ช่วงเวลาที่โลกมันหยุดหมุน


แต่เมื่อไรที่เราสามารถมองเห็น และพูดได้ว่าเรา "ยอมรับ สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเราได้ในทุกๆสิ่ง เพราะเรานี้แหละคือต้นกำเนิดของทุกสิ่งที่มีที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา" ยอมรับจากจิตใจในทุกอนูได้แล้ว เมื่อนั้นแหละที่เราได้หลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างที่เป็นข้อจำกัดที่ทำให้เราไม่มีพลังในการใช้ชีวิต ไม่มีการแสดงออกที่อิสระอย่างเต็มที่

 

 

ขณะที่ภรรยาของผมกำลังรอที่จะคลอดนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมจะวิตกกังวลได้แบบว่านอนไม่ได้เลยละครับ ยังไม่เท่านั้น เมื่อเวลา 4:30 น. เป็นต้นมา ความทุกข์ที่ผมพึ่งมองเห็นนั้นแบบว่าสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือ การตั้งสติ และเตือนสติภรรยาของผมให้อยู่กับความเจ็บปวด จดจออยู่กับลมหายใจเข้าออก แต่เมื่อเอาใจไปจดจออยู่กับร่างกาย ความเจ็บปวด มันจึงทุกข์ทรมานสุดแสนจะทดได้ ผมนะเห็นแล้วแทบจะสติแตกเลยที่เดียวแต่ด้วยจุดยืนที่เราต้องเป็นที่พึ่งให้กับเธอ จึงตั้งสติและให้กำลังใจเธออยู่ตลอด จนผ่านพ้นช่วงเวลาที่แสนจะทรมาน ไปหนึ่งระดับแต่ก็ต้องลุ้นมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอถูกนำตัวเข้าสู่ห้องแห่งกาลเวลา ผมตั้งชื่อห้องนี้ว่า "ห้องแห่งกาลเวลา" เพราะว่า มันเป็นช่วงเวลาที่สัมผัสได้เลยว่าทุกๆวินาที ขณะลมหายใจเข้า ลมหายใจออก มันสุดแสนจะมีคุณค่า มันเห็นภาพกรอกลับของการกระทำอะไรบ้างในอดีต ที่เป็นคำถามที่ทำให้ตื่นรู้บางอย่างของการใช้เวลาที่ผ่านมา และครั้งแรกที่สายตามันสัมผัสภาพของร่างกายอันเล็กขนาดมือข้างเดียวจับได้มิด หูที่มันได้ยินเสียงร้องดังกังวาล ประหนึ่งจะทำให้ทุกโสตประสาทการรับรู้ หยุดนิ่งฟังไปที่เสียงนั้นเพียงอย่างเดียว… "ผู้หญิง" คุณหมอที่ทำการคลอดตะโกนขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นน้ำตามันก็หลั่งไหลด้วยความปิติยินดีอย่างที่สุดของชีวิต เขาพาร่างของสายน้ำมาใกล้คุณแม่และพาไปทำความสะอาดแต่งตัวพักฟื้น ผมก็ติดตามไป…ยืนมองอยู่นานทั้งๆที่มีเก้าอี้โซฟาน่านอนว่างเปล่าพอสำหรับการนั่งเล่นและนอนพักได้สบาย ผมยืนข้างเตียงของภรรยายาวนานที่สุดเท่าที่มนุษย์คนนี้จะยืนหยัดได้ แต่ขณะนั้น ไม่แม้แต่จะคิดนั่งด้วยซ้ำ แต่เวลาที่เรานั่งรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าเพียงไม่กี่นาที เรากลับรู้สึกว่าต้องได้นั่งหรือแย่งกันนั่ง บางครั้งก็เห็นผู้ชายที่ไม่ได้ลุกให้ผู้หญิง คนแก่นั่ง เวลาที่เราไม่มีสติเรามักจะลืมตนเองถึงการกำเนิดมาเพื่อการ "แบ่งปัน" หรือที่เรียกกันว่าการ "ให้" มันทำให้ผมได้รับรู้ว่าการที่ผมสามารถยืนหยัดอยู่ได้เพราะความรัก ความเมตตา ใส่ใจ ผมจึงไม่ยึดติดที่ความสะดวกสบายของผมและการที่มนุษย์เราจะยึดติดอะไรสักอย่างย่อมไม่ผิดอะไร เพียงเพราะเราไม่มีสติ ณ เวลานั้นก็เท่านั้นเอง แต่ทุกสิ่งล้วนมีผลตามมาทั้งสินและที่มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไม่มีพลัง ไม่มีกำลังใจ ไม่สนุก ไม่มีชีวิตชีวาก็เนื่องด้วยว่า ไม่ยอมรับผลลัพธ์จากสิ่งที่เรากระทำหรือไม่กระทำอะไรบางอย่าง…

 

         แต่เมื่อไรที่เราสามารถมองเห็น และพูดได้ว่าเรา "ยอมรับ สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเราได้ในทุกๆสิ่ง เพราะเรานี้แหละคือต้นกำเนิดของทุกสิ่งที่มีที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา" ยอมรับจากจิตใจในทุกอนูได้แล้ว เมื่อนั้นแหละที่เราได้หลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างที่เป็นข้อจำกัดที่ทำให้เราไม่มีพลังในการใช้ชีวิต ไม่มีการแสดงออกที่อิสระอย่างเต็มที่ 

 

        ประสบการณ์ในครั้งนี้มันทำให้ผมเห็นเลยว่า เวลาทุกขณะวินาทีนั้นสำคัญยิ่ง…และรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่มีในชีวิตผม...
หมายเลขบันทึก: 483169เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2012 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2012 13:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท