การเดินทางที่จะนับหนึ่ง หรือสองดี


"มนุษย์ทุกคนย่อมต้องสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้เสมอ"

     เมื่อเวลาที่ทุกคนมาถึงทางเดินที่จะต้อง คิดและก้าวเดินต่อ ในหนทางที่เราเองไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราควรทำไงกันดีนะ

     ตัวผมเองแม้ว่าจะผ่านจุดนี้มาถึงสองรอบและกำลังจะต้องเจออีกในรอบที่สามก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นช่วงเวลาที่สุดโหดอยู่ทุกที (ไม่เคยจำเลย) ช่วงเวลานี้ทุกคนจะต้องปวดหัว ปวดหัวใจ ว่าเราจะเลือกยังไงดี เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่คนรอบข้างเรามากที่สุดนั่นก็หมายถึงตัวเราก็ต้องสบายใจด้วย

     มีท่านหนึ่งได้กล่าวกับผมว่า "มนุษย์ทุกคนย่อมต้องสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้เสมอ" ใช่ครับมนุษย์ทุกคนย่อมที่จะต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตเราได้อยู่เสมอ หากมนุษย์จะหยุดเรียนรู้นั่นก็หมายถึงเขาได้หมดลมหายใจไปจากโลกนี้แล้ว แล้วกลับมาย้อนถามตัวเราว่าเราจะเรียนรู้ในสิ่งใหม่อันเป็นการนับหนึ่ง หรือจะต่อยอดการเรียนรู้ของเราที่มีอยู่อันเป็นการนับสอง(ต่างคนต่างคิด)

     ตัวผมเองที่จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ที่ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตนักกฎหมายเพื่อ "สัจจะและบริการ" กลับสู่สังคมเพื่อนผมหลายท่านได้กลับบ้านไปด้วยความรู้ที่จะนำไปช่วยเหลือพี่น้องชาวบ้านในสังคมของตน และอีกหลายท่านก็เดินทางสู่เป้าหมายที่ตนเองได้วางไว้ ผมเองแม้จะไม่ได้เดินไปในทางที่หลายคนได้เดินไป แต่ก็เดินทางแสวงหาความรู้ ที่ปัจจุบันมีนักกฎหมายจำนวนหนึ่งเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ การเรียนรู้นี้ไม่สามารถจะหาได้ครบในมหาวิทยาลัย 

     เมื่อถึงเวลานั้นที่จะต้องเลือกระหว่างการเดินทางหาความรู้เฉพาะทาง กับการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น มันเป็นการเลือกที่ยาก แต่ก็มีพี่ท่านหนึ่งกล่าวกับผมว่า "พระเจ้าได้เลือกทางเดินให้กับเราและท่านได้สร้างที่ที่เราต้องอยู่ไว้แล้ว อย่าได้ไปกังวล" แม้ผมจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็เรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่ประถม เว้นช่วงแค่ตอนมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น พอได้รับฟังคำพูดนี้ก็ทำให้แนวทางการเลือกเดินของผมชัดขึ้น นั่นคือ "เรียนต่อ"

     การเลือกเรียนต่อนี้ ก็เพื่อพัฒนาตัวเองขึ้นเพื่อให้ชัดเจนในสิ่งที่เราจะกระทำต่อไป  พอเรียนจบภาคทฤษฎี เข้าสู่ห้วงของการทำวิทยานิพนธ์ ผมได้เข้าทำงานที่มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา มูลนิธิฯที่ทำงานด้านสถานะบุคคลเพื่อให้คนเป็นคนไทยที่สมบูรณ์ และที่นี่ตลอดระยะเวลา 3 ปี ผมได้เรียนรู้และเรียนรู้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคลของคน เข้าใจระบบการจัดการประชากรของรัฐ และพยายามนำเอาองค์ความรู้ที่มีเขียนออกมาเพื่อใช้สอนให้แก่บุคคลผู้สนใจต่อไป

     ทั้งตัวผมเองก็ได้เลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ "ปัญหาบุคคลตกหล่นจากทะเบียนราษฎรไทยที่ทำให้บุคคลตกอยู่ในสภาวะไร้รัฐ"  อันเป็นงานที่ตอบปัญหาการตกเป็นบุคคลตกหล่นจากทะเบียนราษฎรของรัฐไทย และรัฐอื่นๆทั่วโลก ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่ได้รับการบันทึกตัวตนเข้าสู่ระบบการทะเบียนราษฎรของทุกรัฐในโลก อันเป็นเหตุให้ตกอยู่ในสภาวะเป็น "คนไร้รัฐ"  

     แต่ก็น่าเสียดาย เมื่อผมได้เลือกเดินกลับมาสู่หนทางของการเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำทุกอย่างเพื่อให้องค์กรได้ประโยชน์มากที่สุด อันเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่สำหรับตัวผม อุดมการณ์เริ่มถูกกัดกิน 

     ณ เวลานี้ ผมคงต้องหาที่เงียบสงบ นั่งคิดตรึกตรอง ความถูกผิดของความคิดเรา เราจะเดินนับหนึ่งกับงานใหม่ หรือจะแสวงหาหนทางไปต่อยอดความรู้เดิมที่เรามีมานับต่อไป

     เป็นช่วงเวลาที่ผมต้องคิดอีกครั้ง 

หมายเลขบันทึก: 482346เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2012 11:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 00:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท