ปลายทางเราที่เล่าเรียน...เข้าค่าย (1/5)


“...ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง

 ฉันจึง มาหา ความหมาย.

ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย

 สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว ...

 

 

…เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง

ฤๅจะมุ่งมาศึกษา

เพียงเพื่อปริญญา

เอาตัวรอดกระนั้นฤๅ …

 

 

...แท้จริงเจ้าควรคิด

จงตั้งจิตและยึดถือ

 รับใช้ชาติไทยคือ

 ปลายทางเราที่เล่าเรียน….”

 

 

 

 

พอใกล้เที่ยงของทุกวันในค่าย....น้องๆ จะมีรวมตัวกันก่อนที่จะไปทานอาหารเที่ยง...

จะมีวิทยากรแต่ละท่าน....มาให้ข้อคิด...เล็กๆ น้อยๆ ...ผมมีโอกาสได้มานั่งฟังด้วยทุกครั้ง

ข้อคิดนั้น...ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ เท่านั้น...แต่ยังมาถึงผมด้วย

และพี่สุวิทย์...อนุศาสนาจารย์...เป็นวิทยากรใกล้เที่ยงวันนี้…พร้อมกับกลอนที่ลอยมากระทบใจให้ผมฉุกคิด

 

 

ที่มาของกลอนพี่สุวิทย์บอกว่า...มาจากป้ายประตูทางเข้าตอนเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์

ทำให้ผมครุ่นคิดว่า...เราเกิดมาเพื่ออะไร?

บางคนบอกว่า...เกิดมาเพื่อทำความดี หรือบางคน...เกิดมาเพื่อชดใช้ชีวิต

 

 

เมื่อถามใครหลายคน...ที่ตอบว่า...เกิดมาเพื่อทำความดี...แต่ไม่รู้ว่า ความดีคืออะไร

ตัวอย่างความดี คือ เป็นลูกที่ดีของพ่อของแม่เหรอ? ....หรือบริจาคเงินมากๆ สร้างวัด....หรืออะไร.....

 

 

ความดีเหมือนการกระทำที่ยิ่งใหญ่...ไกลเกินตัว...เอื้อมคว้าไม่ถึง

แต่พี่สุวิทย์...เล่าถึง...เรื่องเล่าการทำความดี...การทำความดีที่ง่ายๆ …

 

 

ณ สะพานไม้...ที่เชื่อมให้ผู้คน...ข้ามเดินทางสัญจร

ให้คนสัญจร...ให้รถหรือพาหนะข้ามผ่าน...ทุกวันๆ

สะพานไม้ที่ตอกด้วยตะปู...ก็สั่นคลอน...ทำให้หัวตะปูโผล่ออก...จนเกิดอันตรายสำหรับผู้เดินทางได้

 

 

เยาวชนคนที่ 1....มองเห็นหัวตะปูโผล่ออก...ดุด่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมสะพานว่า...ทำไมไม่มาซ่อม...บ่นแล้วก็เดินหนีผ่านไปไม่สนใจ และเดินจากสะพานโดยไม่ใส่ใจ

 

 

เยาวชนคนที่ 2...เดินมาที่สะพานไม้...มองไม่เห็นหัวตะปูโผล่ออก...ตะปูแล้วทิ่มทะลุรองเท้าถึงฝ่าเท้า...เลือดไหลเป็นทางตามสะพาน...ด่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมสะพานว่า...ทำไมไม่มาซ่อม...บ่นแล้วก็เดินหนีผ่านไปไม่สนใจ และเดินจากสะพานโดยไม่ใส่ใจ…บ่นในใจว่า...เดี๋ยวก็มีอีกหลายคนที่จะเลือดตกยางออกเช่นเดียวกับเรา

 

 

เยาวชนที่ 3... ผ่านการเข้าค่ายของเราแล้ว...มองเห็นหัวตะปูโผล่ออก...เห็นรอยเลือดที่ตะปูและเป็นรอยยาวตามสะพาน...ก็รู้ว่า มันจะเกิดอันตรายเกิดขึ้น...เลยไปเอาค้อนมาตอกหัวตะปู และซ่อมแซมสะพานเท่าที่ทำได้...เมื่อเสร็จแล้ว...ก็รู้สึกว่า มีความสุขและยิ้มกับผลงาน

 

 

ความดีทำได้ง่ายๆ ในทุก ๆ วัน..

แค่เราเอากิ่งไม้ออกจากถนนที่คนสัญจร...

แค่เราเก็บขยะสักชิ้นที่เกลื่อนตามทาง...

แค่เราช่วยเปิดประตูให้เพื่อนที่หิ้วของเต็มสองมือ...ก็คือ การทำความดีง่ายๆ แล้ว

 

 

เรื่องเล่าก่อนใกล้เที่ยง...ทำให้ผมครุ่นคิดกับ....ปลายทางเราที่เล่าเรียนด้วยเช่นกัน….

ผมเรียนมาเพื่อ...เพียงความเจริญก้าวหน้า...เพียงใบปริญญา...เพียงเอาตัวรอด …หรือ

แต่จริง ๆ แล้ว...ผมคิดว่า...การที่ผมมีโอกาสเรียน และได้รับราชการด้วย

ทำให้ผมมีโอกาสได้ทำความดี...แม้เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มาจากหัวใจแห่งการให้...เท่าที่ผมทำได้....

 

หมายเลขบันทึก: 488682เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 14:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2012 14:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

การมีโอกาสเรียน -- ประโยคนี้ "ดีจริงๆๆ" บอกถึงความงาม ความดีที่ใฝ่เรียนรู้

- ขอบคุณคะ---- ส่งแรงใจ มาช่วยค่ะ

บทกวีข้างบน เขียนโดย "วิทยากร เชียงกูล" นะครับ

เป็นบทกวีอมตะที่ยังมีอิทธิพลต่อเหล่านักศึกษาหรือปัญญาชนอยู่เสมอ

ขออนุญาตนำเรื่องสะพานไม้ไปสร้างแรงบันดาลให้ลูกศิษย์ทำความดีบ้างนะคะคุณหมอ  ^^


 

ขอบคุณบันทึกดีดีที่ช่วยย้ำเตือนว่าการทำความดีนั้นง่ายแค่เก็บเศษแก้วที่พบบนชายหาด ก็ทำให้เรารู้สึกดีที่ได้ทำความดีนั้นแล้ว

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท