คนจำนวนหนึ่ง เข้ามาชมพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีไทยโบราณ ที่ผมก่อตั้งและสะสมของเก่าโบราณไว้ประมาณ 5,000 ชิ้น บ่นว่า มาชมแล้วรู้สึกกลัว
คือกลัวดวงวิญญาณของเจ้าของวัตถุโบราณเหล่านั้นที่อาจวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่ออารักขาสิ่งของ
ผมได้มุก เลยเอามาเขียนเป็นป้ายเตือนทำนองว่า ให้ปฏิบัติตัวให้ดี เพราะมีวิญญาณปู่ย่าชำเลืองอยู่
เวลาผมมาทำงานที่พภ. จนดึกดื่น เพื่อประหยัดพลังงานก็เลยนอนที่นั่นเสียเลย (บนโซฟา) คืนหนึ่งก็เกิดการฝันที่ประหลาดที่สุดในชีวิต
คือมีดนตรีไทยบรรเลงลั่นสนั่นหู ทำนองไพเราะสุดๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน (ทั้งที่เป็นแฟนเพลงไทยเดิม รู้ทำนองหมด ตั้งแต่แขกต่อยหม้อ ยัน ราตรีประดับดาว) และเป็นเพลงที่เร็วมาก แบบว่า Rock ฝรั่งอายก็แล้วกัน ...แต่มีแต่ระนาดเอก และฆ้องเท่านั้นนะ โดยเฉพาะเสียงฆ้องที่แทรกเข้ามาขัดและกำกับจังหวะระนาด.. มันสนุกมากๆ
....จากนั้นมี “นาย”ละครออกมาเต้นตามจังหวะเพลง ประมาณ 100 คน ...เต้นเร็วมาก และพร้อมเพรียงกันมาก ...ตรงข้ามกับการรำแบบไทยๆ ที่แสนอ่อนช้อย เพราะมีการซอยเท้าถี่ โยก คลึง ตีลังกา ..วาว
พอจบ ทุกคนเหงื่อไหลเปียกโชกไปหมด เดินแถวมาผ่านหน้าผม ซึ่งผมก็สัมผัสมือกับเขาแบบแถวนักบอลสัมผัสมือกันก่อนแข่ง (โดยผมเองก็แต่งกายโบราณ มีดาบเหน็บข้างเอวด้วย)
สุดท้ายก็คือนายวง ...ผมถามนายวงว่า เล่นดีมากๆ อยากทราบว่ามาจากไหน วันหลังจะได้จ้างมาเล่นอีก ..ท่านทำท่าอึกอัก ตอบแบบอ้อมแอ้มว่า “ก็มาจากแถวๆนี้แหละครับ”
ลืมเล่าไป เวลาผมนอน...ผมต้องเอาหอกบ้านเชียงอายุ 2000 ปีกับดาบน้ำพี้มาวางไว้หัวนอนด้วยเสมอ เพราะหวั่นไปว่า หากพวกขโมยมันเข้ามาขโมยของ ผมจะได้เอาอาวุธไปไล่มันออกไป
ทำให้คิดไปว่าหากผมตายไป แล้วไม่ได้ไปผุดเกิด วิญญาณ คงมาวนเวียน เฝ้าทรัพย์อยู่ “แถวนี้” แหละ อิอิ
...คนถางทาง (๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕)
อาจารย์ไม่แกะเพลงออกมาไว้ครับ เขาอาจจะมาเพื่อถ่ายทอดเพลงที่สูญหายไปนะครับ
ตอนตื่นใหม่ๆ ผมจำเมโลดี จังหวะได้หมด คิดว่าไม่ลืมแน่ แต่สักสามชม. ต่อมาลืมไปเกือบหมด จำได้แต่ตอนที่ฆ้องมาขัดจังหวะเป็นช่วงๆ เท่านั้นเอง เฮ้อ..ความแก่เป็นลืมอย่างยิ่ง