เรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างการเรียนจากวีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์กับการสอนแบบปกติ เรื่อง การออกแบบผลิตภัณฑ์ กลุ่มการงานอาชีพและเทคโนโลยี
วีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์ เป็นสื่อที่แพระกระจายความรู้ได้ดี เพราะสามารถสื่อได้ทั้งภาพและเสียง ทำให้จดจำได้ง่าย อีกทั้งสามารถ Interactive กับเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ความสามารถ ความคิดตามลำดับขั้นอย่างมีเหตุผลมีระเบียบ สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาบทเรียนวีดิทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์ เรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างการเรียนจากวีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์กับการสอนแบบปกติ เรื่อง การออกแบบผลิตภัณฑ์กลุ่มการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนสตรีศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1ภาคเรียนที่1ปีการศึกษา2548 ห้องม.2/1และ2/2จำนวน 122 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจงจัดเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 61 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยวีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์ เรื่อง การออกแบบผลิตภัณฑ์ จำนวน 4 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้ จำวน 2 แผน 16 คาบ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การออกแบบผลิตภัณฑ์ จำนวน 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.90 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.23 ถึง 0.98 มีค่าความเชื่อมั่น 0.86
ผลการวิจัย
1.บทเรียนวีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์มีประสิทธิภาพ 85.45/83.69 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2.นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนวีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่า การสอนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนวีดีทัศน์แบบปฏิสัมพันธ์มีความคิดสร้างสรรค์ สูงกว่า การสอนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
บทเรียนวีดิทัศน์มีประสิทธิภาพเหมาะสมในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนได้อย่างเหมาะสม จึงควรส่งเสริมให้ครูใช้บทเรียนวีดีทัศน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนคิดเองทำเองมากขึ้น
ไม่มีความเห็น