10 อันดับ สิ่งอันตรายที่ธรรมชาติสร้าง


10 อันดับ สิ่งอันตรายที่ธรรมชาติสร้าง
10 อันดับ สิ่งอันตรายที่ธรรมชาติสร้าง

 

10.ฮันนี่แบดเจอร์(Honey Badger) 
 

ฮันนี่แบ็ดเจอร์เป็นสัตว์ที่ ร้ายกาจที่สุดอาศัยอยู่ใน แอฟริกาและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มันอาศัยอยู่ใต้ดินเป็นครอบครัว ตั้ง 20 ตัว มันว่องไว ฉลาด(ประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆ ได้ เช่น บันได) มีเขี้ยวแหลมคม หนังหนา ทำให้มันจึงกลายเป็นสัตว์ใจกล้า อาหารของมันมีเล็กจนถึงใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น พวกสัตว์เล็กๆ พวกปลวก, กระต่าย, เม่น,งู(พิษไม่พิษกินหมด), แมงป่อง, กวาง, วิลเดอบิส(รูปร่างคล้ายวัว) สรุปคือสัตว์ทุกชนิดมันกินหมด(แต่มันชอบน้ำผึ้ง มากกว่า) จนได้รับฉายาว่า "สัตว์ที่ไม่กลัวอะไรเลย" ชื่อของมันลงกินเนสบุ๊ค ปี 2002 มันเคยชนะจระเข้ด้วยนะ และมีรายงานว่ามันฆ่าสิงโต เสือดาว ด้วย 

 

 

9.ยุง(Mosguito) 

ยุง เป็นแมลงที่พบได้ทั่วโลก จากหลักฐานฟอสซิลพบว่ามันมีมาตั้งแต่สมัยยุคดึกดำบรรพ์ 38-54 ล้านปีมาแล้ว ยุงขึ้นชื่อว่าเป็นแมลงที่ร้ายกาจที่สุด โดยเฉพาะตัวเมียที่กินเลือดของสัตว์เป็นอาหาร อีกทั้งยังเป็นพาหนะของโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไข้เลือดออก มาเลเรีย โรคเท้าช้าง เคยเกิดโรคระบาดอย่างไข้เลือดออกในประเทศไทยทำให้เด็กตายหลายคนมาแล้ว และนอกจากนี้จะกำจัดยังไงก็ไม่สูญพันธุ์และมันยังคงอยู่คู่โลกใบนี้ต่อไปอีก นานเท่านาน

 

 

8.โรคนอนไม่หลับมรณะ(Fatal Familial Insomnia) 

เรียกได้ว่าเป็นอาการของโรคที่เลวร้ายที่สุด เป็นโรคที่หายาก และไม่ทราบสาเหตุของมันแน่ชัดแต่คาดว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรม มีสถิตการเกิดโรคนี้ประมาณ 28 ครอบครัวทั่วโลก เป็นโรคที่รักษาไม่หาย เป็นแล้วตายแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเกิดโรคจะมีความทรมานยิ่งกว่ามะเร็งและเอดส์เสียอีก คืออาการแรกเริ่มก็คือนอนไม่หลับ ไม่ใช่ไม่หลับแค่ 2- 3 วันน่ะ แต่ไม่หลับตลอด 7-36 เดือนตั้งแต่เกิดโรคไปจนตายเลย(36 เดือนตาย แสดงว่าชีวิตคุณคงอยู่ได้ประมาณ 3 ปี โดยนอนไม่หลับ) และในระหว่างนั้นยังมีโรคอื่นๆ แทรกซ้อนอีก เช่น 1.คนไข้นอนไม่หลับ ทำให้เกิดอาการทางจิตกลัวอะไรต่างๆ มากมาย หวาดระแวง หวาดกลัว อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องสี่เดือน 2.คนไข้เริ่มมีอาการระบบประสาทเห็นภาพหลอน ตื่นตระหนก อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องห้าเดือน 3.ร่างกายอ่อนแอ น้ำหนักลดลง เกิดอาการแพ้ต่างๆ อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องสามเดือน 4.วิตกกังวล ความจำเสื่อม และช่วงท้ายๆ ของโรคจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องหกเดือน และเป็นอาการสุดท้าย จะเป็นแบบนี้จนกระทั่งตายลงอย่างทรมาน  

 

 

7.มดวัว(Bull Ant) 

มดที่อาศัยในป่าออสเตรเลียตะวันออก เป็นมดโบราณ มีนิสัยแตกต่างจากมดชนิดอื่นๆ ตรงที่มันชอบฉายเดี่ยวล่าเหยื่อ(ตัวมันใหญ่นี้น่า) นอกจากกัดแล้วมันยังต่อยได้อีก เพราะมันมีเหล็กในที่ก้น(เป็นญาติห่างๆ ผึ่ง ต่อ แตน หรือเปล่าเนี้ย) นอกจากนั้นยังมีสายตามองไกลถึง 2 เมตร เรียกได้ว่าน่ากลัวจริงๆ แต่กระนั้นมันก็มีจุดอ่อนคือมันไม่สามารถรับกลิ่นต่างๆ ได้ดีเท่ามดทั่วไปดังนั้นมันจึงอาศัยด้วยตาแทน และแม้มันจะกัดจะต่อยคนไม่ถึงตายเพราะพิษไม่รุนแรง แต่กระนั้นความเจ็บของมันนั้นเรียกได้ว่าเจ็บที่สุดในบรรดาสัตว์ที่กัดมาทุก ชนิดบนโลกใบนี้ เพราะอาการที่มดนี้กัด มีทั้ง แสบร้อน ปวดตุ้บๆ และอาการเหล่านี้มีฤทธิ์นานหลายวันทีเดียว เคยมีรายงานคนตายเพราะมันด้วยนะ  

 

 

6.เฟินน้ำซาลวิเนีย(Salvinia Molesta) 

วัชพืชที่ยุ่งยามที่สุด เป็นสิ่งมีชีวิตที่กำจัดยังไงก็ไม่มีวันหมด เป็นพืชชนิดหนึ่งอยู่ในกลุ่มเฟินน้ำ ลอยอยู่บนผิวน้ำ มันเติบโตเร็วมาก ใช้เวลาเพียง 2 วันก็เติบโตเต็มที่ นอกจากนั้นยังแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมากมายมหาศาลในเวลาอันรวดเร็วด้วย ผลคือเต็มสระทะเลสาป บังสระมิดจนเกิดหายนะ จนทำให้พืชน้ำตายเพราะว่ามันแย่งแสงอาทิตย์ที่ส่องมา และเมื่อไม่มีพืชน้ำสัตว์น้ำก็จะตายเพราะขาดอาหารและออกซิเจนในที่สุด อีกทั้งพืชชนิดนี้กำจัดยังไงก็ไม่มีวันหมด ใน UN เคยเอารถปั่นจันขนมันไปทิ้งจนหมดสระ แต่ก็ไม่แก้ปัญหาได้ เพราะมันแพร่พันธุ์ได้ เพราะส่วนที่เหลือจากการตัดทิ้งสามารถเจริญเติบโตแพร่พันธุ์ท้ายสุด จนเป็นปัญหาต่อชาวบ้านอย่างมากสำหรับสิ่งมีชีวิตนี้  

 

 

5.ดอกซากศพ(Corpse Flower) 

มีถิ่นกำเนิดที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย มีดอกขนาดใหญ่ สูงเกิน 6 ฟุต กว่าดอกจะออกก็นานมากประมาณ 4- 5 ครั้ง เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ กลิ่นของมันเหมือนซากศพ(ดังนั้นชื่อของมันเลยตั้งว่าซากศพ) ที่มีกลิ่นนั้นก็เพื่อล่อแมลงมาตอมดอกเพื่อเอาเกสรไปผสมพันธุ์ แม้กลิ่นมันจะเหม็นเพียงใดก็ตามแต่กระนั้นนักท่องเที่ยวต่างพากันมาชมความสวยงามของมัน  

 

 

4.แมงมุมบราซิล(The Brazilian Wandering spider) 

เป็นแมงมุมที่มีพิษที่ร้ายแรงที่สุดของโลก พิษของมันจะทำลายประสาท พิษของมันถ้าโดนกัดจะเจ็บปวดมาก ทำให้อวัยวะเพศควบคุมไม่ได้ และทำเสื่อมสมถรรณภาพทางเพศด้วย และถ้าไม่รักษาให้ทันเวลาละก็อาจตายได้ เป็นแมงมุมที่อันตรายมากที่สุด มีนิสัยชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แต่ส่วนใหญ่อยู่ป่ากล้วยอ่ะนะ(มันมีอีกชื่อหนึ่งว่า แมงมุมกล้วย บราซิลเป็นประเทศที่ปลูกกล้วยมากที่สุดในโลก  

