มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ : ความเมตตาพาพ้น “อบายมุข...”


 

คนเราเกิดมามีความทุกข์ทั้งทางกาย มีความทุกข์ทั้งจิตใจ มีความทุกข์ในการ ทำการทำงาน มีความทุกข์ในการพลัดพรากจากกัน มีความทุกข์กับเรื่องของคนอื่น ไม่ว่าเรื่องดีหรือไม่ดี เราไปทุกข์แทนเขาทั้งนั้น

Large_tt826


พระพุทธเจ้าท่านถึงเมตตาเรานำตัวเองประพฤติปฏิบัติธรรม เมตตาต่อตนเอง เพราะคนเราส่วนใหญ่มันมีความเมตตาน้อย แทบจะไม่มีความเมตตาเลย ตัวเราก็ต้อง ได้รับความเมตตา คนอื่นก็ต้องได้รับความเมตตา “เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก” ถ้าเราไม่เมตตาต่อตนเองมันไม่ได้อีกแล้ว เมตตาตนเองอย่างไร...? เมตตาตนเองด้วยการพัฒนาตนเองเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ขยัน


เราจะพัฒนาตนเองเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ขยันได้ พระพุทธเจ้าท่านให้รู้จัก “อบายมุข...”


อบายมุขข้อที่ ๑ คือการเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน


คนเราจะเจริญหรือจะตกต่ำก็เพราะความขี้เกียจขี้คร้าน มันชอบติดสุขติดสบาย ไม่อยากเสียสละ ทานข้าวทานอาหารแล้วก็ไม่อยากล้างภาชนะ ที่อยู่ที่หลับที่นอน ก็ไม่อยากเก็บไม่อยากกวาด

 


ห้องน้ำห้องสุขาก็ปล่อยให้มันสกปรก ปล่อยให้มันเหม็น เสื้อผ้าอาหารก็ไม่อยากซัก ใส่แล้วก็เอาหมักไว้ก่อน กองไว้ก่อน แช่ไว้ก่อน จนมันเน่ามันเหม็น

Large_tt7426

 

ที่อยู่ที่อาศัยก็เต็มไปด้วยขยะ เป็นคนไม่รู้จักโต อาศัยเงินอาศัยทรัพย์สมบัติจากพ่อจากแม่ ชอบมักง่าย เอาเปรียบคนอื่น ชอบเถียงพ่อเถียงแม่ จะเอาแต่ผลประโยชน์จากพ่อจากแม่

 


พ่อแม่มีอะไรให้ก็ไม่เห็นคุณค่าของพ่อของแม่ ชอบดูถูกดูแคลนว่าพ่อแม่ไม่มีความสามารถ พ่อแม่ไม่เก่ง พ่อแม่ไม่ฉลาด ว่าพ่อแม่เป็นคนยากคนจน

เป็นคนยกตนข่มท่าน เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น มองเห็นแต่โทษของคนอื่น ชอบแต่งตัวแต่งกาย แต่งหน้าแต่งตา แต่ไม่แต่งปฏิปทา ไม่ยอมแก้ไขปฏิปทาของตนเอง


วันหนึ่ง ๆ ก็ชอบแต่กดโทรศัพท์ ฟังเพลง เล่นโน๊ตบุ๊ค เล่นคอมพิวเตอร์ ไปในทางบันเทิงต่าง ๆ ไม่ช่วยเหลือการงานพ่อแม่


หมกมุ่นอยู่กับการเล่นโทรศัพท์ เล่นคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักแก้ไขตัวเอง เพื่อให้ตนเอง ได้พัฒนาความรู้ความสามารถ นี้คืออบายมุขข้อที่ ๑



อบายมุขข้อที่ 2 ชอบเล่นการพนันทุกชนิด

เริ่มจากการเล่นเกมส์ เล่นฟุตบอล เล่นหวยรัฐบาล เล่นหวยเถื่อน เล่นหุ้น เล่นแชร์ เล่นตู้เกมส์ เล่นสลอตต่าง ๆ เล่นมวย เล่นไพ่ เล่นไฮโล เล่นน้ำเต้าปูปลา บิงโก ทอยเหรียญ หมากฮอส หมากรุก เล่นแข่งรถ เล่นแข่งม้า เล่นปลากัด ชนไก่ สิ่งเหล่านี้เป็นต้น


เราเกิดขึ้นมาได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ได้ยินสิ่งเหล่านี้ เราไปคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดากัน...


พระพุทธเจ้าท่านเมตตาเรา ท่านบอกสอนเรามันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ มันจะทำ ให้เราตกต่ำ “ไฟไหม้บ้านมันก็ยังเหลือที่ดิน ถ้าเราไปติดการพนัน ที่ดินเราก็จะไม่เหลือ”

Large_tt735


พระพุทธเจ้าให้เราเฉย ๆ กับพวกนี้ เห็นเขาทำเห็นเขาเล่นก็อย่าไปทำอย่าไปเล่น เหมือนกับเขา ใหม่ ๆ ก็เฉย ๆ ต่อไปก็ยินดี ต่อไปก็ไปเล่นกับเขาเลย

เราจะสังเกตเห็นประชาชนส่วนใหญ่ตกอยู่ในอบายมุข ตกอยู่ในการเล่นการพนัน คิดตั้งแต่เรื่องที่จะถูกหวย คิดตั้งแต่เรื่องที่จะเล่นหุ้น ไม่ตั้งอกตั้งใจทำการทำงานด้วยลำแข้ง ของตัวเอง ด้วยการเสียสละ ทั้งที่เป็นเจ้ามือลูกมือก็พากันคิดอย่างนั้น พากันทำผิดให้เป็นถูก ออกกฎหมายรองรับสิ่งที่ผิดให้มันถูก คนที่ฉลาดที่มีปัญญาก็มอมเมาคนที่เขาโง่กว่า ทำให้สังคมนี้ตกต่ำด้วยการเล่นพนันต่าง ๆ นี่ก็จัดเป็นอบายมุขข้อที่ ๓


 

อบายมุขข้อที่ 3 ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

จำพวกเหล้า เบียร์ ไวน์ เหล้าแดง เหล้าแดง ไวน์ขาวไวน์แดง ดีกรีขนาดไหนก็จัดว่าเป็นอบายมุข เป็นแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งมึนเมา สาโท ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี ผงขาว เหล้าแห้ง ยากระตุ้นปราสาท สเตียรอยด์ ไวอากร้า ยาปลุกเซ็กส์ ชา กระท่อม


อย่างเหล้าอย่างเบียร์เหล้าเบียร์ ในกลุ่มของผู้ใหญ่ กลุ่มของผู้ทรงเกียรติที่เขาพากันทำ พากันดื่มเหล้า ส่วนใหญ่อยู่ในหมู่ของผู้ใหญ่ผู้ทรงเกียรติต่าง ๆ ในงานสังคมต่าง ๆ นี่ก็จัดอยู่ ในกลุ่มที่ไม่ดี ลูกหลานเขาเห็นก็คิดว่ามันถูก เป็นสิ่งที่ถูกต้อง


ให้ทุกคนรู้ไว้ว่ามันเป็นสิ่งที่ ไม่ถูกต้อง ที่พ่อเราแม่เราสูบบุหรี่ กินเหล้ากินเบียร์ สังสรรค์ปาร์ตี้เฮฮา ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง สิ่งอันนี้มันเป็นสิ่งเสพติด ถ้าใครเสพไปแล้วมันติด ทำให้เสียระบบสมอง เสียเงินเสียทอง เสียการเสียงาน “มันเป็นการดับทุกข์ เป็นการบรรเทาด้วยสิ่งเสพติด”


ตั้งแต่หลายปีก่อน ประเทศไทยเราย้อนกลับไปซักร้อยปีหมู่บ้านหมู่หนึ่งอยู่กันหลายร้อยหลังคา จะมีคนกินเหล้าอยู่สี่ถึงห้าหลังคาเรือน แต่เราดูทุกวันนี้มันกินเหล้ากันเป็นทุก ๆ คนเลย ตั้งแต่อายุสิบขวบขึ้นไปก็กินเป็นกันแล้ว คนที่ผลิตเหล้าผลิตเบียร์ขายจึงเป็นคนที่รวยที่สุด ในประเทศไทย “เพราะดู ๆ ภาพรวม ๆ แล้ว เขากำลังตกอยู่ในอบายมุขกันเป็นส่วนใหญ่”


พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรารู้จักว่าอันไหนผิดอันไหนถูก เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวเรา

Large_tt823


พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราประมาท ไม่ให้เราทดลองในสิ่งที่ไม่ดี เพราะเราจะเป็นคนพัฒนาตนเอง เราจะให้สิ่งเหล่านี้หมดไปจากโลกนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องมาแก้ที่ตัวเรา เราอย่าไปพอใจ เราอย่าไปเห็นดีเห็นงามด้วย สิ่งเสพติดนี้มันแย่เหลือเกิน


แม้แต่พระของเราที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ให้สูบบุหรี่ ก็ยังมีผู้ที่ตั้งอกตั้งใจจะไปพระนิพพาน ลักสูบบุหรี่อยู่ มันเป็นสิ่งที่น่าเกลียด เป็นสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เป็นสิ่งที่ไม่น่ากระทำ


เรื่องสิ่งเสพติด ยาเสพติด ทุกคนต้องตั้งใจไว้ดี ๆ เราอย่าไปว่าคนโน้นก็ทำคนนี้ก็ทำ อาจารย์วัดโน้น อาจารย์วัดนี้ ท่านน่าจะเป็นอริยเจ้าแล้ว ท่านก็ยังสูบอยู่ เราอย่าไปคิดอย่างนั้น เราอย่าไปพูดอย่างนั้น


เราเป็นญาติเป็นโยม เราอยู่กับอบายมุขต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างพวกเหล้าพวกเบียร์ ประชาชน เขาหาเงินหาสตางค์ด้วยการมัวเมา ถ้าขายของอย่างอื่น เช่นถ้าขายอาหารถ้าไม่ขายเหล้า ขายเบียร์ด้วย ก็กลัวขายของไม่ได้ ก็กลัวขายอาหารไม่ได้


จิตใจของเรามันไม่แน่วแน่ต่อคุณพระรัตนตรัย ไม่แน่วแน่ต่อสิ่งที่ดี ๆ ถ้าเราไม่ละอาย ต่อบาป ถ้าเราไม่เกรงกลัวต่อบาปแล้ว กรรมนั้นต้องมาถึงตัวเราแน่นอน ถึงลูกถึงหลานของเราแน่นอน


ทุกวันนี้เราเบียร์บุหรี่ยาบ้ายิ่งทวีคูณขึ้นมา ราคาแพงเท่าไหร่ก็ไปหาซื้อหาบริโภค เนื่องมาจากความประมาท


ความคิดในเรื่องสิ่งเสพติดถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องของสังคม มันต้องมีอย่างนี้ แสดงว่า เราเห็นดีเห็นงามเห็นชอบ ถ้าเราคิดอย่างนี้มันใช่เรื่องธรรมดานะ เป็นเรื่องทำลายเผ่าพันธุ์ ของความเป็นมนุษย์


พระพุทธเจ้าท่านให้เราพัฒนามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ที่มันดี ไม่ใช่สายพันธุ์ ที่มันแย่ลงทุกที ๆ



อบายมุขข้อที่สี่คือการติดเที่ยว ไม่ว่าเที่ยวกลางวันเที่ยวการคืน


การเที่ยวนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ ไม่ว่าเราจะเที่ยวกลางวันเที่ยวกลางคืน เที่ยวที่ไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

Large_tt508


ที่ว่าจะเป็นเที่ยวนั่นเที่ยวนี่มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย


ชอบเที่ยวดูหนังฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต เที่ยวมหรสพต่าง ๆ พระพุทธเจ้าจัดว่าเป็นอบายมุข เป็นความตกต่ำเสื่อมเสีย


ชาวบ้านเราคิดว่าหาเงินหาทองมา มันต้องใช้จ่าย มันต้องไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี่ เที่ยวที่โน่นเที่ยวที่นี่ ทั้งในและต่างประเทศ หาเงินมาเพื่อให้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวชายทะเล เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวภูเขา เที่ยวน้ำตก...

 

การเที่ยวนี้มันมีโทษมีภัย การเที่ยวนี้ทำให้เสียการเสียงาน เสียเงินเสียทรัพย์
การที่เราคลายเครียดหรือผ่อนคลาย เราไม่จำเป็นต้องไปท่องเที่ยวที่ไหนนะ...!

Large_tt1014


เพราะเราเกิดมาเพื่อพัฒนาตัวเอง พัฒนาสายพันธุ์ตัวเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่มอมเมาตัวเองด้วยการท่องเที่ยว

 


การเที่ยวนี้มันมีโทษมากกว่าประโยชน์ เมื่อมันเที่ยวมันก็ติดเที่ยว ติดสรวลเสเฮฮา ติดโลกภายนอก มันก็เสียการเสียงาน มันก็เสียทรัพย์ บางครั้งก็ถึงกับเสียอวัยวะ ถึงกับเสียชีวิตได้


ที่พระพุทธเจ้าท่านให้เรากลับมาดูแลตนเอง ที่ตัวเองอยากไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่แสดงว่าตนเองไม่มีความสุขพอ สติปัญญาของตัวเองนี้มันไม่พอ มันมองไปข้างนอก มันไม่ได้มองดูตัวเอง เราไม่ได้มาปรับปรุงใจตัวเอง มันเลยไปหาความสุขจากสิ่งภายนอก


ทุกวันนี้เขานิยมในการท่องเที่ยวไม่ว่าคนรวยไม่ว่าคนจน หาเงินหาสตางค์มาได้คิดว่าความสุขของคนอยู่ที่การกินการเที่ยว บางคนก็สงสารคุณพ่อคุณแม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ มีความสุข อยากให้ไปเที่ยวที่โน่นที่นี่บ้าง ไปต่างประเทศกับเขาบ้าง

 

 Large_p6220224


เราดูฝรั่งแก่ ๆ ที่เขาเกษียณกันแล้ว พอจะได้กันได้ก็พากันไปเที่ยวต่างประเทศ คิดว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความสุขเป็นความดับทุกข์


การท่องเที่ยวมันเป็นอบายมุข ทำให้จิตใจของเราตกต่ำ


ปีหนึ่ง ๆ คนตายเพราะไปเที่ยวนี้มีเยอะ เห็นมั๊ยคนตายช่วงสงกรานนี้มีเยอะ ถ้ามีวันหยุดหลาย ๆ วัน ประชาชนเขาจะพากันไปเที่ยว เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดอุบัติเหตุ


ความสุขของคนเรามันต้องเริ่มต้นจากความสุขในการหายใจเข้า เริ่มต้นจากความสุข ในการหายใจออก หายใจเข้าหายใจออก ให้มีความสุข


ให้มีความสุขในการทำงาน ความสุขจากการทำความดี ใจของเราก็จะได้สงบ ใจของเรา ก็จะได้อยู่กับเนื้อกับตัว เรามาทำความดี เรามาสร้างความดีให้ใจของเรานี้มันดี ใจของเรานี้ มันจะได้ไม่อยากเที่ยว ไม่อยากท่องเที่ยว
“แสดงว่าเราเป็นโรคทางใจนะที่เราอยากเที่ยวนี้ เรายังเป็นโรคจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนสมาธิสั้น สมาธิไม่แข็งแรง..” เราต้องกลับมาแก้ไขตัวเองมาก ๆ แก้ไขตัวเองเยอะ ๆ

 


สรุปแล้วผู้ที่อยากไปเที่ยวแสดงว่าต้องปรับปรุงใจของตัวเอง ปรับปรุงปฏิปทาของตัวเอง ให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไปมันถึงจะแก้ไขตัวเองได้...


 

อบายมุขข้อที่ ๕ ได้แก่ “การคบเพื่อนที่ไม่ดีเป็นมิตร...”


คนเราทุก ๆ คนมันต้องมีเพื่อน การคบเพื่อนนี้สำคัญ เราจะเจริญหรือเสื่อมอยู่ที่ การคบค้าสมาคมกับเพื่อน


อย่างเราคบกับพระพุทธเจ้า คบกับพระอรหันต์ คบกับผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ชีวิตของเราก็เจริญ


พระพุทธเจ้าท่านทรงถามพระอานนท์ว่า “การคบเพื่อนนี้เป็นอย่างไรเล่า...?”
พระอานนท์ตรัสตอบพระพุทธเจ้าว่า “การคบเพื่อนนี้สำคัญที่สุดกับการที่เราได้เกิดมา”แล้วพระอานนท์ก็ได้ยกตัวอย่างคือ การที่ได้คบค้าสมาคมกับพระพุทธเจ้าตนถึงได้ดิบได้ดี


เราจะมีเพื่อนดีเราต้องเป็นคนดี ประพฤติดี ให้เราเอาความดีเป็นทางประพฤติปฏิบัติ ถ้าเราเป็นบุคคลที่ตั้งอยู่ในความดี เป็นคนขยัน คนดี ๆ เขาก็อยากจะมาคบกับเรา


“เราจะมีเพื่อนที่ดีเราต้องเริ่มต้นที่เรานะ...”


ทุกท่านทุกคนต้องเอาความดีเป็นกัลยาณมิตร สิ่งไหนมันดี ๆ เราก็เอาเป็นตัวอย่าง สิ่งไหนไม่ดีเราเห็นแล้วก็แล้ว ๆ ไป

 


เราอยู่ในบ้าน อยู่ในที่ทำงาน อยู่ในโรงเรียน ที่มันอยู่ร่วมรวมกันมันมาจากลูกหลายพ่อหลายแม่ หลายอาชีพ


พระพุทธเจ้าท่านให้เรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา เพราะเราเกิดมาเพื่อทำความดี เพื่อเสียสละ เพื่อสร้างบามี


พูดถึงเรื่องความสงสารก็สงสารทุก ๆ คนนะ คนเราก็อยากเป็นคนดีทั้งหมดน่ะ แต่เพราะจิตใจไม่หนักแน่น จิตใจไม่เข้มแข็ง จิตใจยังอ่อนแอ ติดสุข ติดสบาย ติดขี้เกียจขี้คร้าน


ความสุข ความสะดวกสบายนี้ทุกคนมันติดน่ะ ใช่มั๊ย...?


ที่เขาตกต่ำเขาเป็นอย่างนั้น ก็เพราะเขาตกอยู่ในสิ่งเสพติด


สิ่งเสพติดนี้ไม่ใช่พวกยาบ้า ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาไอซ์ อย่างเดียวไม่ใช่นะ...!

การที่เราขี้เกียจขี้คร้านไม่ขยันหมั่นเพียรนี้ ถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นบาปนะ

เราเป็นมนุษย์เป็นผู้มีใจสูง ถ้าเรามาติดสุขติดสบายนี้นะ พระพุทธเจ้าท่านเมตตาตรัสบอกเราว่า มันเป็นอบายทำให้เราตกต่ำ มันเป็นบาปเป็นอกุศล ทำให้เราเป็นคนยากคนจน จนทั้งใจ จนทั้งกาย จนทั้งทรัพย์สินเงินทอง จนความฉลาด จนความสามารถ จนทั้งคุณธรรม

มนุษย์นี้เป็นผู้ที่จิตใจสูง มนุษย์นี้เป็นผู้ที่ฉลาด แต่ถ้าได้ตกในอำนาจของความขี้เกียจขี้คร้านนี้ก็ไปไม่ได้ ไปไม่ไหวเหมือนกัน

เราถึงจะเป็นต้องพัฒนาตนเองให้มันขยันมาก ๆ ขยันสม่ำเสมอจนมันเป็นปฏิปทา จนจิตใจมันขี้เกียจไม่เป็น

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ธรรม ประการแรกท่านจะสอนเรื่องการให้ทาน การเสียสละ

เพราะคนเราที่เกิดมานี้ เกิดมาเพราะความอยาก ความต้องการ มันไม่เสียสละ มันจะเป็นแต่ผู้เอานะ มันเอาจริงนะ ทำอะไรมันก็จะเอาทั้งนั้น

พระพุทธเจ้าท่านเมตตาสอนเราให้เราเป็นผู้เสียสละ อย่างเราเรียนหนังสืออย่างนี้ ก็เพื่อเป็นผู้เสียสละ เพื่อไม่เห็นแก่ตัว เพื่อเมตตาตนเอง เมตตาคนอื่น

เราดูดี ๆ นะอย่างเรารักษาศีลนี้ การรักษาศีลก็คือการเสียสละนั่นเอง อย่างคนไม่เสียสละมันรักษาศีลไม่ได้ มันเอาเปรียบคนอื่น มันทำร้ายคนอื่น

การทำสมาธิก็เหมือนกันคือการเสียสละ ละความเห็นแก่ตัว ละความโลภ ความโกรธ ความหลง ละอดีตที่ผ่านมาแล้ว ละอนาคตที่ยังไม่มาถึง มาอยู่กับปัจจุบัน เช่นว่าอยู่กับการหายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ ถ้าเราทำสมาธิเพื่อจะเอานี้ มันมีเรื่องแน่ มีปัญหาแน่ จิตใจมันเผาตัวเอง มันไม่เป็นสมาธิ

 

ความดีเป็นสิ่งที่ต้องประพฤติปฏิบัติ เพื่อเป็นกัลยาณมิตร...


เพื่อนของเราเราก็ดู ๆ นะ ถ้าคนไหนมันทำไม่ดี ทำไม่ถูกต้อง เราก็ต้องออกห่างไว้ก่อน ถ้าคนไหนเป็นคนดี นิสัยดี ประพฤติดี เราก็ไปใกล้ชิดทำความรู้จักสนิทสนม

“พัฒนาตนเองไปอย่างนี้เรื่อย ๆ เพื่อมันจะได้ต่อเนื่องกัน อย่าได้เบื่อนะ...”

สัมมาสมาธิ คือความตั้งมั่นใจความดี เราต้องทำไป ปรับตัวเองเข้าหาเวลา ปรับเข้าหาระเบียบวินัย

คนเราทุก ๆ คนมันต้องรู้จักบังคับตัวเองถ้าไม่อย่างนั้นมันบังคับตนเองไม่ได้ มันจะเป็นคนที่ตั้งอยู่ในความหลง ตั้งอยู่ในความประมาท

เราอย่าไปคิดว่าตนเองไม่ประมาทนะ...! ถ้าเป็นคนไม่ประมาท เราก็น่าจะเป็นคนดีกว่านี้ ฉลาดกว่านี้ เป็นคนมีคุณธรรมมากกว่านี้

ทุกคนทุกท่านต้องรักตนเองด้วยการเป็นคนดี...

ที่คนเขาไม่รักเรา ไม่เคารพนับถือเรา ไม่ไว้วางใจเรา สาเหตุเพราะเราเป็นคนดี ยังไม่เพียงพอ

เราทุกคนเกิดมาในโลกนี้ต้องการความรักความเมตตานะ “แต่ตนเองยังไม่เมตตาตนเอง ใครเล่าจะมาเมตตาเรา...”

พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุกคนตั้งอยู่ในความกระตือรือร้น พร้อมที่จะเผชิญอุปสรรคต่าง ๆ นานา

อุปสรรคที่สำคัญก็คือใจของเรานี้เองนะ...

“ที่เราต่อสู้กับอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ก็คือต่อสู้กับใจของเรานะ” ต่อสู้เอาชนะจิตใจของเรา คอนโทรลจิตใจของเรา เพราะจิตใจของเรามันชอบไหลลงสู่ที่ต่ำ

Large_tt845

ใจเรานี้เป็นเป็นของฝึกยากฝึกลำบาก มันต้องทำทุกวัน ทำทุกเวลาตลอดไป เดินหน้า อย่างเดียวไม่มีคำว่าถอยหลัง

ถ้าไม่ฝึกไม่ฝืนใจเรามันก็ตกต่ำนะ ใจคนอื่นมันก็จะตกต่ำ “เราต้องใช้การฝึกการฝืน การทนนะ อาศัยธรรมะหล่อเลี้ยง...”

 

เรื่องสมาธิ...
“สมาธิคือความสุข ความสงบ ความเย็น”

อย่างเราทำงานอย่างนี้ ใจของเราก็อยู่กับการทำงาน มีความสุขกับการทำงาน แสดงว่า เรามีสมาธิในการทำงาน อย่างเราอ่านหนังสือ อย่างเราฟังการบรรยาย ก็ให้เราตั้งใจฟัง มีความสุขในการฟัง

คนเรามันต้องมีสมาธิ มีความสุขเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง มีสารเอ็นโดรฟินมาชุบเลี้ยงร่างกาย

 

กายเราใจเรามันต้องอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข “ศีล สมาธิ ปัญญา” มันต้องอยู่ร่วมรวมกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ความดีไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าเบื่อน่ารำคาญ ไม่ใช่ความเครียด มันเป็นความสุข เป็นความดับทุกข์ เป็นสิ่งที่ปราศจากโทษ

คนเรานี้นะ มันชอบของใหม่ ๆ แปลกไปเรื่อย ๆ นะ อะไรใหม่ ๆ มันชอบ...

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปทั้งนั้น มันไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน

แม้แต่ตัวเราเองมันต้องตายไปทุกวัน ไม่รู้ว่ามันแก่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าความหนุ่มมันตายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งมั่นในความดีนะ อย่าไปเบื่อ ถ้าเราเบื่อในการทำความดี เราจะสมาธิสั้น หรือไม่มีสมาธิคือความตั้งใจมั่นชอบ

เราดูความบกพร่องของตัวเราเอง จิตใจเรานะ อันไหนไม่ดีเราอย่าไปคิดนะ ให้มันฉลาดขึ้นเก่งขึ้นทุกวัน สิ่งไหนที่มันดีก็พยายามคิดบ่อย ๆ คิดไปเหมือนน้ำบ่อทราย คิดให้มันพอดี ถ้าคิดมากแล้วใจของเราก็ไม่สงบ ฟุ้งซ่าน ถ้าเราตั้งมั่นในความคิดที่ดีบ่อย ๆ จิตใจของเรามันก็ก้าวหน้า จิตใจของเราก็เจริญ “ใจของเราเป็นปัจจัตตัง จะรู้ได้เฉพาะตนเองนะ...”

ให้ทุกท่านทุกคนให้รู้จักใจตนเอง ให้พัฒนาตนเองไปในทางที่ดี เราคิดอะไรตรึกนึกอะไรคนอื่นเขาไม่รู้หรอก แต่เราเองรู้ “เราคิดดีก็เป็นบุญ คิดไม่ดีก็เป็นบาป”

การงานนี้สิ่งไหนดี ๆ เราก็ต้องทำ เราต้องพัฒนา เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวงมันเกิด จากเหตุ จากปัจจัย มันจะมีจะเป็นนอกจากเหตุปัจจัยเป็นไปไม่ได้

ยกตัวอย่างอย่างคน ๆ หนึ่ง จะให้มันอ่านออกเขียนได้ ให้มันฉลาด มันเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ได้ตั้งใจเรียน ตั้งใจศึกษา

 

Large_tt868

กรรมคือการกระทำของเรา ต้องทำในสิ่งที่ดี ๆ

เราต้องอด ต้องทน ต้องขยัน ตั้งมั่นรับผิดชอบ กระตือรือร้น มีความสุขในการทำความดี “มันไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีคุณธรรม มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราสร้างเหตุสร้างปัจจัย...”

ความอยากความต้องการของเราทุกคนมันมีมาก แต่ที่มันขาดเพราะขาดจากเหตุ ขาดปัจจัย ขาดการกระทำ


ทุกท่านทุกคนต้องปฏิบัติเอง ต้องทำเอง ความดีความประเสริฐเราต้องก้าวไปด้วยตนเอง ไม่มีใครทำแทนกันได้

ชีวิตเรานี้ประเสริฐเพราะความดี เพราะการกระทำของเรา ไม่มีพรหมลิขิตไหนมาลิขิตเรา บันดาลให้เรา “ตัวเรานี้เองเป็นผู้ลิขิตตนเอง...”


ให้ทุกท่านทุกคนเป็นผู้ที่โชคดีกันทุก ๆ คน นำตนเองประพฤติปฏิบัติ สร้างเหตุสร้างปัจจัยให้มันยิ่ง ๆ ขึ้นไป

 

หวังว่าพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็นอมตะ จะได้นำทุกท่านทุกคนเข้าถึงความดับทุกข์ด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...

 

Large_tt994

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
ให้กับคณะนักศึกษาโครงการ "โฮมโซลูชั่น แคเรียช้อยส์ (HOME SOLUTION Career Choice)
เช้าวันศุกร์ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
(เพิ่มเติมจากเช้าวันพุธที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕)

หมายเลขบันทึก: 487086เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2012 23:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 18:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท