วิธีเลี้ยงสัตว์น้ำให้ได้กำไรเพิ่ม 4 เท่า
ประเทศไทยเราเลี้ยงกุ้งมาก ส่งออกปีละ แสนล้าน บริโภคภายในอีกมาก นับเป็นธุรกิจมหาศาล มีการจ้างแรงงานถึง 1 ล้านคน เรียกว่าถ้าระดมคนงานมาเดินขบวนในกทม. ก็สามารถเปลี่ยนการเมืองไทยได้เลยแหละ เพราะพวกเสื้อแดงมาชุมนุมราชประสงค์แค่แสนคน ก็เปลี่ยนไทยได้แล้ว
ขอยกตัวอย่างเช่นปกติ ทำการเลี้ยงกุ้ง 7 บ่อ ทำกำไรได้ 1 ล้านบาทต่อปี โดยทำการเลี้ยง 3 ครั้งต่อปี (เลี้ยงกุ้งรุ่นละ 3 เดือน เว้นว่างหนึ่งเดือนเพื่อทำการเริ่มต้นรอบใหม่)
ผมมาคิดว่าถ้า แบ่ง 7 บ่อ เป็นสามระดับคือ
1) มี 1 บ่อ
2) มี 2 บ่อ
3) มี 4 บ่อ
รวมเป็น 7 บ่อพอดี แล้วทำการเลี้ยงกุ้งปลาหอยแบบเป็นขยัก อะไรจะเกิดขึ้น
บ่อที่ 1) เลี้ยงกุ้งเล็ก ตัวอ่อน เป็นเวลา 1 เดือน พอโตขึ้นต้องการพื้นที่มากก็ทำการแบ่งครึ่งส่งบ่อที่ 2 (ซึ่งมีสองบ่อ) เลี้ยงต่อไปอีก 1 เดือน จากนั้นแบ่งครึ่งส่งต่อบ่อ 3 เลี้ยงต่ออีก 1 เดือนแล้วจับขาย....ในขณะเดียวกันนั้น บ่อ 2 บ่อ 1 ก็ทำการอภิบาลกุ้งอ่อนตามลำดับ ...ทำให้มีการใช้บ่ออย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา
ถ้าทำแบบนี้จะจับกุ้งขายได้ปีละ 12 ครั้ง ทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้น 4 เท่า (4x3=12) เวลา 1 เดือนในการเตรียมงานรอบใหม่ก็ไม่มี เพราะเราสามารถจัดการเวลาให้ “เหลื่อมเวลา” กันได้ ไม่ต้องเสียเวลาหนึ่งเดือนเตรียมการแบบวิธีเดิม
อ้าว...มาอ่านใหม่ คำนวณผิดไปมาก จริงๆ แล้วได้กำไรมากขึ้นประมาณ 2 เท่ากว่าๆ เท่านั้นเอง ขอโทษที ลืมเทียบบัญญัติไตรยางค์ (ทั้งที่สอน math ระดับป.เอกนะเนี่ย) ...แต่ยังไงก็ยังได้กำไรตั้งสองเท่ากว่านะ...ช่วยผมพิสูจน์ด้วยสิ บอกหมดเดี๋ยวหมดหนุก
พวกเรียน Operation Research ไม่ทราบว่าจะมีวิธีการจัดการแบบ Optimization ได้ไหม ผมเชื่อว่าได้แน่ๆ อีกทั้งการย้ายกุ้งจากบ่อ 1 ไป 2 ไป 3 ก็ง่ายมากๆ แทบไม่มี cost เลย และไม่มีการเสียเวลาด้วย ...ทั้งนี้ ถ้าเรารู้วิธีการในรายละเอียดสักหน่อย
...คนถางทาง (๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕)
ความเห็น (5)
อ้าว...มาอ่านใหม่ คำนวณผิดไปมาก จริงๆ แล้วได้กำไรมากขึ้นประมาณ 2 เท่ากว่าๆ เท่านั้นเอง ขอโทษที ลืมเทียบบัญญัติไตรยางค์ (ทั้งที่สอน math ระดับป.เอกนะเนี่ย) ...แต่ยังไงก็ยังได้กำไรตั้งสองเท่ากว่านะ...ช่วยผมพิสูจน์ด้วยสิ บอกหมดเดี๋ยวหมดหนุก
เฉลยก็ได้ คือ จับขายได้ทุกเดือนก็จริง แต่เพียง 4 บ่อเท่านั้นนะ 12x4=48 ในขณะที่ระบบเก่าขายได้ 3x7= 21 ดังนั้นระบบใหม่ขายได้มากกว่า 48/21
โจทย์แบบนี้เอาไปสอนเด็กมัธยม มันจะสนุกมาก ทำให้เด็กคิดและจำพร้อมกันไป
ผมเคยเลี้ยงมาแล้วทั้งกุ้งก้ามกราม กุ้งกุลาดำ และกุ้งขาว..ความเสี่ยงของคนเลี้ยงกุ้งมีมากที่สุด..และราคากุ้งไม่สามารถกำหนดได้เอง..ในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลแหล่งน้ำ..ขาดการบริหารจัดการที่ดี..ไม่มีการรวมตัวเป็นสหกรณ์หรือกลุ่มที่สามารถสร้างอำนาจต่อรอง..รวมทั้งไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างจริงจัง..ดังนั้นการเลี้ยงกุ้งไม่อาจสร้างวิธีคิดแบบบัญญัติไตรยางค์..เพราะมีตัวแปรมากมาย..ทุกวันนี้ ในจังหวัดภาคกลาง ผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อย เริ่มหมดไป..ครับ..เช่นเดียวกับ ผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์อื่นๆ..รวมทั้งชาวสวนผลไม้..สวนผัก..เค้าพากันขายที่ดินใช้หนี้แล้วไปเป็นลูกจ้าง กรรมกร..หรือไม่ก็ย้ายครอบครัวเข้าไปบุกรุกป่าต้นน้ำลำธารกัน ครับ..
ท่านลุงราดรี ดูเหมือนว่าจะลุยมาหลายเรื่องนะครับ
ผมทราบดีครับว่าเลี้ยงกุ้งยากมาก เพื่อนผมคนหนึ่งก็เจ๊ง แต่อีกคนได้กำไรงาม ..มันมีตัวแปรเยอะมากจริงๆ ผมทราบครับ บทความผมก็ได้ระบุประเด็นนี้ไว้แล้ว เรื่องค่าไฟบำบัดน้ำก็เป็นปัจจัยสำคัญ
สำคัญที่สุดคือ มหาลัยไทย ไปทำงานวิจัยอะไรก็ไม่รู้ เลิศลอยฟ้า แต่ไม่สนใจอาชีพประชาชน ที่เสียภาษีมาเป็นเงินเดือนให้พวกเขา (ยกเว้นผมนะ อิอิ)
อัครเสน สมุทรผ่อง
เห็นด้วยกับคุณรักชาติราชบุรี ผมทดลองเลี้ยงกุ้งขาว กุ้งขาวปนก้ามกราม กุ้งขาวปนกร้ามกรามปนปลานิล เลี้ยงที่บางแพ ราชบุรี อยู่สิบกว่ารอบ ประมาณสี่ปี ไม่เคยที่ประมงอำเภอจังหวัด แม้แต่หน่วยงานราชการ ก็ไม่เคยเข้ามาให้เห็น มีเพียงเซลขายอาหาร แร่ธาตุ อ้างสรรพคุณต้มชาวบ้าน ใช้ได้ผลไม่ได้ผลก็สรุปไม่ได้ น้ำท่วมเมื่อปีกลาย ผมนำชาวบ้านไปเรียกร้องค่าเสียหาย นายอำเภอมาคุยที่บ่อ บอกรัฐไม่มีเงิน แต่เอาข้อมูลเราไปจนหมด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเอาไปเบิกเงินชดเชยใช้กันเองหรือป่าว ผมมีความสุขนะที่ได้มาฝึกเลี้ยงกุ้ง ช่วยชาวบ้านปลดหนี้ไปหลายราย ผมเองมีหนี้ท่วมตัวมาจากธุรกิจ แต่มาปลดหนี้ได้กว่าครึ่งค่อนเพราะกุ้งช่วย ตอนนี้ผมย้ายมาทำที่แม่กลอง น้ำกร่อย แต่โรคเยอะมาก เสี่ยงแต่ก็น่าลอง ทำมา 3 รอบ หน้าหนาวไปไม่รอด รอบสองกำไรพอทดแทนรอบแรก รอบสามขาดทุนนิดหน่อย ตัวแปรมันเยอะ คงต้องหาความรู้จากท่านทั้งหลาย มาปรับใช้และเป็นวิทยาทานกับชาวบ้านพื้นที่ ครับ