำรองคะ
มายืนยันว่าคือ cast away ค่ะ
อ่านบันทึกนี้แล้วเข้าใจเลยค่ะ
ของใช้ที่เราเคยมีมากกว่าห้าชิ้น ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย
ตอนนี้เราไม่มีเลยสักชิ้น ปรากฎว่าอยู่ได้ และบางอย่างเรามีน้อย
ก็ใช้น้อยให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น
ลิปสติกสีไม่มีเลยเพราะคิดว่าไม่จำเป็น
(แต่ยังมีลิปมันทากันริมฝีปากแตกเพราะอากาศหนาวและแห้งจริง ๆ)
เสื้อผ้า ปัจจุบันมีใช้ใส่ห่อหุ้มร่างกาย และป้องกันอากาศหนาวเย็น
มีตามความจำเป็นประมาณชนิดละสามตัว ใส่เป็นชั้นใน
อันนี้เลือกที่ใส่นอนได้ด้วย ใส่ชั้นกลางและใส่ด้านนอกสุด
รองเท้ามีแบบผ้าใบนักกีฬาหนึ่งคู่สำหรับเดิน
และบู๊ตอีกหนึ่งคู่สำหรับกันหนาวและฝน
ฯลฯ
สิ่งที่รู้สึกว่ามีมากกว่าตอนอยู่บ้านคือ เวลา และการทำงานที่ทำได้มากกว่า
อืม เขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้บ้างดีกว่า ขอบคุณค่ะ คุณโอ๋
I live in "the sticks" - there is no town water supply.
This is my water supply:
ขอบคุณค่ะ น้องปริม และคุณหมอเล็ก ใช่เลยค่ะ Cast Away นี่แหละค่ะ
คุณคะ พี่โอ๋เตรียมไว้แล้ว แต่มาคิดได้ว่า ถ้าเราใช้แบบประหยัดตลอดเวลาเลยคงจะดีกว่าที่จะต้องรอจนไม่มีถึงมาประหยัดนะคะ พอเรามีมากเสมอๆ เราก็จะไม่ทันคิดน่ะค่ะ
คุณหมอเล็กโชคดีนะคะ ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้การใช้ชีวิตอีกแบบ ถ้าอยู่บ้านเราก็จะไม่มีทางได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้แน่ๆ
Khun, you're so lucky to be able to live in such a place. Nature is our best friend.
เรื่องแบบนี้.. ถ้าไม่เจอกับตนเอง.. มักไม่รู้ซึ้งค่ะ
เหมือนเรื่อง "น้องน้ำ"
ปีที่แล้วไงจ๊ะ
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ที่ไม่ควรมองข้ามครับ
สัจธรรมนี้เข้ากันได้กับหลายๆสถานการณ์นะคะ - ทุกๆอย่างในโลกนี้มันมีคุณค่าในตัวเองทั้งหมดค่ะ - แต่มันจะมีคุณค่าแตกต่างกันตรงที่ระดับความต้องการสิ่งนั้น ณ เวลานั้นๆ เป็นตัวกำหนดความสำคัญค่ะ --
คุณโอ๋ค่ะ..บันทึกที่ดีๆเช่นนี้ คงไม่เฉพาะเอาไว้เตือนตน ตามที่เขียนไว้ท้ายบันทึก..เท่าันั้นค่ะ ..ได้ช่วยกันเตือนทุกคนให้ตระหนักในสิ่งเหล่านี้ หากร่วมกันคนละไม้คนละมือ ก็จะมีพลังมากขึ้นค่ะ..ขอบคุณค่ะ .อืม!!..ชอบหนังเรื่อง Cast Away เช่นกันค่ะ :-))..