สมาธิ คือการปล่อยจิตใจของเราออกจากความสับสน วุ่นวายที่ประสบอยู่เข้าสู่การสงบเรียบง่ายอย่างที่ควรจะเป็น ทำจิตใจของเราเข้าสู่ห้วงของความสงบสบาย และเมื่อ มีสมาธิดีแล้ว ก็จะทำให้เกิดสติ และ ปัญญามากขึ้น ในการที่จะนำมาใช้ในการแก้ปัญหา หรือความขัดแย้งในตัวตนของเราได้
สมาธิจะทำให้เรียนรู้เรื่องราวภายในแห่งตัวตนมากขึ้น รับรู้ถึงจิตใจ ความต้องการ ความคิด อารมณ์ ความสามารถ วิธีการทำสมาธิ มีทั้ง การเดิน การนั่ง ,นั่งพื้น หรือนั่งบนเก้าอี้, การนอนหงาย และสุดท้าย สุดยอดของการทำสมาธิ คือ การทำ หรือการมี สมาธิในการเป็นตนเองตลอดเวลา คือการทำสมาธิที่ยากที่สุด แต่น่าสนใจที่สุด รู้ว่าเราเป็นเช่นนี้ คิดอย่างนี้ เพราะอะไร ที่เราทุกข์ เราสุขเพราะอะไร ที่เรารู้สึกว่ายังบกพร่อง เรายังต้องกระเสือกกระสน ไข้วคว้า ที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกกับใจของเรา
เปรียบเทียบ คนจนคนหนึ่ง ที่กระเสือกกระสนหาเงินทองเท่าไร ขยันแค่ไหน ก็ยังไม่พอเพียงที่จะเลี้ยงครอบครัว อาจดูเหมือนว่า ความกระเสือกกระสนกับเงินทองที่เขาหามาได้นั้น เดินทางสวนกัน แต่กับอีกคน ซึ่งเป็นคนรวย ล้นฟ้า ก็กระเสือกกระสนหาเงินทองเช่นกัน คนๆนี้หาเงินทองได้มากมาย แต่ก็ยงกระเสือกกระสนจนวันตาย ความกระเสือกกระสนกับเงินทองที่เขาหามาได้นั้นเดินควบคู่ไปด้วยกัน มีแต่ความไม่รู้จักพอ ของเขาต่างหาก ที่เดินทางสวนกับทั้งสองสิ่ง และความไม่รู้จักพอนี้เอง มากจากจิตใจละโมบ มาก เรียกง่ายๆ ก็คือความทุกข์ ความสุขของคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของร่างกายหรือสภาพภายนอก ก็ล้วนมาจากจิตใจนั้นเอง
ผู้ที่มีสมาธิจิตสูงๆ นอกจากจะสงบปลอดโปร่งแล้วยังเป็นจิตใจที่สะอาด ไม่ยินดี ยินร้าย กับความทุกข์ ความสุข จนเกินไป สมาธิเป็นการที่เรารู้จักที่จะเลือกรับในสิ่งที่ดืงาม และสร้างสรรค์ รู้จักที่จะเพิกเฉย หรือปล่องวางกับเรื่องที่หนักหน่วง ไร้สาระ ที่หาประโยชน์ ไม่ได้นั่นเอง
มีสมาธิได้ทุกที่ เพียงแต่กำหนดจิตใจ จดจ่อกับสิ่งที่ทำไม่ว่าเป็นอะไรก็ตาม พยายามจับอารมณ์ของตนเองให้ได้ ตามอารมณ์ตัวเองให้ทัน สมาธิที่จดจ่ออยู่กับอารมณ์ของตนเองจะทำให้อารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ของคุณสามารถควบคุมอำนาจของมันได้ง่าย ขึ้น พอเริ่มรู้สึกว่ามันจะก่อกวนความวุ่นวายของจิตใจเรา ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์ที่เกิดให้ลดลงได้ แล้วเราะจะกลายเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ แห่งความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยสมาธิ
ไม่มีความเห็น