 

 

3.ปลาแคนดิรู(Candiru) 

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปลาไม้จิ้มฟัน พบในแม่น้ำอะเมซอน เป็นปลาที่มีขนาดเล็ก ใหญ่สุดก็ 5 นิ้ว แต่พิษสงนี้ร้ายกาจเกินรูปร่างเลยแหละ ชาวบ้านแถวๆ นั้นกลัวปลาชนิดนี้อย่างมาก มันมีนิสัยเป็นเกาะชาวบ้านกิน มันจะเกาะเหงือกของปลา แล้วก็กัดเหงือกดูดเลือดจากปลานั้นๆ เป็นอาหารจนพอใจ มันขึ้นชื่อว่าเป็นปลาที่สกปรกที่สุด เพราะมันมีนิสัยชอบกลิ่นของปัสสาวะ ถ้าชาวบ้านคนไหนที่เข้ามาว่ายน้ำและฉี่ใส่ลงในแม่น้ำ มันจะรีบว่ายตามกลิ่นยูเรียนั้น จากนั้นมันจะมุดตัวเองเข้าไปอยู่ในท่อปัสสาวะของคน คนที่โดนปลานี้เข้าไปในร่างกายจะเจ็บปวดทรมานมาก มีทางเดียวคือต้องผ่าตัดออก ไม่เช่นนั้นจะเน่าถึงขั้นตัดท่อปัสสาวะทิ้งเลยทีเดียว  

 

 

2.มนุษย์(human) 

มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีสมองและฉลาดที่สุดบนโลก เป็นจ้าวโลกด้วย แต่เพราะความมีสมองนี้เอง ทำให้กลายเป็นสัตว์ที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมมากที่สุด พวกเขาทำให้น้ำและอากาศสกปรก พวกเขาทำลายป่า ทำลายภูเขา พวกเขามีจรวดปรมาณูที่ทำลายต่อโลก พวกเขามีส่วนทำให้เกิดโรคระบาดชนิดใหม่ๆ ทำลายสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ  

 

 

1.บอทูลินัม ท็อกซิน(Botulinum Toxin) 

ยังมีสิ่งที่ร้ายกว่ามนุษย์อีกเรอะ คำตอบก็คือมีสิ เพราะมันคือ อาวุธเชื้อโรคไงละ มันคือสิ่งมีชีวิตเดียวที่ทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้ บอทูลินัม ท็อกซินเป็นอาวุธเชื้อโรคที่เกิดการสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียที่ชื่อ คลอสตริเดียม บอทูลินัม(Clostridium botulinum เป็น แบคทีเรียที่ไม่พึ่งออกซิเจน มีรูปร่างตรงหรือโค้งเล็กน้อย เคลื่อนไหวได้ ความกว้าง 0.5-2.0 um ความยาว 1.6-22.0 um ความจริงเชื้อโรคพวกนี้สามารถพบได้ทั่วโลกในดินและแหล่งน้ำ ชนิดที่ร้ายแรงคือ types A, B และ E(types A นั้นสามารถมาดัดแปลงเป็นเครื่องสำอางได้ด้วย) มีฤทธิ์ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หมดแรง และเสียชีวิต อาการขึ้นอยู่กับรับเชื้อทางไหน แต่หากนำมาใช้ในสงครามแล้ว สารพิษจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว มีการคาดว่ากลุ่มก่อการร้ายทั่วโลกได้นำเชื้อนี้เป็นอาวุธชีวภาพสามารถใช้สารพิษชนิดนี้พ่นเพียง 1 กรัม จะสามารถทำลายชีวิตมนุษย์ได้ถึง 1.5 ล้านคน!! มีข้อมูลเสริมนิดหน่อยๆ แม้ว่าพิษนี้จะอันตรายแต่ก็มีประโยชน์การแพทย์เหมือนกัน เช่นใช้ในการผลิดเซรุ่มเป็นต้น  

คำสำคัญ (Tags): #ร้อยเอ็ด10
หมายเลขบันทึก: 483751เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2012 18:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 23:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท