“...ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย.
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว ...
…เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง
ฤๅจะมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา
เอาตัวรอดกระนั้นฤๅ …
...แท้จริงเจ้าควรคิด
จงตั้งจิตและยึดถือ
รับใช้ชาติไทยคือ
ปลายทางเราที่เล่าเรียน….”
พอใกล้เที่ยงของทุกวันในค่าย....น้องๆ จะมีรวมตัวกันก่อนที่จะไปทานอาหารเที่ยง...
จะมีวิทยากรแต่ละท่าน....มาให้ข้อคิด...เล็กๆ น้อยๆ ...ผมมีโอกาสได้มานั่งฟังด้วยทุกครั้ง
ข้อคิดนั้น...ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ เท่านั้น...แต่ยังมาถึงผมด้วย
และพี่สุวิทย์...อนุศาสนาจารย์...เป็นวิทยากรใกล้เที่ยงวันนี้…พร้อมกับกลอนที่ลอยมากระทบใจให้ผมฉุกคิด
ที่มาของกลอนพี่สุวิทย์บอกว่า...มาจากป้ายประตูทางเข้าตอนเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์
ทำให้ผมครุ่นคิดว่า...เราเกิดมาเพื่ออะไร?
บางคนบอกว่า...เกิดมาเพื่อทำความดี หรือบางคน...เกิดมาเพื่อชดใช้ชีวิต
เมื่อถามใครหลายคน...ที่ตอบว่า...เกิดมาเพื่อทำความดี...แต่ไม่รู้ว่า ความดีคืออะไร
ตัวอย่างความดี คือ เป็นลูกที่ดีของพ่อของแม่เหรอ? ....หรือบริจาคเงินมากๆ สร้างวัด....หรืออะไร.....
ความดีเหมือนการกระทำที่ยิ่งใหญ่...ไกลเกินตัว...เอื้อมคว้าไม่ถึง
แต่พี่สุวิทย์...เล่าถึง...เรื่องเล่าการทำความดี...การทำความดีที่ง่ายๆ …
ณ สะพานไม้...ที่เชื่อมให้ผู้คน...ข้ามเดินทางสัญจร
ให้คนสัญจร...ให้รถหรือพาหนะข้ามผ่าน...ทุกวันๆ
สะพานไม้ที่ตอกด้วยตะปู...ก็สั่นคลอน...ทำให้หัวตะปูโผล่ออก...จนเกิดอันตรายสำหรับผู้เดินทางได้
เยาวชนคนที่ 1....มองเห็นหัวตะปูโผล่ออก...ดุด่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมสะพานว่า...ทำไมไม่มาซ่อม...บ่นแล้วก็เดินหนีผ่านไปไม่สนใจ และเดินจากสะพานโดยไม่ใส่ใจ
เยาวชนคนที่ 2...เดินมาที่สะพานไม้...มองไม่เห็นหัวตะปูโผล่ออก...ตะปูแล้วทิ่มทะลุรองเท้าถึงฝ่าเท้า...เลือดไหลเป็นทางตามสะพาน...ด่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมสะพานว่า...ทำไมไม่มาซ่อม...บ่นแล้วก็เดินหนีผ่านไปไม่สนใจ และเดินจากสะพานโดยไม่ใส่ใจ…บ่นในใจว่า...เดี๋ยวก็มีอีกหลายคนที่จะเลือดตกยางออกเช่นเดียวกับเรา
เยาวชนที่ 3... ผ่านการเข้าค่ายของเราแล้ว...มองเห็นหัวตะปูโผล่ออก...เห็นรอยเลือดที่ตะปูและเป็นรอยยาวตามสะพาน...ก็รู้ว่า มันจะเกิดอันตรายเกิดขึ้น...เลยไปเอาค้อนมาตอกหัวตะปู และซ่อมแซมสะพานเท่าที่ทำได้...เมื่อเสร็จแล้ว...ก็รู้สึกว่า มีความสุขและยิ้มกับผลงาน
ความดีทำได้ง่ายๆ ในทุก ๆ วัน..
แค่เราเอากิ่งไม้ออกจากถนนที่คนสัญจร...
แค่เราเก็บขยะสักชิ้นที่เกลื่อนตามทาง...
แค่เราช่วยเปิดประตูให้เพื่อนที่หิ้วของเต็มสองมือ...ก็คือ การทำความดีง่ายๆ แล้ว
เรื่องเล่าก่อนใกล้เที่ยง...ทำให้ผมครุ่นคิดกับ....ปลายทางเราที่เล่าเรียนด้วยเช่นกัน….
ผมเรียนมาเพื่อ...เพียงความเจริญก้าวหน้า...เพียงใบปริญญา...เพียงเอาตัวรอด …หรือ
แต่จริง ๆ แล้ว...ผมคิดว่า...การที่ผมมีโอกาสเรียน และได้รับราชการด้วย
ทำให้ผมมีโอกาสได้ทำความดี...แม้เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มาจากหัวใจแห่งการให้...เท่าที่ผมทำได้....
การมีโอกาสเรียน -- ประโยคนี้ "ดีจริงๆๆ" บอกถึงความงาม ความดีที่ใฝ่เรียนรู้
- ขอบคุณคะ---- ส่งแรงใจ มาช่วยค่ะ
บทกวีข้างบน เขียนโดย "วิทยากร เชียงกูล" นะครับ
เป็นบทกวีอมตะที่ยังมีอิทธิพลต่อเหล่านักศึกษาหรือปัญญาชนอยู่เสมอ
ขออนุญาตนำเรื่องสะพานไม้ไปสร้างแรงบันดาลให้ลูกศิษย์ทำความดีบ้างนะคะคุณหมอ ^^
ขอบคุณบันทึกดีดีที่ช่วยย้ำเตือนว่าการทำความดีนั้นง่ายแค่เก็บเศษแก้วที่พบบนชายหาด ก็ทำให้เรารู้สึกดีที่ได้ทำความดีนั้นแล้ว
ขอบคุณค่ะ