มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ : ผู้ชนะ คือ ผู้ที่ “พัฒนา...”


 

          คนเรามันจะทุกข์หรือสบาย จะจนหรือรวยในอนาคตมันขึ้นอยู่ที่การกระทำของเรา อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของราเอง ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นนะ...


Large_job007

          พระพุทธเจ้าท่านถึงสอนให้เรากระทำความดี ให้อด ให้ทน ให้ฝืน ให้เสียสละ อย่าปล่อยโอกาส อย่าปล่อยเวลาที่มีค่าให้เสียประโยชน์

          ทุกคนมันติดมาก ติดจริง ๆ มันไม่อยากพัฒนาตน ไม่อยากฝึกตน สิ่งไหนดี ๆ มันไม่อยากทำนะ มันกลัว มันกลัวความดี ความดีมันตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ความดีทุกอย่างที่เราทำพระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่าศีล ความดีทางกาย ทางวาจา พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าศีลนะ

      คนที่จะผิดศีลเป็นคนที่ไม่ตั้งใจแก้ไขตนเอง ไม่ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดี ไม่ละอายไม่เกรงกลัวต่อบาป รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดี รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ถูกก็ยังทำสิ่งเหล่านั้น ยังพูดสิ่งเหล่านั้น ครบกาย วาจา ใจ เขาเรียกว่าเป็นคนผิดศีล การกระทำของเรา ๓ อย่างเรียกว่าเป็นคนผิดศีล เป็นคนทุศีล 

 

          เมื่อการประพฤติปฏิบัติของเราดี คำพูดของเราดี เรามีเจตนาที่จะทำความดี พระพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นผู้มีศีล
          คนมีศีลถึงจะเป็นคนที่มีสมาธิ สมาธิคือความตั้งมั่นในความดี ไม่ทำตามความโลภ ความโกรธ ความหลง ทำตามความดี ความถูกต้อง สมาธิจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

          สมาธิแปลว่า ใจอยู่กับกาย ใจอยู่กับวาจา ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ปราศจากอัตตา ตัวตน

          บางทีเรามีสมาธิ ใจของเราจะสงบ ใจของเราจะเย็น ใจของเราจะไม่ทุกข์ เพราะใจของเราปราศจากนิวรณ์ ความโลภ ความโกรธ ความหลง

 

Large_td5423

 

          ชีวิตของเราทุก ๆ คนถ้ามีสมาธิ จิตใจจะสงบ จิตใจจะเย็น จิตใจจะไม่มีปัญหา สมาธิมันเป็น ตัวความสุข มันเป็นตัวปราศจากความทุกข์

          คนส่วนใหญ่นี้ไม่ค่อยมีสมาธินะ มีชีวิตอยู่เต็มไปด้วยความทุกข์ นั่งอยู่ก็เผาตัวเอง นอนอยู่ ก็เผาตัวเอง เดินอยู่ก็เผาตัวเอง มีสติไม่สมบูรณ์

          สมาธิเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเราทุก ๆ คนในชีวิตประจำวัน เรารับประทานอาหารเพื่อให้กายของเราสงบสุข เรานอนเพื่อให้กายของเราสงบสุข ตัวสงบสุขนั้นแหละคือตัวสมาธิพื้นฐานของชีวิต

          สมาธิจำเป็นมาก สำคัญมาก ถ้าเราเป็นคนสมาธิน้อย สารในร่างกายของเรา อดีนาลีนของเราก็จะมีน้อย ร่างกายจะผลิตแต่สารที่มีแต่ความทุกข์ จะทำให้เกิดโรคเกิดภัยได้ ที่คนว่านอนไม่หลับ เป็นโรคประสาท เป็นโรคจิต มันเป็นตัววัดของเราว่าไม่มีความสุข ไม่มีสมาธิ การเรียนหนังสือของเรา การกทำอะไรของเราก็จะไม่มีความสุข พระพุทธเจ้าท่านถึงให้ทุกคนพากันฝึกสมาธินะ...

          การฝึกสมาธิไม่ใช่การนั่งสมาธินะ...!
          สมาธิมีหลายระดับ ใจอยู่กับการงาน มีความสุขกับการงานเขาก็เรียกว่าสมาธิ
          

          การทำการงานทุกคนทุกคนส่วนใหญ่ไม่ชอบเพราะมันติดสุขติดสบาย แต่ทุกคนต้องทำงาน เพื่อเอาการเอางานมาฝึกสมาธิ เพราะการงานเป็นการฝึกสมาธิ

Large_2501201105

 

          ไม่ว่างานอะไรที่เราทำ จะชอบหรือไม่ชอบ เราต้องทำใจของเราให้มีความสุข ให้ได้เกิดสมาธิ ให้ได้ เพราะว่าสมาธิมีความปีติ มีความสุข มีความเป็นหนึ่ง มีความเป็นเอกัคตาอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่ทำไปทุกข์ไป ไม่มีปีติ ไม่มีความพอใจ ไม่เป็นสุข อย่างนี้ไม่ได้ ไม่ถูก ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แทนที่ชีวิตจะมีสาระ มีประโยชน์ มีความสุข

          ความชอบ ความไม่ชอบเป็นเพียงอารมณ์ เราจะอะไรกับมันมากไม่ได้...
          อย่างคนเรานี้ ความแก่เราก็ไม่ชอบ ความเจ็บเราก็ไม่ชอบ ความตายเราก็ไม่ชอบ เราไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้มันก็มีอยู่กับเรา ถ้าเราไปปฏิเสธปฏิฆะ ไปต่อต้าน ไปรบกับมัน มันก็เป็นสงครามในจิตใจของเรา

          พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรายอมรับความจริง เรามีความเจ็บ ความแก่ ความตาย ความพลัดพรากเป็นธรรมดา

          ให้เราทำงานไป ทำสมาธิไปพลาง เราจะไปปรับที่การทำงานของเรา ปรับที่คำพูด ปรับที่การกระทำ ปรับที่จิตที่ใจของเรา

Large_2501201106

 

          การพูดของเราก็เหมือนกัน เอาการพูดของเรามาฝึกในการรักษาศีล ฝึกในการทำสมาธิ การพูดของเราได้ทั้งศีล ได้ทั้งสมาธิ ได้ทั้งปัญญา เราพูดเรา เราก็มีศีล สมาธิ ปัญญา

          พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรามีสติในการพูด ก่อนพูดต้องมีสติก่อน แยกแยะก่อน มันผิดหรือมันถูก พูดแล้วมันเกิดประโยชน์ต่อตนเอง เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือไม่

          คำพูดนี้สำคัญมาก พูดผิดนิดเดียวก็มีปัญหา ถึงเราพูดไม่ผิด คนเข้าใจผิดก็ยังมีปัญหา

          ทุกคนต้องฝึกพูด ที่เราพูดมาสักแต่ว่าพูดเฉย ๆ เรายังไม่พัฒนาตนเอง พ่อแม่พาพูดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น ผู้ใหญ่พาพูด เพื่อนพาพูด สื่อมวลชนพาพูดนี้ยังไม่ได้พัฒนา ยังไม่เป็นตัวของตัวเอง การพูดติดจากคนอื่น ติดจากพ่อแม่จากใครที่ได้ยินได้ฟัง

          พระพุทธเจ้าท่านให้เรามาฝึกพูด เราพูดอ้อแอ้มาตั้งแต่ ๑ ขวบ ถ้าอยู่ในตระกูลผู้ดี พ่อแม่พูดดี ก็ค่อยยังชั่วหน่อย

          คำพูดนี้สำคัญมาก ไม่ใช่เราคิดอย่างไรพูดอย่างนั้น คิดว่าปากกับใจมันตรงกัน มันไม่ใช่ อย่างนั้น พูดตรงไปตรงมา พูดขวานผ่าซาก พูดตีวัวกระทบคราด พูดย้อนศรอย่างนั้น

          เราเป็นคนฉลาด เป็นนักวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลมาก พูดเก่งเถียงเก่ง เพราะพระเราอันตราย มันมีทั้งคุณและโทษ

          มันเป็นเรื่องจำเป็น คำพูดนี้เราต้องฝึก ฝึกมีหางเสียง การพูดมันเป็นเรื่องยาก แต่มันเป็น เรื่องที่ดี เราจะเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อครอบครัว ต่อสังคม เราอย่าไปคิดว่าถูกต้อง เขาพูดหนึ่งคำ ตอบโต้ตั้งหลายคำ “อย่าไปคิดว่าเราเก่ง เราขาดสตินะ...”

Large_2301201105

          คนที่เป็นโรคประสาท เป็นโรคจิต ส่วนใหญ่มันมีเหตุผลเยอะ แก้ตัวเยอะ มันเถียงเก่ง มันไม่รู้ตัวเอง มันพูดแก้ตัวได้ทุกอย่าง ทุกเรื่อง ไม่มีสิ่งไหนจะไม่พูดแก้ตัว

          ถ้าเราพูดดี พูดถูกต้อง เราก็เหมือนคนที่น่ารัก น่าเคารพนับถือ ไม่ว่าพ่อแม่เรา ผู้หลักผู้ใหญ่ เขาก็เคารพนับถือ เพื่อน ๆ ของเราก็เคารพนับถือ ลูกน้องบริวารก็เคารพนับถือ

          เราสังเกตถ้าใครพูดไม่ดีมีเพื่อนไม่กี่ปีก็หายไป ตั้งแต่เด็กจนแก่จะหาเพื่อนรักก็หาไม่ได้ เพราะเราเป็นคนมีปัญหาเรื่องคำพูด เขาเรียกว่าปากของเรามันพิษร้าย ปากร้าย เขาเรียกว่า ปากพกลูกระเบิด คนอยู่ใกล้เมื่อไหร่จะถูกลูกระเบิด ไปอยู่ที่บ้านก็ไม่มีความสุข ไม่มีความอบอุ่น อยู่ที่ทำงานก็ไม่มีความสุขไม่มีความอบอุ่น

          คนเราถ้ามีชีวิตอยู่คนเขาไม่เคารพไม่นับถือมันเป็นชีวิตที่ทุกข์มาก ที่ทรมานมาก ที่เจ็บมาก เข้ากับใครเขาก็ไม่ได้ เพราะประการใหญ่ก็คำพูด มันแสดงถึงมานะอัตตาตัวตน มันแสดงถึงตัวเรา เป็นคนไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ เป็นคนแบกทุกอย่างเต็ม ๆ

          ทุกท่านทุกคนต้องรู้จักพระนิพพาน...

          พระนิพพานเริ่มจากความสงบร่มเย็นในตัวเรา ในที่ทำงานของเราก่อน ชีวิตคนเราอย่าให้เป็นเหมือนฤดูแล้ง หน้าแล้งในเดือนเมษา มันขาดน้ำ มันแห้งแล้ง ความสุขมันมี ความดับทุกข์มันมี แต่เราไม่รู้จักเติมความสุขให้แก่ตนเอง เห็นเขากวาดถนนก็มีความสุขได้ ถ้าใจของเราเป็นคนเสียสละ ทำความดี ทำกุศล ทำอาหารก็มีความสุขในการทำอาหาร ไม่ใช่เพ่งโทษคนอื่น คนโน้นคนนี้ขี้เกียจ ไปว่าคนอื่นมาอยู่วัดแทนที่มาทำความดี มาเสียสละ กลับมาขี้เกียจขี้คร้าน สันหลังยาว เห็นแก่ตัว ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราก็แย่เหมือนกัน บุญของเราก็หาย มันเป็นเรื่องของเขา

 

Large_tt7426

          คนเห็นแก่ตัวมีมากในบ้าน ในวัด ในโรงงาน คนขี้เกียจมีเยอะ หาทำพันธุ์ง่าย เขาเรียกว่าของโหล มีเยอะ อย่าไปติเตียนเขา อย่าไปว่าเขา ช่างหัวมัน ใครไม่ถูห้องน้ำก็ช่างหัวมัน อย่าไปทำไปบ่นไป เราเอาความสุขความดับทุกข์จากสิ่งโน้นบ้างสิ่งนี้บ้าง เราเดินจงกรมก็มีความสุขในการเดินก้าวขาซ้าย ขาขวา สติสัมปชัญญะมันสมบูรณ์แข็งแรง

          คิดมากจะได้โรคประสาท อย่าไปคิดมาก คิดมากก็ไม่ได้อะไร เราอย่าไปคิดว่าปัญญามันไม่เกิด ทุกคนปัญญามากกว่าสมาธิ ความสงบร่มเย็นมันไม่พอ ให้มีความสงบมีความเย็น มันจะได้กลมกลืนระหว่างสมาธิกับปัญญา คนมีปัญญามากไม่ใช่ดับทุกข์ได้ ถ้าไม่มีสมาธิก็ดับทุกข์ไม่ได้ มีปัญหาว่า เมื่อเรามีความสุขความสบาย เราอย่าไปติดสุขติดสบาย ทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
สมาธิเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเรา เหมือนน้ำมันหล่อเลี้ยงต้นไม้ให้เติบโต ให้เราได้มีความสุข ให้เราได้ทำความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

          คนเรานี่มันติดนะ ถ้าไม่มีสติ มีเงินก็ติดเงิน เพราะเงินมันอำนวยความสะดวกสบาย มีทองคำ ก็ติดทองคำ เพราะทองคำมันอำนวยความสะดวกสบาย มีบ้านข้าวของเงินทองก็ติดข้าวของเงินทอง มียศมีตำแหน่งก็ติดยศติดตำแหน่ง เพราะสิ่งเหล่านี้มันอำนวยความสะดวกสบาย

          เมื่อมันติดแล้วมันจะไปไหนได้? เพราะมันติด... มันติดที่ไหน? มันติดที่ใจ...

          สมบัติ ข้าวของ เงินทอง ปัจจัย ๔ เป็นของใช้ตั้งแต่เกิดจนตายเท่านั้นเอง ถ้าเราไปติด ก็ไม่พัฒนาจิตใจของเรา แล้วก็เพลิดเพลินในสิ่งที่มีที่เป็น ทิ้งศีล ทิ้งข้อวัตรข้อปฏิบัติ ศักยภาพในการ เป็นมนุษย์ในการเสียสละก็จะหมดไป ก็เพราะว่าเราติด

 

Large_tt845

          ให้เราเอาปัจจัยนี้มาสร้างความดี มาสร้างบารมีนะ เช่น เรารับประทานอาหารให้มีกำลัง เพื่อรักษาศีล เจริญสมาธิ สร้างบารมี เพราะชีวิตของเราไม่ได้อยู่แค่นี้ ต้องเจ็บ ต้องตาย เมื่อไม่สิ้นอาวะกิเลสก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดนะ

          เห็นไหมเราทุกคนไม่มีอะไรมา เรายังติด ติดนอนตื่นสาย ติดไม่อยากทำงาน ติดอะไรตามใจตนเอง ไม่แก้ไข อย่างนี้เขาเรียกว่าติด ถ้ามีมากก็ยิ่งติดมาก

          พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่า คนเราเมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ภพชาติต่อไปไม่ได้เป็นเทวดา มนุษย์ก็จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน อสุรกายเป็นส่วนใหญ่

          ต้องฝืนไว้ ต้องทนไว้ อย่าไปติดมัน ภพภูมิมนุษย์ ของเรามันเหมาะสมที่จะบำเพ็ญบารมี แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเหมือนพระพุทธเจ้า คิดแต่เรื่องทำมาหากิน ไม่คิดสร้างบารมีเหมือนพระพุทธเจ้า เกิดมาทำมาหากินลูกเดียว เรื่องอื่นไม่สน หาอยู่หากินอย่างเดียว

Large_tt823

          หากินก็ไม่พอกิน เพราะว่ามันขี้เกียจ เพราะการหาทรัพยากรต้องหาจากคนอื่นเขา เช่นไปทำงานกับเขาก็เอาเงินเดือนกับเขา ซื้อถูกขายแพง ส่วนใหญ่ก็อย่างนี้ “คิดเรื่องทำมาหากิน คิดเรื่องเอาของคนอื่นจนมึน มันทุกข์ทับถมหัวใจ”

          เราส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเหมือนในหลวงที่ท่านคิดเพื่อจะให้ คิดเพื่อเสียสละ เพื่อจรรโลงให้ดีขึ้นไป

          เราส่วนใหญ่ไม่ได้คิดที่จะให้เหมือนกับพระพุทธเจ้าที่ท่านให้ตัวเองด้วยการทำความดี ให้คนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นทุกวิถีทาง เป็นผู้ให้อย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ

          คนคิดแต่จะเอามันก็ถึงทางตัน คิดไม่ออก มันก็ปวดหัว

          ถ้าเรารักษาศีล ๕ เราเป็นคนประพฤติปฏิบัติดีเรียกว่าศีล ๕ สามารถพัฒนาสามารถเรา เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระโสดาบัน เป็นผู้คิดถูกทาง คิดจะให้ผู้อื่น คนเห็นแก่ตัวมันคิดไม่ออก ว่าการให้ผู้อื่นนั้นเป็นความดับทุกข์ได้อย่างไร
พระพุทธเจ้าท่านให้เรามองเหมือนการเดินทางข้ามทะเลทราย มีอาหารก็ต้องแบ่งปัน แชร์ความสุขกัน เราจะเอาความสุขเราคนเดียวได้อย่างไร...?

          คนเรา เรามองดูมันรักตนเอง หลงตนเอง มันรักลูกตนเอง รักสามีภรรยา พ่อแม่ วงศ์สกุล ของตนเอง เวลาเราป่วย ญาติเราป่วยก็ทุกข์ มีปัญหามาก มีอะไรก็ทุกข์มาก

          ถ้าคิดอย่างในหลวง คิดอย่างพระพุทธเจ้า ท่านคิดว่าเราอย่าไปคิดแคบอย่างนั้น คิดให้มีเมตตาให้เป็นอัปปมัญญา เพราะทุกคนเกิดมาในโลกล้วนแต่เป็นญาติกันหมด คนเอเชีย คนยุโรป บ้านไหนเมืองไหนก็เป็นญาติกันทั้งนั้น ตลอดจนมดตัวเล็กตัวน้อย สัตว์ตัวเล็กตัวใหญ่ เราต้องให้ความเมตตากับทุก ๆ สิ่งทุก ๆ คน ถ้าเราคิดเห็นแก่ตัวมากเกินมันเอาเปรียบคนอื่น มันทำร้ายคนอื่น

          ถ้าเราคิดอย่างนี้ คิดให้มีเมตตา ตัวเราก็จะมีความสุขเพราะเราเป็นผู้ให้ ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูล ก็มีความสุข เพราะเราเป็นผู้ให้ มันเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ของเรา เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ดี ๆ เป็นสายพันธุ์ที่เกื้อกูล เป็นการพัฒนามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีก สายพันธุ์เก่าของดั้งเดิม มันก็รู้ว่าอันไหนมันดี มันชั่ว มันผิดมันถูก เราต้องพัฒนาสายพันธุ์ให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

Large_tt826

          การที่มาบวชที่วัดเขาเรียกว่าการประพฤติปฏิบัติ เรียกว่าการสร้างสายพันธุ์ใหม่ให้ดี ๆ ขึ้นไป

          ทุกคนต้องดีใจ ต้องพอใจ เพราะเราโชคดีที่ได้มาประพฤติปฏิบัติ โชคดีที่ได้มาฝึกตน ตอนนี้เรายังไม่รู้จัก รู้ผล อีกหลายปีข้างหน้าผลมันถึงจะเกิด
เราไม่ต้องคิดอะไรมาก เราทำตามพระพุทธเจ้าเดี๋ยวเราก็ได้ดีเอง

          พ่อแม่เลี้ยงเรามาประคบประหงม เลี้ยงเราตามใจเราอย่างนี้เป็นเหตุให้เราอ่อนแอได้ เรามาตั้งใจใหม่ บังคับตนเอง ฝึกตนเอง ความทุกข์ ความอยาก ความลำบาก มันก็จะหมดไปในอนาคต

          ถ้าเราไม่ตั้งใจฝึกตอนนี้ ไม่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติในตอนนี้ อดเอา ตั้งใจเอา ผู้ที่บวชไม่สึก ในอนาคตก็ต้องเป็นครูบาอาจารย์ เมื่อเราไม่มีความดี ไม่ประพฤติปฏิบัติ จะเอาอะไรไปเป็น ครูบาอาจารย์ในอนาคต เมื่อเราเป็นเด็กไม่ตั้งใจฝึก ในอนาคตของเราก็ลำบากนะ แล้วกว่าจะถึงวันนั้นชีวิตของเราก็สายแล้ว คำว่าสายคือนรกทั้งเป็น นำตัวเองเข้าหาความทุกข์ นำคนอื่นเข้าหาความทุกข์ มันเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ดี สายพันธุ์ที่ไม่ฝึก ไม่หัด ไม่อด ไม่ทน ไม่กระตือรือร้น

          ที่เราพากันมาประพฤติปฏิบัติ มาศึกษาหาความรู้ตามตำรากับตามพ่อแม่ครูอาจารย์ เอาการ เอางาน เอาข้อวัตรปฏิบัติเป็นเครื่องฝึก ชีวิตของเราจะได้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทำให้เป็นรูปธรรม นามธรรม ให้ชัดเจน

          คนรวยทำอะไรก็ชัดเจน เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในความดี เราต้องทำความดีด้วยความ อาจหาญร่าเริง อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า “ผู้ชนะ...”

Large_tt913



 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันอังคารที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 484201เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2012 11:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 01:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท