ผมจบแพทย์เชียงใหม่ปี 2536 เริ่มทำงานที่โรงพยาบาลงาว จังหวัดลำปางแล้วอีก 1 ปีก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่พริกซึ่งไกลที่สุดของลำปาง เป็นแพทย์คนเดียวของอำเภออยู่ 2 ปี อยู่แม่พริกตั้งแต่ปี 2537-2540 ได้รับรางวัลโรงพยาบาลชุมชนดีเด่น 3 ปีซ้อนและคปสอ.ดีเด่น 3 ปีซ้อนเช่นกัน ก็มีความสุขดีกับทีมงานกับชุมชน แต่ก็มีเงื่อนไขบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ต้องย้ายเช่นเคยมีคนพูดว่าโรงพยาบาลเล็กๆอย่างแม่พริก เจ้าหน้าที่จบใหม่ก็พัฒนาง่าย อยู่ไกลๆประชาชนไม่มีทางเลือกเขาก็ต้องมาใช้บริการอยู่แล้ว ทำให้ผมคิดว่าถ้าเป็นโรงพยาบาลใกล้เมืองเราจะพัฒนาได้ไหมเพราะไม่ว่าจะใกล้เมืองหรือไกลเมืองก็ต้องดูแลคนไทยเหมือนกัน เป็นโรงพยาบาลชุมชนเหมือนกัน ก็เลยย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านตากเมื่อปี 2540 มีแพทย์ 2 คน ประชาชนเกือบห้าหมื่นคน มีคนไข้เฉลี่ย 120 คนต่อวัน พอๆกับที่โรงพยาบาลแม่พริกที่มีประชากร หมื่นห้าพันคน บ้านตากเป็นโรงพยาบาล 30 เตียง เป็นโรงพยาบาลชุมชนที่ห่างจากตังจังหวัด 24 กิโลเมตรในช่วงเวลา 30 ปีเปลี่ยนผู้อำนวยการมาแล้ว 22 คน ผมเป็นคนที่ 23 มีการเปลี่ยนแพทย์ประจำทุกปี ยิ่งช่วงหลังเปลี่ยนทุก 2-4 เดือน มีผมประจำคนเดียว ผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะถ้าเป็นจังหวัดอื่นๆผู้อำนวยการจะอาวุโสและก็ไม่ค่อยย้ายไปไหน พอมาอยู่ก็รับรู้ว่าเมืองตากเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆเป็นทางผ่าน ประมาณ 3 ทุ่มตลาดก็เงียบแล้ว การเดินทางก็ลำบาก เป็นทางผ่านก็จริง แต่รถโดยสารที่มีสภาพไม่ค่อยดี เมืองใหญ่จริงๆกลับไปอยู่มี่อำเภอแม่สอดซึ่งเป็นเมืองชายแดน มีรถโดยสารอย่างดี มีเครื่องบินลง ที่ตากก็มีสนามบินแต่ไม่มีเครื่องบินลง ยิ่งตัวอำเภอบ้านตากไม่ต้องพูดถึงประมาณ 2 ทุ่มก็เงียบแล้ว ดึกๆถ้าหิวก็ต้องทำกินเองเท่านั้น แต่ในเรื่องของความเป็นมิตรของประชาชนถือว่าดีมาก หมอรุ่นก่อนๆเขามักบอกว่าคนบ้านตากหัวหมอแต่ผมมาอยู่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็มีปัญหาบ้างเล็กๆน้อยๆเท่านั้นและผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นก็จะช่วยสร้างความเข้าใจให้ได้ การมีคนไข้เฉลี่ยแค่ 120 คนต่อวันนั้น พี่แพทย์ท่านหนึ่งพูดกับผมว่าคนไข้น้อย แต่คนป่วยอาจจะมากก็ได้ เพียงแต่เขาป่วยแล้วเขาไม่มาหาเราเพราะอยู่ใกล้เมืองมีทางเลือกที่จะไปรักษาได้มาก ผมมาดูก็เห็นจะจริงตามนั้น ก็เลยคุยกับทีมงานว่าเราคงต้องพยายามปรับปรุงบริการของโรงพยาบาลเรา พัฒนาสร้างศรัทธาให้ประชาชนเชื่อมั่นมารักษาเขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล เสียค่าเหมารถมากกว่าค่ายาเสียอีก ช่วงแรกก็ปรับปรุงเรื่องบริการให้เกิดความพึงพอใจ ตรวจตรงเวลา บริการรวดเร็วขึ้นทำให้มีคนไข้มารักษามากขึ้น จาก 120 คนต่อวันเป็นเกือบ 200 คนต่อวัน อัตราครองเตียงจาก 60% กลายเป็น 120 % ทำให้เกิดภาวะคนไข้ล้นเตียง แออัด ให้ไปนอนโรงพยาบาลจังหวัดก็ไม่อยากไปและไกลบ้าน มีอยู่คนหนึ่งผมจำได้ฝังใจเลยว่าเตียงเต็มผมจะให้ส่งไปนอนที่ตัวจังหวัดเขาบอกว่าหมอ ขอนอนที่นี่แหละนอนข้างเตียงหรือริมระเบียงก็ได้เพราะขนาดมาที่บ้านตาก 10 กิโลเมตรต้องเหมาค่ารถตั้ง 500 บาท ถ้าไปที่ตากอีกก็ต้องเสียค่าเหมารถอีกหลายร้อย ผมบอกว่าไม่เสียเพราะรถโรงพยาบาลไปส่ง เขาก็บอกว่าถึงไม่เสียค่ารถก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่อยู่ที่กินจิปาถะ ยังไงก็ขออยู่ที่บ้านตากดีกว่า ผมก็ได้คิดว่าบางทีในความรู้สึกของคนมีเงิน มีรถยนต์ส่วนตัว หรือคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ที่มีรถโดยสารสะดวกอาจมองว่าระยะแค่ 24 กิโลเมตรนี่เป็นระยะทางใกล้ๆ ประเดี๋ยวเดียวก็ถึง แต่ในความรู้สึกของประชาชนคนยากจนเขากลับมองว่ามันไกลมากสำหรับเขา ผมกับทีมงานก็เลยมานั่งคิดกันว่าเราต้องพัฒนาโรงพยาบาลเพราะคนส่วนใหญ่ที่มีทางเลือกไม่มากจะได้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลเราอย่างสบายใจ พอดีได้ไปกราบพระครูพิทักษ์บรมธาตุ เจ้าคณะอำเภอบ้านตากก็เรียนให้ท่านทราบท่านก็บริจาคเงินให้ 3ล้านห้าแสนบาทเพื่อสร้างอาคารผู้ป่วยในและทางทีมโรงพยาบาลก็ช่วยกันหาบริจาคอีกจนได้ครบ 4ล้านห้าแสนสร้างอาคารผู้ป่วยใน 30 เตียงสำเร็จ ขณะสร้างอาคารก็มีคนแจ้งความจำนงบริจาคเครื่องมือแพทย์และปรับปรุงห้องพิเศษจนทำให้สามารถเปิดอาคารได้โดยไม่ต้องใช้เงินงบประมาณ เครื่องมือแพทย์รวมทั้งเตียงผู้ป่วยได้จากเงินบริจาคทั้งหมด และในปีเดียวกันนั้นอาจารย์ทัศนีย์ เทียนทอง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนอนุบาลไผทวิทยาท่านก็ได้บริจาคเงินอีก 7 ล้านบาทเพื่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกอีก 1 หลังและบริจาคเครื่องมือแพทย์ รถพยาบาลให้และทางทีมโรงพยาบาลก็ช่วยกันหาเงินสมทบอีก 2 ล้านบาทจนครบและสามารถสร้างอาคารสำเร็จสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ เมื่อมีอาคารสถานที่พอเพียง เราก็ได้พยายามดูแลโดยใช้กิจกรรม 5 ส เป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการพัฒนา ซึ่งเราทำ 5 ส กันเป็นทีมเป็นตึก ทำแบบสนุกๆ ปรับปรุงสถานที่ให้บริการที่สะอาด เรียบร้อย เหมาะสมกับการให้บริการพร้อมทั้งการขยายบริการทางด้านทันตกรรม กายภาพบำบัดที่จ้างจากเงินกองทุนบริจาคและต่อมาก็ได้จ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวของโรงพยาบาลจนถึงปัจจุบัน มีบริการการแพทย์แผนไทยที่ให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองโดยไม่ต้องเสียเงิน มีการผลิตสมุนไพรใช้เองในโรงพยาบาลโดยรับซื้อวัตถุดิบจากประชาชนในพื้นที่ ทำให้เรามีบริการที่ผสมผสานมีการจัดตั้งงานบริการสุขภาพจิตเพื่อร่วมให้การดูแลด้านสุขภาพจิตควบคู่ไปกับสุขภาพกายในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาล ในเรื่องการบริหารจัดการเราเน้นการทำงานเป็นทีมเพิ่มบทบาทของหัวหน้างานและคณะกรรมการบริหาร การพิจารณาความดีความชอบก็ใช้ทีมกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาตัดสิน เน้นสร้างความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สร้างกลุ่มใหญ่ สลายกลุ่มย่อย มีกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ที่ไม่ใช้เงินมาก แต่ให้เวลาร่วมกันมากเป็นลักษณะมินิโอดี เช่นเล่นกีฬา จัดสวน ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน ทำให้ได้ทั้งทีม ได้ทั้งงานและได้ทั้งชุมชน เราเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโดยการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลโรงพยาบาลโดยจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลที่มีตัวแทนมาจากภาคราชการ ภาคท้องถิ่น ผู้ทรงคุณวุฒิในชุมชน มีการทำงานร่วมทีมกับส่วนราชการต่างๆในอำเภอ การทำงานในคปสอ.บ้านตากได้อย่างราบรื่นทั้งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอและสถานีอนามัยจะเป็นเสมือนทีมเดียวกันโดยเฉพาะการเป็นพี่เลี้ยงของสถานีอนามัยในเขตรับผิดชอบที่ยึดถือหลักการว่าสถานีอนามัยต้องอยู่ได้นั่นคือมียา มีเงินเพียงพอที่จะบริหารจัดการสถานีอนามัยได้แม้โรงพยาบาลจะประสบกับภาระหนี้สินก็ตาม มีการประชุมพบปะกันในคปสอ.ทุกเดือน เพื่อพิจารณาปัญหาสาธารณสุขร่วมกัน ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน เป็นทีมเดียวกัน โรงพยาบาลบ้านตากจะได้รับงบประมาณสนับสนุนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลและพื้นที่ขนาดเดียวกันเนื่องจากจังหวัดตากมีประชากรในทะเบียนสิทธิน้อยแต่มีภาระทางด้านชาวต่างชาติมาก การพัฒนาจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันของทีมงานของโรงพยาบาล ที่จะต้องช่วยกันทำงานเพื่อให้เป็นที่ศรัทธาของประชาชนซึ่งทำให้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินให้เนื่องจากเห็นถึงความทุ่มเทของพวกเรา เมื่อบริการดีขึ้นประชาชนก็มาใช้บริการมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่มีทางเลือกก็หันกลับมาใช้บริการที่ใกล้บ้านทำให้มีรายได้ส่วนหนึ่งมาสมทบกับเงินงบประมาณให้พอเพียงที่จะพัฒนาไปได้ จากการที่ต้องช่วยกัน เหนื่อยด้วยกันทำให้เรารักกันและให้ความร่วมมือในการพัฒนาเป็นอย่างดี เนื่องจากเราอยู่ใกล้เมืองประชาชนมีทางเลือกทำให้เราต้องสร้างความพึงพอใจแก่ผู้รับบริการ เพราะถ้าเขาไม่พึงพอใจเขาก็จะไม่มาให้เราบริการ ปัจจัยสำคัญ 2 ประการนี้เองที่ทำให้เราสามารถพัฒนาคุณภาพจนได้รับการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลตามมาตรฐานHAและมาตรฐานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ(HPH)ภายในเวลา 2 ปีและเป็นการผ่านการประเมินจากการเข้าประเมินครั้งเดียวกันด้วย นั่นไม่ใช่เพราะมีผอก.ที่เก่ง หรือมีFacilitatorsที่เก่ง ความสำเร็จหลายๆประการที่เกิดขึ้นของโรงพยาบาลบ้านตากเกิดจากส่วนผสมที่ลงตัวกันของคนทุกคนในโรงพยาบาลที่ทำให้เกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ผลักดันจนสามารถพัฒนาโรงพยาบาลไปได้ แต่การผ่านHAไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเราHAเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้นที่จะช่วยประกันว่ากระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยของเรามีความปลอดภัยเพียงพอต่อผู้ป่วย เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวโรงพยาบาลบ้านตากคือประชาชนมีสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุขและโรงพยาบาลอยู่ได้ ที่เราต้องสร้างดุลยภาพของสามสิ่งนี้ไว้ การพัฒนาของเราจะเน้นความเรียบง่าย เน้นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงโดยการบูรณาการเข้ากับงานประจำ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหม่ เปิดโอกาสให้ผู้รับผิดชอบได้มีโอกาสคิดพัฒนางานของตนเอง เราช่วยกันทำงานประจำของเราให้ดีที่สุด คำว่าดีที่สุดคือดีที่สุดสำหรับผู้มารับบริการ ทุกอย่างที่เราทำคือส่วนผสมการทำงานที่ไม่ได้รู้สึกว่ามีงานใหม่เพิ่มเข้ามา การพยายามทำให้ดีที่สุดไม่ใช่แค่รักษาให้ดีที่สุดตามขอบขีดความสามารถของเราเท่านั้นแต่เราพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้คนที่เกี่ยวข้องกับเรา ชุมชนที่เราอยู่มีสุขภาพดีด้วยนั่นคือเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพโดยไม่รู้ตัว ความสำเร็จนี้จึงไม่ใช่ความสำเร็จของผม ไม่ใช่ความสำเร็จของใคร แต่เป็นความสำเร็จของพวกเราชาวโรงพยาบาลบ้านตากทุกคน ที่จริงแล้วจะเห็นว่าเราไม่ได้ทำHA ไม่ได้ทำHPH แต่ทำงานที่เรารับผิดชอบ ทำแบบเงียบๆ เรียบง่าย ศึกษากันเองจากตำราและเอกสารแล้วเอามาประยุกต์ใช้ ถามผู้รู้เมื่อมีข้อติดขัด เปิดใจกว้างรับข้อวิจารณ์จากทุกฝ่าย ทำให้การพัฒนาของเราที่ผ่านมาสถานะสุขภาพของคนบ้านตากดีขึ้น โรงพยาบาลมีศักยภาพและความพร้อมในการดูแลประชาชนมากขึ้น เจ้าหน้าที่มีความสุขในการทำงานมากขึ้น ทำงานเป็นทีมช่วยเหลือกันมากขึ้น การกระทบกระทั่งกันในการทำงานลดลง สมดั่งวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลที่เราร่วมกันสร้างขึ้นว่า“โรงพยาบาลบ้านตาก สะอาดและสวย ดีพร้อมด้วยการบริการ พนักงานสามัคคี เป็นโรงพยาบาลที่ดีของชุมชน” และยิ่งทำไปๆเรากลับลดจำนวนผู้ป่วยลงได้ ลดความถี่ในการมาหาเราลงได้ นัดคนไข้ได้ห่างขึ้นในกลุ่มโรคเรื้อรังเช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เพราะเราให้การรักษาและคำแนะนำจนสามารถควบคุมให้อยู่ในคืที่เหมาะสมได้ดี ถ้าคนไหนมีปัญหาเราก็ออกไปเยี่ยมบ้าน ถ้าเราไม่ออกไปเองเราก็ประสานกับเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยให้ออกไปดูแล จึงมีการทำงานเป็นทีมไม่ใช่แค่ในโรงพยาบาล แต่เป็นทีมในเครือข่ายสถานพยาบาลในอำเภอบ้านตากด้วย ในวันนี้เราได้พัฒนามาถึงระดับหนึ่ง เท่านั้น ยังไม่ใช่ดีที่สุด ยังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมาก บางครั้งผมรู้สึกเหนื่อยมากกับงานที่ถาโถมเข้ามาทั้งงานบริการและงานบริหาร เคยตั้งใจตอนมาอยู่ใหม่ๆว่าจะอยู่แค่ 3 ปีแล้วก็จะย้าย แต่พอมาอยู่เข้าจริงๆกลับรู้สึกผูกพันกับหลายสิ่งหลายอย่างของที่นี่ เจ้าหน้าที่ที่เป็นกันเอง มีความมุ่งมั่น ผู้นำชุมชนที่ให้ความร่วมมือดี ส่วนราชการที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือกัน อีกทั้งประชาชนที่น่ารักของที่นี่ เราพัฒนามาจากความขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่าง ต้องตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา หลายครั้งที่แอบท้อ แต่เมื่อนึกถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ที่เขาทุ่มเทเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน ทำให้ผมสู้ ผมบอกกับทุกคนเสมอว่าเราต้องสู้ ร่วมแรงร่วมใจกัน เราต้องทำเต็มที่ ไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าเราไม่ช่วยตัวเอง เราต้องทำจริงจัง อย่าปลูกผักชี เพราะผักชีไม่มีทางกลายเป็นไม้ยืนต้น แม้เราจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการทุกอย่างของประชาชนทุกคนได้ก็ตาม แม้ยังมีคนไม่พอใจหรือด่าเราบ้าง เราก็ต้องพยายามพัฒนาภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดที่มี ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อให้ประชาชนมีที่พึ่งยามเจ็บไข้ได้ป่วย แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่จะมาใช้บริการแต่อย่างน้อยที่สุดคนจนคนด้อยโอกาสทางสังคมที่ไม่มีทางเลือกควรจะได้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอยู่ใกล้ๆบ้าน
บ้านตากเมืองคนดีที่เราอยู่
รวมใจสู่ร่วมกันร่วมฟันฝ่า
รู้รักกันร่วมต้านอุปสรรคมา
สามัคคีถ้วนหน้ามาช่วยกัน
ร้อยชีวิตผองเราชาวบ้านตาก
คนหมู่มากร่วมจิตร่วมคิดฝัน
หนึ่งเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้ากัน
ใจเรานั้นมุ่งทำดีที่พัฒนา
ไม่มีความเห็น