ความลำบากที่สุดอย่างหนึ่งของการเป็นพระก็คือการตื่นนอนเมื่อประมาณตีสามครึ่ง เพื่อเตรียมตัวทำวัตรเช้าเมื่อเวลาตีสี่ การทำวัตรก็คือการสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และการสวดมนต์พิธีต่างๆ เพื่อเป็นทั้งการชำระล้างจิตใจของตนเอง และเป็นทั้งการฝึกซ้อมการสวดมนต์ในงานพิธีต่างๆไปด้วยในตัว จากนั้นก็จะเป็นการนั่งสมาธิหรือเดินจงกรม แล้วแต่กรณี
พอฟ้าสางจนแลเห็นลายมือ ก็ต้องออกบิณฑบาตรเลี้ยงชีพและเป็นการโปรดญาติโยมไปด้วยในตัว ผู้เขียนชอบการออกบิณฑบาตรในตอนเช้าที่ฟ้าเริ่มสางเป็นกรณีพิเศษ คิดว่าการบิณฑบาตรเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของการบวชเลยก็ว่าได้ เหตุผลก็คล้ายๆเดิมที่ว่า นี่เป็นวัฒนธรรมที่เก่าแก่และแปลกประหลาดที่สุดอย่างหนึ่งในสังคมโลกมนุษย์เรา ณ จุดนี้ต้องกราบแทบเบื้องพระบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้บัญญัติพระวินัยข้อนี้ไว้ให้เป็นมรดกไทยและมรดกโลก
การออกบิณฑบาตรของพระเป็นการได้ประโยชน์นานาประการไปพร้อมๆกัน ประโยชน์ที่เห็นชัดที่สุดก็คือ ประโยชน์ของพระที่ได้มีข้าวปลาฉันประทังชีวิต แต่ชาวบ้านก็ได้ประโยชน์คือได้บริจาคทรัพย์เพื่อลดความตระหนี่เห็นแก่ตัว และก็พลอยได้ความอิ่มเอิบใจที่ได้ทำบุญทำนุบำรุงพระศาสนาด้วย
นอกจากได้ข้าวกินแล้วพระยังได้ออกกำลังกายอีกด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเดินกลับวัดหลังจากได้ข้าวเต็มบาตร(เพราะต้องแบกน้ำหนักมากขึ้น) นอกจากนี้ยังเป็นอุบายให้พระต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณญาติโยมที่ได้ให้อาหารเลี้ยงดู ทำให้ต้องตอบแทนบุญคุณญาติโยมด้วยการศึกษาธรรมะให้คุ้มค่าข้าวสุก
สุดท้ายยังเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าศาสนาเสื่อมถอยมากน้อยเพียงใด เพราะหากไม่มีใครใส่บาตรเลยก็แสดงว่าประชาชนหมดศรัทธาในศาสนาแล้ว หากไม่ปรับปรุงหรือปรับแปลงก็ควรปรับตกยกเลิกไปเลย การออกบิณฑบาตรจึงมีประโยชน์มากดังนี้ ผู้เขียนได้ลองแต่งกาพย์สรรเสริญการบิณฑบาตไว้ดังนี้
ฟ้าสางส่องเห็นลายมือ ขวาอุ้มซ้ายถือ
สะลึมลือโอบบาตรจีวร
โลดลิ่วเลาะลัดสัญจร เที่ยวเร่ตะลอน
สั่งสอนโปรดปวงประชา
ให้สละปัจจัยข้าวปลา บำรุงศาสนา
วัดวาพระเณรให้ดี
ทำมาจวบจนบัดนี้ สองพันกว่าปี
ยังมีศาสนาให้ดู
สาธุที่ยังอุ้มชู ให้พระธรรมอยู่
เคียงคู่ชาติไทยนานมา
ข้าขอตั้งสัตย์ปฏิญญา จะเรืองธรรมมา
ให้คุ้มค่าข้าวสุกท่านเอยฯ
ครับ การออกบิณฑบาตรนั้นส่วนใหญ่มักจะออกกันเมื่อฟ้าสางพอแลเห็นลายมือ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภายหลังจากเสร็จการทำวัตรสวดมนต์ในตอนเช้า ในการเดินบิณฑบาตรนั้นพระวินัยบัญญัติไว้ว่าต้องเดินด้วยอาการสำรวม สายตามองต่ำไม่สอดส่ายว่อกแว่กเหลียวซ้ายแลขวาสอดรู้สอดเห็น ในขณะรับข้าวใส่บาตรก็ให้มองเฉพาะในบาตรเท่านั้น
วินัยเหล่านี้ทรงบัญญัติคงเพราะเพื่อประโยชน์หลายๆประการ เช่น ทำให้ดูน่าเลื่อมใส เป็นอุบายในการครองสติ และป้องกันกิเลสอันจะเกิดจากการเห็นภาพอันบาดตาบาดใจ เช่น สีกาสวยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมไทยเราแต่โบราณหญิงสาวมักนิยมตักบาตรและมักชอบแต่งตัวสวยงามเสียด้วย (อาจเชื่อกันว่าทำบุญตักบาตรมากๆ แล้วจะได้คู่ครองที่ดี หล่อ ล่ำ และรวย อะไรเทือกนั้น)
การที่ต้องก้มมองต่ำตลอดทำให้ผู้เขียนได้สังเกตเห็นข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับคนอีสานบ้านนอกแถวอำเภอปักธงชัย จ.อังกอร์ราช คือเมื่อมองหน้าเขาไม่ได้ก็ขอมองตีนแทนก็แล้วกัน ทำให้สังเกตเห็นว่า มีชาวบ้านเป็นจำนวนมากที่มีนิ้วชี้เท้ายาวกว่านิ้วโป้ เห็นว่าประมาณครึ่งต่อครึ่งเลยก็ว่าได้ ในขณะที่ชาวเมือง(ที่ไม่ได้เป็นเกษตรกร)มีเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวต่ำกว่านี้มาก
บางครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจมันก็เห็นอะไรมากกว่านั้น เพราะเวลาจะใส่บาตรโยมเขาก็ต้องนั่งยองๆเอาขันข้าวจบหน้าผากอธิษฐาน และก็มานั่งยองๆอยู่ต่อหน้าพระที่ยืนอยู่นั่นเอง พระเองก็ต้องก้มมองต่ำ ก็ลองนึกดูกันเอาเองเถอะครับว่านอกจากหัวแม่ตีนแล้วจะเห็นอะไรอีก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาโยมๆสีกาที่ชอบใส่เสื้อคอลึกๆ)
ดีหน่อยที่สีกาสาวๆมักใส่เสื้อมิดชิดดี มีแต่พวกเหี่ยวๆเท่านั้นที่มักปล่อยให้โตงเตงโล่งโจ้ง ซึ่งแม้จะเห็นอะไรก็ไม่เป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์มากนักหรอก ตรงกันข้ามเป็นการดีเสียอีก เพราะทำให้ได้ปลงอนิจจังวัฎฎะสังขารา ว่าสังขารนั้นเป็นสิ่งไม่แน่นอน ย่อมเหี่ยวห้อยไปตามกาลเวลา
ท่านที่ไม่คุ้นเคยกับสีกาแก่ๆบ้านนอกชาวอีสานก็ขออธิบายให้ทราบตรงนี้ว่าพวกโยมเขามักนิยมใส่เสื้อคอกระเช้า แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวบ้าง ผ้าไหมบ้างห่มพาดเฉียงบ่าอีกชั้นหนึ่ง แต่บางครั้งก็ลืมผ้าห่มเฉียงบ่า ทำให้เปิดโปงโตงเตงดังว่า โยมสีกาแก่ๆท่านใดบังเอิญมาอ่านเจอตรงนี้เข้าก็ขอให้เก็บไปเป็นอุธาหรณ์ด้วยเด๊อ
...คนถางทาง
แหม.. เล่าซะเห็นภาพเลย แต่ก็จริงนะคะพระที่บวชทุกวันนี้.. สายตาพระจะมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเราเลยค่ะ สีกาที่นุ่งสั้นๆไปวัด สายตาพระจะจับจ้องที่ยี่ห้อกางเกงค่ะ... วันนั้นที่เห็นสีกาเค้าใส่ยี่ห้อ samer jim (อ่านว่า ซา-เมอ- จิม ) เห็นแล้วไม่รู้จะกล่าวโทษใครดี เฮ้อ.. พอกันหน่ะ