โลกดึกดำบรรพ์ในยุค"คิงคอมพ์"


เรียกว่าคอมพิวเตอร์กลายเป็นนาย แล้วมนุษย์กลายเป็นทาส ที่ทำอะไรตามแต่คอมพิวเตอร์จะสั่ง โดยเราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น

นักคอมพ์  กำลังบอกเราว่า ยุคซิงกิวล่าร์ (singular) กำลังจะมาถึงอีกไม่นาน ไม่น่าเกิน 35 ปีจากนี้ ...ผลพวงจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์

 

ยุคนี้มันหมายถึงยุคที่เกิดระบบการคิดด้วยสมองเทียม (ปัญญาประดิษฐ์ หรือ artificial intelligence) ที่คิดได้ฉลาดกว่ามนุษย์ ที่ฉลาดที่สุดเสียอีก แล้วสมองเทียมนี้จะออกแบบตัวเอง เพื่อทำให้ตัวเองยิ่งฉลาดขึ้นไปแบบไม่รู้จบสิ้น จนมนุษย์เราไม่อาจทำนายได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะระดับสมองของมนุษย์ แม้ที่ฉลาดที่สุดก็คิดตามไม่ทัน

 

เรียกว่าคอมพิวเตอร์กลายเป็นนาย แล้วมนุษย์กลายเป็นทาส ที่ทำอะไรตามแต่คอมพิวเตอร์จะสั่ง โดยเราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่ทำออกมาแล้วมันดีก็แล้วกัน อุปมาแบบเด็กๆ ก็ทำอะไรตามที่พ่อแม่สอนสั่ง โดยไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เช่น ให้กินยา กินข้าว

 

พวกเชื่อในการเกิดระบบซิงกิวลาร์ทำนายด้วยอัตราการเจริญของเทคโนโลยีแบบพุ่งโลด (exponential growth) ว่ายุคนี้จะมาถึงประมาณ 35 ปีจากนี้ไป  (ที่เขียนนี้ พศ. ๒๕๕๔)  ของขวัญชิ้นสำคัญอาจเป็นว่า มันจะช่วยเราคิดหาทางทำให้ไม่แก่ได้ ...ที่คนจะตายก็เพราะต้องการตายเท่านั้น  (ดังนั้นคำสอนพระพุทธเจ้าที่ว่า เกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา อาจล้าสมัย)

 

พวกต่อต้านก็มีมาก รวมทั้งผมด้วย แต่ละคนก็เสนอทฤษฎีมาต่อต้าน

 

แต่ผมเห็นด้วยนะว่าสักวันหนึ่งจะมีสมองกลที่ฉลาดกว่ามนุษย์ที่ฉลาดที่สุด เพียงแต่ว่านิยามของคำว่า ฉลาด นั้นมันต้องจำกัดให้แคบลงมา 

 

คำว่า “ฉลาด”  นั้นนิยามว่าอย่างไร ส่วนใหญ่นิยามโดยนักวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ซึ่งมักหมายถึงความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์นั่นเอง  แล้วความซาบซึ้งในศิลปะ วรรณกรรมล่ะ ยังความรัก อารมณ์อีก  คอมพิวเตอร์อาจมี IQ แต่ EQ และ SQ (spiritual quotient) คงยาก (อันหลังนี้ผมขอเคลมเป็นผู้ก่อตั้งนิยาม)

 

พวกฝรั่งเขาไปคิดว่าสมองคือสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์ ถ้าสร้างสมองเทียมให้ดีกว่าสมองคนก็หมายความว่าเก่งกว่าคน แต่สิ่งที่เขาลืมไปคือ “จิตวิญญาณ”  ที่ผมเชื่อว่า..คงสร้างจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ไม่ได้หรอก

 

สมองเป็น “รูป”  ความคิดเป็น “นาม”  ส่วนจิตนั้นเป็นกลไกอีกอย่างที่เหนือสมองและความคิด  แต่จิตจะทำงานได้ดีเมื่อทำงานร่วมกับสมอง  จิตเป็นเหตุ สมองเป็นปัจจัย

 

แม้นว่าสร้างสมองกลได้เก่งมากปานใด แต่ผมว่าสมองกลนั้นคงไม่มีวันบรรลุธรรมได้ด้วยตัวเอง  เพราะปราศจากจิตวิญญาณ..จิตเดิมแท้ ที่นักวิทยาศาสตร์คงไม่มีวัน เสก เป่ากระหม่อม หุ่นยนต์ได้หรอก  ...นอกจากจะทำวิจัยแบบบูรณาการร่วมกับนักไสยศาสตร์....โห..แบบนี้คงรวยเละทั้งสองขว่าย...วินวิน ..ขอมหาโมทนาล่วงหน้า

 

....คนถางทาง (๒ มีนาคม ๒๕๕๔)

 

หมายเลขบันทึก: 487085เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2012 23:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

Classical computer development is for "computers/robots/automata" to serve (mankind). Recent examples of mankind development (functional-spiritual duality evolution) point to self-destruction. Robots can now perform human jobs 24/7 (in car assembly lines, electronic components assembly,...) with higher level of reliability. Some humans are serving computers (and robots and automated systems) already. More and more automata (systems) will replace human in manufacturing, harvesting, mining, "keeping order/regulating",...

Autonomous software agents are developing at fast rate, today. They are usually bound to one computer. But with 'cloud computeing technology', they are becoming mobile --moving from one computer to another. With robots and imbedding devices technologies, they will soon piggyback on mobile phones, tablets, cars,... too!

Where is the place for mankind? Jobs are getting 'factored' (remodelled into 'standard/common' components/steps so that complex jobs can be 'programmed' from these 'model components' -- just think about car parts and now replace the solid parts with soft 'standard skill steps' and there how many human jobs can go to 'computers'?)

For dreamers, DNA are atomic standard components, assembled to perform 'gene' functions which control 'physical' development of replicating bio-robots which in turn make changes to environment and each other which generate 'need to adapt' to the changes and that create competition among survivers and ...

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ต่อให้พัฒนาให้computer ฉลาดยังไงก็คงใส่หัวใจและจิตวิญญานความเป็นมนุษย์เข้าไปไม่ได้

ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ท่าน ชธ. วันนี้ขนาดมันเก่งปานนี้ยังสร้างห่นยนต์สองขาปีนต้นไม้ไปบิดลูกมะพร้าวไม่ได้เลยครับ อิอิ.....ส่วนขึ้นบันไดนั้นไม่ทราบตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว...แล้วหุ่นยนต์ทำก๋วยเตี๋ยวล่ะ ...หุ่นยนต์ที่มีอารมณ์รักกันแล้วสืบพันธุ์ออกลูกหลาน..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท