อาชีพครูต้องมีการพัฒนาทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิต เพื่อก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างรู้เท่า-รู้ทัน แต่ลักษณะภาระงานของคุณครูไทยยุคศตวรรษที่ 21 ไม่เอื้อต่อการพัฒนาความรู้ในวิชาชีพเท่าไรนัก การมาอบรมครั้งนี้จึงพยายามใช้เวลาทุกนาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คุ้มค่ากับการใช้เวลาราชการฯ และคุ้มทุนของ Japan Foundation ที่เห็นคุณค่าในการพัฒนาครูตัวน้อยๆ ที่ไม่ได้ใช้นามสกุล กพ. เสียงนอกห้องไม่ดัง อาศัยผลงานที่เกิดจากความมานะพยายามที่จะพัฒนาเยาวชนในแถบชนบทให้มีความรู้ทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์ชิวิตที่สามารถดำรงชีพอยู่ในสังคมโลกได้อย่างมีความสุข
บริเวณทางเข้าสวนสาธารณะของ Kita Urawa
***…การพัฒนาการศึกษานั้น อันดับแรกต้องพัฒนาครูก่อน หากครูยังไม่ได้รับการพัฒนา แล้วจะไปพัฒนาเด็กๆ ได้อย่างไรกัน ประสบการณ์ตรงช่วยสร้างความมั่นใจในการสอน และพัฒนาระดับคุณภาพการศึกษาให้สูงขึ้น …***
สมาชิกผู้เข้าอบรมฯ จากประเทศไทย / หนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่จากหลายประเทศ
สภาพแวดล้อมที่นี่ช่วยให้พัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นทั้ง 4ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งการฝึกฝนเรียนรู้ในชั้นเรียน และการออกไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นข้างนอก ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเลือกดำเนินกิจกรรมได้อย่างอิสระในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์( ยกเว้นอยู่ 2 สัปดาห์ที่ทางโครงการฯ กำหนดทางเลือกให้ แต่ใครไม่เข้าร่วมก็ได้ )
เด็กน้อยชาวญี่ปุ่นที่ Yono Park
บางรายนัดหมายไปเยี่ยมเยียนชาวญี่ปุ่นที่รู้จัก บางรายไปศึกษาวัฒนธรรมและสถานที่ต่างๆ แต่ละคนล้วน มีวิธีการ ศึกษาเรียนรู้ในการพัฒนาตนเองต่างกันไปตามความสนใจ ผู้เขียนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปตามกำหนดการของปฏิทินงานเทศกาล ต่างๆเท่าที่โอกาสจะอำนวย
***... สำหรับคิวทองของสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นรายการไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงด้านภาษาฯ ของประเทศญี่ปุ่น จัดเป็นเรื่องของสาระฯล้วนๆ ...***
มหาวิทยาลัย Kanda University of International Studies
น้องจากจังหวัดระยองชวนไปเยี่ยมเยียน อาจารย์พรศรี ไรท์ ที่มหาวิทยาลัย Kanda University of International Studies ตั้งอยู่ที่เมือง Chiba (ศึกษาที่นี่) เผอิญน้องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็มีเพื่อนรับทุนมาทำวิจัยที่มหาวิทยาลัย Chiba เช่นกัน งานนี้มาครั้งเดียว….แต่ได้ประโยชน์หลายต่อ อาทิเช่น ….
ได้รับรางวัลในการออกแบบอาคารที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
ต่อที่หนึ่ง .... เป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสชมการจัดงาน นิทรรศการเชิงสร้างสรรค์ของเด็กๆในชมรมของมหาวิทยาลัยฯ ชมรมส่วนใหญ่จัดกิจกรรมหารายได้ไปช่วยสังคมส่วนรวม ฯลฯ นับว่าได้ประโยชน์หลายชั้น ที่สำคัญ เป็นการฝึกฝนและสร้างจิตสำนึกในการช่วยเหลือสังคมที่ดี
พิธีเปิดแบบเรียบง่าย
ต่อที่สอง... ได้มาเห็นความเจริญก้าวหน้าของ การเรียนการสอนภาษาไทยและการพัฒนาการสอนภาษาต่างประเทศของมหาวิทยาลัย ฯ
ศาลาไทยสวยเด่นเป็นสง่าในอาคารของคณะภาษาต่างประเทศฯ ดำเนินการสร้างที่เมืองไทยและนำมาจัดแสดงที่นี่
ลงทุนจัดสถานที่จำลองตามรูปแบบของประเทศต่างๆ
ต่อที่สาม ....ได้เพื่อนทางการศึกษาเพิ่มขึ้น มีโอกาสได้แลกเปลี่ยน-เรียนรู้และคาดหวังที่จะร่วมพัฒนางานทางด้านภาษาด้วยกันต่อไป
แกงเขียวหวานรสชาติอร่อยลิ้น ฝีมือนักศึกษาชาวญี่ปุ่น / คู่แฝดชาวญี่ปุ่น
นักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวไทย 5 คนร่วมแสดงดนตรีไทย / การรำไทยอย่างสวยงามของนักศึกษาชาวญี่ปุ่น
ต่อที่สี่ ....มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมและสัมผัสการใช้ชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่น ได้ทำบุญ-ทำกุศลด้วยการบริจาคซื้อเสื้อกับชมรม และของอื่นๆ
บริจาคเงินซื้อเสื้อและสิ่งของต่างๆ หลากหลายรายการ
จัดนิทรรศการฯ แสดงข้อมูลประกอบ
สิ่งของมากมาย ที่รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือส่วนรวม
สิ่งที่ประทับใจมากมายคือ การได้รู้จักคนที่มีจิตใจดี มีความคิดกว้างไกลและรู้จักวิธีการพัฒนางานให้ก้าวหน้า ช่วยเพิ่มพูนข้อคิดและมุมมองในการพัฒนาการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
ศิษย์เก่าเรียนเอกภาษาไทยและเคยไปเรียนที่เมืองไทย/ ศิษย์ปัจจุบันกำลังจะไปช่วยสอนที่ประเทศไทยในเร็วๆนี้
ประสบการณ์เรียนรู้เหล่านี้ ต้องได้สัมผัสด้วยตนเอง ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน จึงจะเข้าใจข้อเท็จจริงอย่างถ่องแท้ การศึกษาเรียนรู้บางเรื่องหากใช้วิธีการเปิดอ่านจากตำราอ้างอิง ข้อมูลที่ได้อาจไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
ที่น่าเเป็นห่วงคือ " การพัฒนาการศึกษาแบบไม่ยั่งยืน " ผู้คุมนโยบายการบริหารจัดการฯ หลายคน ไม่เข้าใจหลักการในการพัฒนาการศึกษา-การพัฒนาคน...โดยเฉพาะเรื่องธรรมชาติของการพัฒนาด้านภาษา อยากเห็นผลของความสำเร็จแต่ไม่ยอมลงทุนแบบจริงจัง สนใจมองแต่ตัวเลขกลมๆ ได้ผลกำไรแบบฉาบฉวย... สิ่งเหล่านี้เป็นข้อยืนยันผลการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานลงทุกปี และอีกไม่นานคงไปรั้งอยู่ลำดับท้ายของกลุ่มประเทศอาเซียน
*... ขอบคุณ อาจารย์พรศรี ไรท์ ที่ให้การต้อนรับด้วยไมตรีจิต...*
***…ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ …***
ก้าวให้ทัน...การเปลี่ยนแปลง....ของสังคม....อย่างรู้เท่า-รู้ทัน...
เห็นด้วยค่ะ ----
ขอบคุณในบทความดีๆนี้นะคะ