เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2555 ทางองค์กรครอบครัวเพลินพัฒนาได้จัดกิจกรรมบรรยายเรื่องการวางแผนการเงินและการลงทุนโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่านคือคุณมนตรี นิพิฐวิทยา ผู้ปกครองน้องบิ๊ก ด.ช. ธนภัทร นิพิฐวิทยา ห้อง 4/4 และคุณคเชนทร์ เบญจกุล ที่ปรึกษาด้านการเงินและทรัพยากรบุคคลของโรงเรียนเพลินพัฒนา ทางคณะผู้จัดงานขอขอบคุณท่านวิทยากรทั้งสองเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาให้ความรู้และมุมมองใหม่ๆ ในการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ V.I. (Value Investing) ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ธุรกิจและฐานะการเงินของบริษัทที่ลงทุน ด้วยการลงทุนเสมือนเป็นเจ้าของกิจการนั้นๆ ตัวอย่างของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกคือ Warren Buffet และในระดับประเทศไทยคือ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ทำไมต้องลงทุน เพื่อรักษามูลค่าของเงินหรืออำนาจซื้อให้ยังคงสามารถซื้อของได้พอใช้พอจ่าย ยกตัวอย่างราคาก๋วยเตี๋ยว เมื่อ 20 ปีก่อน ราคาชามละ 5-10 บาท ปัจจุบันราคาปรับขึ้นไปมากกว่า 30 บาทแล้ว ถ้าเราไม่สร้างมูลค่าเงินให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปีละ 6.5% ก็ถือว่าเงินที่เราเก็บออมไว้นั้นมูลค่าลดลงไปทุกปีๆ
ปัจจัยสำคัญก่อนการลงทุนคือต้องมีเวลาและข้อมูลเพื่อให้การลงทุนนั้นๆ ได้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ โดยเราสามารถเลือกประเภทการลงทุนได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ทองคำหุ้น ที่พักอาศัยให้เช่า กองทุนรวม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ การประกันชีวิต เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรจัดเงินลงทุนเป็นสัดส่วนตามวัตถุประสงค์และระยะเวลามี่ต้องการใช้เงิน เช่น ต้องการเก็บเงินไว้เป็นค่าเล่าเรียนบุตรในระดับมหาวิทยาลัย ต้องการเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณอายุการทำงาน ฯลฯ รวมไปถึงการมีความสามารถในการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาพตลาดและระดับความเสี่ยงที่เราพึงรับได้
สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้น เหตุที่น่าสนใจเพราะตลาดหุ้นมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก แม้ว่าจะมีความผันผวนอยู่มาก แต่เป็นที่ยอมรับว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนมากกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคาร ส่วนการจะเลือกหุ้นตัวใดนั้นให้พิจารณาที่ตัวธุรกิจเป็นหลัก หุ้นเป็นเพียงเอกสารแสดงสิทธิ์เท่านั้น โดยหุ้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ หุ้นวัฎจักร คือหุ้นที่มีรายได้ขึ้นๆ ลงๆ ตามภาวะเศรษฐกิจ และหุ้นกลุ่มที่มีรายได้สม่ำเสมอ คือหุ้นที่มีรายได้และกำไรมั่นคง ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับแนวทางในการเลือกลงทุนในหุ้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่ควรเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับงานที่เราทำหรือเกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญของเรา หรือเลือกซื้อหุ้นที่อยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของเรา โดยควรเลือกลงทุนประมาณ 3-5 ตัวก่อนเพื่อให้สามารถติดตามข้อมูลได้อย่างเพียงพอ และสามารถเพิ่มจำนวนหุ้นขึ้นไปได้อีกหากมีประสบการณ์มากพอเพียง
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นคือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมซึ่งมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในประเทศและกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยวิทยากรทั้งสองท่านได้ให้ข้อคิดเพื่อการลงทุนในกองทุนรวมดังนี้ ควรศึกษาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3-5 ปี ไม่ควรใช้ผลการดำเนินการงานช่วงสั้นๆ มาเป็นตัวตัดสิน ไม่ควรซื้อกองทุนด้วยความสะดวก เช่นรูดบัตรเครดิตได้หรือมีของแถม เพราะผลตอบแทนที่แตกต่างอาจมีราคามากกว่าของแถมหลายเท่านัก และควรทยอยซื้อเพื่อให้แน่ใจผลตอบแทนที่ได้เป็นที่น่าพอใจของเรา
การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งคือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคือการลงทุนในกองทุนที่ถือครองทรัพย์สินให้เช่าประเภทต่างๆ เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงงาน เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ โรงงาน คลังสินค้า สนามบิน ตลาด ฯลฯ และนำค่าเช่าหลังหักค่าใช้จ่ายมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน และสามารถซื้อขายได้เหมือนการซื้อหุ้นทั่วๆ ไป สำหรับการลงทุนในรูปแบบสุดท้ายที่ตั้งใจจะนำเสนอในวันนี้แต่เวลาหมดเสียก่อนคือการลงทุนด้วยการประกันชีวิตซึ่งแบ่งได้ 2 รูปแบบคือประกันแบบออมทรัพย์และประกันสุขภาพ ข้อแนะนำสำหรับบุคคลที่เหมาะกับการทำประกันชีวิตคือผู้ที่มีรายได้สูง เป็นผู้มีรายได้หลักในการหาเลี้ยงครอบครัวและมีภาระทางการเงินในอนาคตสูงควรทำวงเงินประกันให้รองรับค่าใช้จ่ายของครอบครัวจนกระทั่งลูกคนแรกเรียนจบปริญญาตรี และสำหรับผู้มีอาชีพที่ใช้ความสมบูรณ์ของร่างกายในการประกอบอาชีพ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ ศิลปิน นักกีฬา ฯลฯ ควรทำประกันชดเชยรายได้ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเกิดความผิดปกติของร่างกายจนไม่สามารถทำงานได้
ขอปิดท้ายด้วยข้อพึงระวังก่อนการลงทุน โดยคุณพ่อมนตรีบอกว่าถ้าเจ้าหน้าที่ธนาคารและใครๆ ก็ตามที่มาชวนลงทุนแล้วพูดแบบนี้ “ไม่ซื้อเสียดายแย่เลย, คุณจะเสียใจถ้าคุณไม่ ..., เราเอาชนะตลาดได้, อยากรวยใช่ไหมครับ, ปิดประตูขาดทุน, ไม่มีความเสี่ยงเลย, เชื่อผมสิ, เราจำกัดการขาดทุนของคุณได้ เป็นต้น” ให้ตอบปฏิเสธไปเลยค่ะ และคุณคเชนทร์ ฝากสรุปว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เราอาจจะกำไรหรือขาดทุนได้ อย่าใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงในการตัดสินใจนำเงินเก็บที่เกิดจากการทำงานหลายพันหลายหมื่นชั่วโมงไปลงทุน เพียงเพราะฟังคำแนะนำจากเพื่อนหรือซื้อตามโบรกเกอร์ คนที่ล้มเหลวในการลงทุนมีมากกว่าคนที่ประสบความสำเร็จ ผลประกอบการในอดีตไม่ได้สะท้อนผลประกอบการในอนาคต ไม่มีสูตรสำเร็จใดๆ สำหรับการลงทุน ความสำเร็จในการลงทุนขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความพยายาม การอ่าน การฟังและการสังเกตให้มาก
“ไตร่ตรองข้อมูลและลงทุนด้วยสติเสมอ”
ไม่มีความเห็น